กรุงเทพฯ-17 พ.ย.47 ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขแดงที่ อ.79/2547 ระหว่างนายกมล ณ เอ้งย่อง นายสุรศักดิ์ พิมพ์ทน และนายสมเกียรติ รอดน้อย ผู้ฟ้องคดีที่ 1-3 กับผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ นายอำเภอบางพลี นายกองค์การบริหารส่วนตำบล (นายกอบต.) ราชาเทวะ สาธารณสุข จ.สมุทรปราการ ผู้ว่าราชการกทม. และหจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ ผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-6 ตามลำดับคดีนี้
ศาลปกครองกลางพิพากษาว่า นายกอบต.ราชาเทวะ ออกใบอนุญาตให้หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ กำจัดขยะมูลฝอยโดยวิธีการฝังกลบ ในท้องที่ต.ราชาเทวะ โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ให้เพิกถอนใบอนุญาตโดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2546
ส่วนประเด็นการละเลยต่อหน้าที่ ให้จำหน่ายคดีในส่วนของนายอำเภอบางพลี และนายกอบต.ราชาเทวะ และยกฟ้องผู้ว่าราชการ จ.สมุทรปราการ และสาธารณสุข จ.สมุทรปราการ
อย่างไรก็ตาม ผู้ฟ้องคดีทั้งสามยื่นอุทธรณ์ต่อศาลปกครองสูงสุดว่า โครงการดังกล่าวเกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายของผู้ถูกฟ้องคดีทั้ง 6 และเป็นโครงการที่เกิดขึ้นโดยขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการผังเมืองและกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุข
ผู้ฟ้องคดีทั้งสามและประชาชนที่อาศัยอยู่ในบริเวณใกล้เคียงได้รับความเดือดร้อนจากกลิ่นเหม็นของขยะมูลฝอย ก็เนื่องมาจากการกระทำละเมิดของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 6 และการละเลยต่อหน้าที่ของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-5
ทั้งนี้ การนำขยะสดกว่า 3,500 ตันต่อวัน มาฝังกลบท่ามกลางชุมชนใกล้เคียง ไม่อาจแก้ไขหรือหลีกเลี่ยงความเดือดร้อนรำคาญที่จะเกิดแก่ประชาชนได้เลย ซึ่งกลิ่นเหม็นจากบ่อฝังกลบขยะดังกล่าว ยังคงมีอยู่จนถึงปัจจุบัน ผู้ฟ้องคดีขอให้มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง ให้ย้ายที่ฝังกลบขยะมูลฝอยออกไปจากพื้นที่
ศาลปกครองสูงสุดตรวจสอบสำนวนคดีแล้วพิพากษาแก้คำพิพากษาศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้เพิกถอนใบอนุญาต หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ มีผลนับแต่วันที่พ้นกำหนด 90 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษาระหว่างที่คำพิพากษาของศาลปกครองสูงสุด ยังไม่มีผลบังคับ ให้นายกอบต.ราชา เทวะ และผู้ว่าฯ กทม. ควบคุมดูแลเอกชนที่รับจ้างฝังกลบขยะให้ปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งคำแนะนำของกรมควบคุมมลพิษโดยเคร่งครัด หากปรากฏว่ามีการฝ่าฝืน ให้นายกอบต.ราชาเทวะ ดำเนิน การตามกฎหมายว่าด้วยการสาธารณสุขกับบริษัทเอกชนโดยเคร่งครัด
นอกจากนี้ เมื่อการประกอบกิจการกำจัดมูลฝอยที่ ต.ราชาเทวะ สิ้นสุดลงแล้ว ให้ผู้ว่ากทม.ควบ
คุมดูแลให้ หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ ต้องตรวจสอบดูแลรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมบริเวณสถานที่ฝังกลบมูลฝอย เป็นระยะเวลาหนึ่งปี หลังจากสิ้นสุดสัญญาแล้วโดยเคร่งครัด
ทั้งนี้ ศาลเห็นว่า การกำจัดมูลฝอยเป็นการจัดทำบริการสาธารณะ ซึ่งมีปริมาณมูลฝอยมากถึงวันละ 1,500-3,500 คัน หากห้ามประกอบกิจการในขณะที่ยังจัดหาสถานที่กำจัดมูลฝอยแห่งใหม่ไม่ได้ จะก่อให้เกิดความเสียหายต่อส่วนรวมเป็นอย่างมาก และเป็นวงกว้าง
ขณะเดียวกัน ปรากฏว่าสัญญาจ้างเหมากำจัดมูลฝอยระหว่างกทม.กับหจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ จะสิ้นสุดลงในวันที่ 30 พ.ย.2547 และกทม.ได้เรียกประกวดราคาจ้างเหมากำจัดมูลฝอยใหม่แล้ว ซึ่งมีเพียง หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ ยื่นประกวดราคาโดยเสนอทำการฝังกลบมูลฝอยที่จ.ฉะเชิงเทรา และมีพื้นที่ฝังกลบสำรองที่ต.ราชาเทวะ จึงฟังได้ว่ามีการจัดเตรียมสถานที่แห่งใหม่สำหรับกำจัดมูลฝอยที่ยื่นเสนอประกวดราคาใหม่แล้ว โดยยังมีพื้นที่สำรองที่ตำบลราชาเทวะ เท่านั้น
อนึ่ง หลังจากที่ศาลปกครองกลาง มีคำพิพากษาให้เพิกถอนใบอนุญาตให้ หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ กำจัดมูลฝอยโดยวิธีฝังกลบในท้องที่ต.ราชาเทวะ เมื่อวันที่ 16 มี.ค.2546 ปรากฏว่านายกอบต.ราชาเทวะ ได้ออกใบอนุญาตฉบับใหม่ให้ หจก.ไพโรจน์สมพงษ์พาณิชย์ กำจัดมูลฝอยต่อไปอีก 2 ฉบับๆ ละ 1 ปี ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มี.ค.2546 ซึ่งเป็นวันเดียวกันกับวันที่คำพิพากษาของศาลปกครองกลาง มีผลบังคับให้เพิกถอนใบอนุญาต
ประชาไทรายงาน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)