Skip to main content
sharethis

ถึงแม้สถานการณ์การเมืองระดับประเทศ ยังไม่ถึงกับร้อนแรงนักในทุกพื้นที่ทั่วประเทศ แต่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 จังหวัดแพร่อันประกอบด้วย อ.สอง อ.ร้องกวาง อ.หนองม่วงไข่ และ รวมอ.เมืองอีก 7 ตำบลคือต.ห้วยม้า ต.แม่คำมี ต.แม่หล่าย ต.วังหงษ์ ต.แม่ยม ต.ท่าข้าม และ ต.วังธง รวมประชากรจำนวน 165,079 คน กลับคึกคักมาแต่งแต่เมื่อ 10 เดือนที่แล้ว และคึกคักมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีพ่อเลี้ยงใหญ่จากค่ายการเมืองตระกูล "วงศ์วรรณ" เข้ามามีบทบาทอีกครั้งในจังหวัดแพร่ ด้วยเพราะต้องการทวงตำแหน่งส.ส.คืนให้กับพ่อเลี้ยง "ณรงค์ วงศ์วรรณ"

แม้ไม่ได้คลุกคลีอยู่ในพื้นที่เลย ด้วยเหตุที่ "เสี่ยเอน" หรือ "อนุวัธ วงศ์วรรณ" ไปทำธุรกิจธุรกิจส่งออกด้านการเกษตรอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่และจังหวัดเชียงรายเป็นหลัก ในจังหวัดแพร่นั้นมีเพียงสำนักงานรับซื้อใบยาสูบเก่าๆ ของพ่อเลี้ยงณรงค์ ที่ยังคงรับซื้อสินค้ายาสูบจากชาวไร่อยู่เท่านั้น

แต่การกลับมาของ "อนุวัธ" คราวนี้ สร้างความฮือฮาได้ไม่น้อย ในการเข้ามามีบทบาทในการทำงานระดับจังหวัดร่วมงานกับทางราชการเป็นอย่างดี โดยมีตำแหน่งที่พรรคไทยรักไทยตั้งให้คือตำแหน่ง "ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน" ดังนั้นการทำงานจึงถูกเชื่อมต่อเข้ากับระบบราชการในจังหวัดแพร่ได้อย่างกลมกลืนและแนบเนียน

หลายคนมีความเห็นว่า อนุวัธ ใช้วิธีการบริหารจัดการตามระบบราชการทำงานให้กับชาวบ้านได้ดีกว่า ผู้ว่าฯ ซีอีโอเสียอีก นอกจากนั้นการเข้าถึงประชาชน อนุวัธก็ยังใช้กลยุทธ์เดิม ๆ ที่มิได้เปลี่ยนไปจาก ส.ส. เก่าที่ทำมาคือ การไปร่วมงานศพ งานมงคล งานวัด งานบุญ แล้วก็แจกสิ่งของให้สมใจประชาชน

หลายคนมองว่าบทบาทของอนุวัธ กำลังเป็นความหวังใหม่ของประชาชนที่ขออะไรก็ได้ไม่ผิดหวังสักอย่าง แม้แต่โครงการสร้างถนนคอนกรีตเสริมไม้ไผ่เข้าบ้านท่าวะ ต.สะเอียบ อ.สอง ก็มีการชงเรื่องเล็กๆ อย่างนี้ให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจในวันทัวร์นกขมิ้นมาที่จังหวัดแพร่ หลายคนในจังหวัดแพร่ผิดหวังที่ทางราชการชงเรื่องเล็กเรื่องน้อยให้ทักษิณพิจารณา

แต่สำหรับอนุวัธ แล้วสิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่ประสบความสำเร็จอย่างยิ่ง คะแนนนิยมนายอนุวัธเริ่มพุ่งสูงอย่างน่ากลัวยิ่งนัก เขาสามารถทำยอดสมาชิกให้กับพรรคไทยรักไทยได้ถึง 70,000 คนแล้วในเขตเลือกตั้งที่ 2

สถานการณ์ดังกล่าวเป็นสถานการณ์ที่สะกดไม่ให้นักการเมืองหน้าใหม่กล้ามาลงในพื้นที่เขตเลือกตั้งที่ 2 เพราะประการแรกคือ สู้บารมีแม่เลี้ยงติ๊กไม่ได้อีกกรณีคือสิ่งที่กล่าวมาข้างต้น เสี่ยเอนกลายเป็นคนยอดฮิตของสังคมเมืองแพร่ไปแล้วในช่วงเวลานี้ และสถานการณ์ดังกล่าวย่อมส่งผลกระทบต่อฐานคะแนนแม่เลี้ยงติ๊กโดยตรง

นางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู ส.ส.แพร่ พรรคประชาธิปัตย์ ที่ชนะพ่อเลี้ยงณรงค์ วงศ์วรรณมาแต่อดีต จากนั้นก็มิได้มีใครกล้าเทียบรัศมีเธออีกเลย แต่วันนี้มีลูกชายพ่อเลี้ยงณรงค์ ที่ก้าวขึ้นมาเป็นตัวแทนของพรรคไทยรักไทย ที่มีจังหวะเหมาะเพราะพรรคเองก็ต้องการเพิ่มพื้นที่ครอบครองประชาชนให้มากขึ้น เพื่อรวบอำนาจในสภาผู้แทนราษฎรให้ได้ และหมายมั่นปั้นมือที่สุดคือ การสยบพวกจองหองพองขนเช่นแม่เลี้ยงติ๊กให้หมดที่ยืนในสังคมการเมืองภาคเหนือไปเลยในการเลือกตั้งครั้งนี้ และมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้กับหัวหน้าพรรคอีกด้วย

ส่วนความเคลื่อนไหวของนางศิริวรรณ ปราศจากศัตรู หรือแม่เลี้ยงติ๊ก จากพรรคประชาธิปัตย์ ยังคงลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และยังเชื่อว่าสิ่งที่ทำมาในอดีตยังมีผลอยู่บ้าง แม้แม่เลี้ยงติ๊กยังยืนยันว่าไม่ต้องการซื้อเสียง แต่ขอทำในเรื่องที่ถูกต้องเท่านั้น

"ในส่วนของการสมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดแพร่ เขตเลือกตั้งที่ 2 ที่ดิฉันเป็นผู้แทนอยู่ถ้าพี่น้องประชาชนได้ติดตามความเคลื่อนไหวอย่างใกล้ชิด ก็จะทราบว่าเป็นเขตที่ผู้นำรัฐบาลและน้องสาวให้สัมภาษณ์ในหน้าหนังสือพิมพ์ตลอดเวลาว่า จะเอาให้ได้ ดิฉันในฐานะผู้แทนราษฎรก็ไม่ทราบเหตุผลแต่ว่าด้วยความตั้งใจ เราเป็นผู้แทนราษฎรและใกล้ชิดประชาชนมาโดยตลอด พบว่าในขณะนี้การหาเสียงเริ่มวุ่นวายไม่ว่าจะเป็นข้าราชการ หรือการแจกสิ่งของก็ด้วยความที่เราเป็นผู้แทนราษฎรก็ขอฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เพราะว่าเชื่อว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งได้เพ่งเล็งอยู่ในเรื่องนี้เหมือนกัน ผู้ที่ออกมาประกาศในนามพรรคไทยรักไทยทุกคนรู้จักทราบว่าเป็นใครอย่างไรและทุกคนก็ทราบว่าไม่ได้อยู่เมืองแพร่เลย ทุกครั้งที่มาทำหน้าที่ตัวจริงก็ไม่เคยมา

ในที่สุดคงต้องใช้ระบบเงินค่าใช้จ่ายมหาศาล ใช้ระบบราชการอย่างเต็มที่ และขอเรียกร้องให้รัฐบาล และส่วนราชการกรุณาทำตัวเป็นกลาง โดยเฉพาะทางผู้นำ ไม่ว่าจะเป็นนายอำเภอปลัดอำเภอที่กำลังมีพฤติกรรมอย่างนี้อยู่ คงต้องติงกันและขอฝากความหวังไว้กับคณะกรรมการการเลือกตั้ง ทั้งในพื้นที่จังหวัดแพร่ในส่วนกลาง"

นางศิริวรรณ ย้ำว่าในเขตนี้พี่น้องประชาชนรู้จักตนดีว่าทำงานอย่างไร พฤติกรรมที่มาทุ่งเงินหรือว่าทุ่มทั้งกำลังตำรวจ ทุ่มทั้งกำลังสิ่งของ ซึ่งคนไม่รู้มาจากไหนมาถึงก็มาแจก ก็ขอบอก กกต.เลยว่า ทุกวันนี้แจกอย่างไม่อั้นแจกเต้นท์ แจกถ้วย แจกจาน แจกทุกอย่าง แม้กระทั่งเรียกกำนันผู้ใหญ่บ้านไปรับเงิน บางครั้งมีคนไม่อยากไปก็มีคนไปข่มขู่ และก่อนหน้าที่ประธานสาขาพรรคประชาธิปัตย์ก็โดนอุ้มไปฆ่าเรียบร้อยคดีก็ยังไม่ไปถึงไหน ตรงนี้ รวมไปถึงการย้ายข้าราชการ ดิฉันในนามนายกสมาคมกีฬาจังหวัดแพร่ ข้าราชการคนไหนที่มาทำเรื่องกีฬาก็จะถูกย้ายข้าราชการคนไหนซึ่งดิฉันเป็นคนเมืองแพร่แท้ๆ เรียนจบวัดเมธังกราวาส เรียนต่อโรงเรียนนารีรัตน์ ข้าราชการคนไหนที่เรียนจบเมืองแพร่อยู่โรงเรียนร่วมกับตนก็จะโดยย้ายอีก เรื่องนี้คงต้องฝากคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ต่อข้อถามที่ว่า มีการป้ายสีว่าแม่เลี้ยงติ๊กไปข่มขู่ผู้นำชุมชน นางศิริวรรณกล่าวว่า เรื่องนี้ตนไม่เคยทำ ตนไม่เคยที่จะข่มขู่ใครเพราะไม่ใช่คนอย่างนั้น ในทางกลับกันพวกฝ่ายตรงข้ามต่างหากที่เป็นผู้กระทำ ตนเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ หาเสียงแบบลงติดพื้นที่และหาเสียงอย่างโอบอ้อมอารี เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่กับพี่น้องประชาชนอย่างเพื่อนมนุษย์ ซึ่งเชื่อว่าประชาชนชาวแพร่ไม่ใช่คนที่หลอกง่ายหรือเป็นคนที่ซื้อได้ ถ้าคนแพร่ซื้อได้ ก็ซื้อศิริวรรณไปได้แล้ว เพราะศิริวรณก็คือคนแพร่ที่อยู่ในจังหวัดแพร่

"ดิฉันบอกได้เลยว่าจังหวัดแพร่ 3 เขต เราคิดว่าเราชนะทั้ง 3 เขตเพราะผู้แทนของพรรคไทยรักไทยไม่เคยลงพื้นที่ และตัวผู้แทนเองไม่เคยพูดความจริงกับประชาชน แล้วทุกครั้งนโยบายของรัฐบาลและนโยบายของผู้แทนเป็นการหลอกชาวบ้านเสียส่วนใหญ่ ซึ่งชาวบ้านคิดได้แล้วประสบอยู่ โดยเฉพาะขณะนี้สินค้าแพง
น้ำมันแพงทุกอย่างแพง แต่สินค้าเกษตรกรถูกและตกต่ำมากในขณะนี้สำคัญคือล็อตเตอรี่ปรากฏว่าประชาชนซื้อไม่เคยถูกเลย เกิดความรู้สึกไม่ไว้วางใจ ตรงนี้ถือเป็นความล้มเหลวและเป็นโอกาสดีของพรรคประชา
ธิปัตย์"

อย่างไรก็ตาม แม่เลี้ยงติ๊ก ยังเชื่อว่าชาวแพร่ยังมองไปที่ตัวบุคคลด้วยไม่ใช่เรื่องของพรรคอย่างเดียว ซึ่งเชื่อว่าชาวแพร่จะเลือกคนที่อยู่เมืองแพร่แท้ๆ และพรรคประชาธิปัตย์เองก็อยู่มา 58 ปี ไม่เคยมีอะไรเสียหาย ไม่มีนโยบายโฆษณาชวนเชื่อ ไม่มีนโยบายลดแลกแจกแถม มีแต่เรื่องจริงๆ คนจนได้รับบริการฟรี คนมีสตางค์ก็จ่ายเงิน คนทำงานได้ก็ซื้อบัตรสุขภาพ นี่คือนโยบายที่ประชาธิปัตย์ทำมาโดยตลอด ผู้สูงอายุก็จัดให้มีเบี้ยยังชีพ นักศึกษาก็มีเงินกู้ยืมเรียน สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องจริงในสังคมปัจจุบันอยู่แล้ว

ขณะที่พรรคไทยรักไทย มีความล้มเหลวในนโยบายพักชำระหนี้ ซึ่งความล้มเหลวเห็นได้ชัด แต่ในพรรคประชาธิปัตย์ดำเนินการปรับโครงสร้างหนี้ ซึ่งประชาชนเข้าใจว่าตนเองยังมีหนี้อยู่ แต่ว่ามีการผ่อนคลายในระยะยาวทำหนี้ร้อนให้เป็นหนี้เย็น แต่คำว่าพักชำระหนี้ของไทยรักไทยมีการประชาสัมพันธ์กันจนประชาชนเข้าใจว่ายกหนี้ให้เขา

อันนี้เป็นคำที่หลอกลวงต่อชาวบ้านไปตลอด โครงการ 30 บาทรักษาทุกโรค ซึ่งจริงๆ แล้ว ประชาธิปัตย์ฟรี คือ คนจนฟรี ผู้สูงอายุฟรี นโยบายเอื้ออาทรสารพัดโครงการ นโยบายปราบยาเสพติด แต่เรามองว่า การปราบยาเสพติดคือการฆ่าตัดตอนมีการฆ่าคนมากมาย ยังมีอีกหลายเรื่องที่ใช้ภาษาที่ทำให้ชาวบ้านลุ่มหลง

นี่เป็นคำกล่าวคำต่อคำจากแม่เลี้ยงติ๊ก ที่ยังคงลงพื้นที่ในเขตเลือกตั้งที่ 2 และต้องเตรียมการเพื่อวางกำลังไปในเขตเลือกตั้งที่ 1 และที่ 3 ถึงแม้ว่าแม่เลี้ยงติ๊กจะเป็นผู้หญิงตัวคนเดียว แต่แนวทางการเมืองที่มีพันธมิตรมากมายในจังหวัดแพร่ และ กำลังสำคัญของแม่เลี้ยงติ๊กก็คือ "นายแพทย์ชาญชัย ศิลปอวยชัย " นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดแพร่ที่ก้าวมาช่วยเหลือโดยตรง เพื่อเผด็จศึกกำจัดศัตรูทางการเมืองร่วมกัน

แนวร่วมแม่เลี้ยงติ๊กจึงมีรัศมีแผ่วงกว้างออกไปอย่างไม่มีขีดจำกัด ถึงแม้เม็ดเงินจะไม่สามารถสู้กับกับ "เสี่ยเอน" ได้เลยแม้แต่นิดเดียว ตรงนี้เองที่เป็นจุดบอดในการทำศึกครั้งนี้ ถ้าพรรคไม่มีการส่งกำลังบำรุงเห็นทีจะหืดขึ้นคอ นอกเสียจากประชาชนชาวแพร่จะหันมาเทคะแนนให้ตามกระแสสังคมที่มองพรรคไทยรักไทยอยู่ในช่วงขาลง

โครงการความร่วมมือด้านข่าวภูมิภาค
พลเมืองเหนือ-ประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net