ศูนย์ข่าวภาคเหนือ- 17 พ.ย.47 มีรายงานจากสำนักข่าว S.H.A.N ว่า ระหว่างวันที่ 27 - 29 ต.ค.ที่ผ่านมา
มีการเรียกประชุมฉุกเฉินของเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพสหรัฐว้า หรือ [UWSA - United Wa State Army] ที่บก. เมืองปางซาง ภาคเหนือของรัฐฉาน เพื่อหารือถึงการเปลี่ยนแปลงผู้นำในพม่า

แหล่งข่าวจากเมืองสาด ตรงข้ามกับจังหวัดเชียงใหม่ เล่าว่า ผลของการประชุมนอกจากข้อสรุปที่เปิดเผยอย่างเป็นทางการสามข้อ โดยทางสถานีวิทยุ DVB (Democratic Voice of Burma) ได้ออกอากาศไปก่อนหน้านี้ คือ 1. ทางกองทัพสหรัฐว้าจะยึดมั่นในสัญญาหยุดยิงที่เคยให้ไว้กับทางกองทัพพม่า 2. กองทัพสหพันธรัฐว้าจะยึดมั่นในการปราบปรามยาเสพติดให้หมดไปจากพื้นที่ปกครองของว้าภายในปีหน้านี้ และ 3. กองทัพสหรัฐว้าจะให้ความร่วมมือกับโครงการเศรษฐกิจ

นอกจากนี้ ในการประชุมยังมีข้อสรุปที่ไม่เปิดเผยอย่างเป็นทางการอีก 3 ข้อ คือ 1. กองทัพสหรัฐว้าจะไม่ยอมวางอาวุธให้กับรัฐบาลพม่าอย่างเด็ดขาด 2. หากมีการเปิดเผยจากกองทัพพม่าว่ากองทัพว้าเกี่ยวข้องกับยาเสพติด ทางกองทัพว้าเองก็จะเปิดเผยเกี่ยวกับพฤติกรรมของพม่าเช่นเดียวกัน และ 3. คือหากพม่าเปิดศึกโจมตี ทางกองทัพสหรัฐว้าก็จะต่อสู้จนถึงที่สุด

นอกจากนี้ ยังมีคำสั่งให้กับทหารของตนทุกหน่วยว่า หากทหารคนใดหลบหนี หรือมอบตัวต่อทางกองทัพพม่าในระหว่างเกิดการสู้รบนั้น จะได้รับการลงโทษอย่างหนักรวมไปถึงครอบครัวอีกด้วย

ทั้งนี้ กองทัพสหรัฐว้ากับกองทัพของรัฐบาลทหารพม่านั้น มีการกระทบกระทั่งกันบ่อยครั้ง ในช่วงระยะหลังๆ นี้ ซึ่งก่อนหน้าที่พลเอกขิ่นยุ้นต์จะถูกปลดออกจากตำแหน่ง 2-3 เดือน มีการเข้าใจผิดกันครั้งหนึ่งคือ เมื่อวันที่ 22 กันยายน ทางกองทัพพม่าส่งกองพลที่ 99 เข้าโอบล้อมบริเวณรอบนอกฐานประจำการของกองทัพสหรัฐว้า

และในวันเดียวกันนั้น ทหารพม่า 50 นายพร้อมอาวุธครบมือ รุกล้ำเข้าไปในเขตของว้า ทางทหารว้าได้ทำการปลดอาวุธทั้งหมด หลังจากนั้นสามวันจึงได้รับการปล่อยตัว เกี่ยวกับกรณีนี้ จึงทำให้มีการถกเถียงกันระหว่างนายโบ่หลาคำ รองผบ.กองทัพสหรัฐว้ากับพลตรีมิ้นหล่าย แม่ทัพภาคตะวันออกเฉียงเหนือ

ซึ่งครั้งหนึ่ง, ทางพลตรีมิ้นหล่ายได้ปฏิเสธพร้อมบอกว่าอาจเป็นเพราะการเข้าใจผิดของทหารชุดดังกล่าวมากกว่า คงไม่ใช่การจงใจ

อย่างไรก็ตามหลังจากที่พลเอกขิ่นยุ้นต์ ซึ่งเป็นผู้สร้างความประนีประนอมต่อชนกลุ่มน้อยหลายๆ กลุ่มรวมทั้งว้า ถูกปลดออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 19 ต.ค. ที่ผ่านมา ในขณะนี้ ทำให้การเดินทางไปมาของทหารว้ามีความลำบากมากขึ้น และทุกครั้งก่อนออกเดินทางต้องแจ้งให้กับทหารพม่าทราบก่อน

อย่างเช่น หากต้องเดินทางจากเชียงตุงไปเมืองสาด ก็ต้องแจ้งให้กับกองพันทหารราบที่ 43 ซึ่งมีฐานบัญชาการอยู่ที่เมืองเปียง หากต้องเดินทางไปเมืองโต๋น ก็ต้องแจ้งให้กับกองพันทหารราบที่ 49 ที่เมืองสาด และถ้าต้องการเดินทางไปทางภาคตะวันตกโดยข้ามแม่สาละวิน ผ่านสะพานท่าซาง ก็ต้องแจ้งกับกองพันทหารราบที่ 65 เมืองโต๋น โดยคำสั่งนี้ขึ้นตั้งแต่วันที่ 5 พฤศจิกายนเป็นต้นไป

ด้านผู้สังเกตการณ์ในพม่าจากต่างประเทศรายหนึ่งกล่าวว่า ถึงเวลาแล้วที่ทางกองทัพสหรัฐว้าจะต้องหันมาให้ความร่วมมือกับชนกลุ่มน้อยที่กำลังต่อสู้กับรัฐบาลทหารพม่าอยู่ในขณะนี้ เพื่อแสดงถึงความเป็นเอกภาพ ทั้งนี้เพื่อที่จะทำให้กองทัพพม่ามีความเกรงใจและหันมาเจรจาเพื่อเปลี่ยนแปลงการเมืองในพม่าไปในทางที่ดีมากขึ้น เพราะถ้าหากต่างกลุ่มต่างต่อสู้เพียงลำพัง อาจต้องพบกับความล้มเหลวเท่านั้น

ฟ้า เวียงอินทร์
รายงาน