Skip to main content
sharethis

คนไทยกำลังกอดขีปนาวุธสัญชาติอเมริกันที่พุ่งเร็ว เพื่อนำไปสู่เป้าหมายของการทำลายตัวเอง

ดังที่ทราบกันอยู่แล้วว่า นับจากหลังสงครามโลกครั้งที่สองเป็นต้นมา ที่รัฐบาลไทยได้เลือกที่จะอาศัยฉายาอำนาจของสหรัฐในการป้องกันตนเอง แต่นโยบายนี้ไม่ได้มุ่งที่ความปลอดภัยของชาติโดยตรง แต่กลับเอาชาติไทยของเราไปผูกติดอยู่กับยุทธศาสตร์โลกของสหรัฐ ประเทศไทยจะถูกรุกรานหรือไม่ มิได้ขึ้นอยู่กับประเทศไทยเอง กลับขึ้นอยู่กับว่า ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐกับมหาอำนาจอื่นตึงเครียดถึงขนาดที่จะเปิดสงครามท้องถิ่นในภูมิภาคใดของโลกหรือไม่ ฉะนั้นหากประเทศไทยถูกรุกรานจริง กองกำลังหลักที่จะใช้ปกป้องบ้านเมืองกลับเป็นกองกำลังของสหรัฐ ดังนั้นกองทัพไทยจึงถูกพัฒนาขึ้นเพื่อทำภารกิจเป็นส่วนหนึ่งในยุทธศาสตร์โลกของสหรัฐเป็นสำคัญ

จุดมุ่งหมายที่แท้จริงของการผูกติดทางการเมืองระหว่างประเทศกับสหรัฐตลอดมาจึงไม่ใช่ความปลอดภัยของชาติ หากเพราะผู้มีอำนาจในบ้านเมืองซึ่งล้วนดำรงอำนาจทางการเมืองจากฐานอำนาจของกองทัพ ต่างต้องการให้สหรัฐสนับสนุนอำนาจการเมืองภายในของตัวเองด้วยความช่วยเหลือด้านต่างๆ เหตุดังนั้นความสัมพันธ์ทางการเมืองกับสหรัฐที่ผ่านมา ไทยจึงตกเป็นเบี้ยรองบ่อนตลอด เปิดให้การแทรกแซงของสหรัฐทั้งทางตรงและทางอ้อมและในทุกด้าน ทั้งหมดนี้เพียงเพื่อรักษาอำนาจทางการเมืองของผู้ปกครอง ซึ่งส่วนใหญ่มักฉ้อฉลเท่านั้น

ในขณะเดียวกันก็ก่อให้เกิดวัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" ในบรรดาผู้ปกครองไทยสืบมา แม้ในภายหลังไม่ได้อาศัยแต่กองทัพเป็นฐานอำนาจเพียงอย่างเดียวก็ตาม ทั้งนี้รวมไปถึงชนชั้นนำของสังคมไทยทั้งหมด ซึ่งมักจะถูกวัฒนธรรมอเมริกันครอบงำ ทั้งโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัว เป็นส่วนใหญ่

ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศเปลี่ยนไป เช่น หมดยุคสงครามเย็นซึ่งแบ่งโลกออกเป็นสองขั้ว และนโยบายของรัฐบาลไทยเปลี่ยนไปสู่การสร้างระยะห่างที่ใกล้เคียงกันระหว่างไทยกับมหาอำนาจต่างๆ ของโลก วิธีคิดตามวัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" จึงยังติดอยู่ในหมู่ผู้นำและชนชั้นนำไทยอย่างเหนียวแน่น อะไรที่อเมริกันว่าดี ก็ว่าดีไปตามเขา อเมริกันว่าชั่ว ก็ชั่วไปตามเขา ฉะนั้นในสถานการณ์ที่ละเอียดอ่อนเช่นนี้ วัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" ในสมองของผู้นำและชนชั้นนำ จึงทำให้ไทยมีพลังสำหรับการต่อรองให้ได้จุดที่สมดุลที่สุดในความสัมพันธ์เกิดขึ้นได้ยาก

ยิ่งหลังจากนโยบายพัฒนา (ซึ่งทำตามคำสั่งของธนาคารโลกอันมีอเมริกันกำกับอยู่เบื้องหลัง) สหรัฐกลายเป็นแหล่งทุนและตลาดสำคัญในการระบายสินค้าของไทยมากขึ้นทุกที (ปัจจุบันตลาดอเมริกันมีมูลค่าประมาณร้อยละ ๑๗ ของการส่งออกของไทย) ยิ่งทำให้ผู้นำไทยและชนชั้นนำไทยสูญสิ้นความคิดอ่านที่จะปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ปล่อยให้สหรัฐบีบคั้นเอารัดเอาเปรียบได้ตามใจชอบ โดยอ้างว่าเพื่อรักษาแหล่งทุนและตลาดสำคัญนี้ไว้

อย่าลืมด้วยว่า เราดำเนินนโยบายพัฒนามาเกือบตลอดภายใต้ระบอบเผด็จการทหาร และนโยบายพัฒนาที่เราใช้นั้นเป็นการพัฒนาที่ไม่เป็นธรรม และไม่ยั่งยืน เป็นนโยบายเพิ่มผลผลิตมวลรวมโดยวิธีรีดเอาทรัพยากรและแรงงานผู้คนไปกระจุกไว้กับคนจำนวนน้อย และคนจำนวนน้อยนี้แหละที่เก็บเกี่ยวผลกำไรได้เต็มที่จากแหล่งทุนและตลาดอเมริกัน และคนจำนวนน้อยนี้แหละที่เข้ามาถืออำนาจโดยตรงหรือโดยอ้อมในระบบเลือกตั้งของประชาธิปไตยไทย

ไม่แต่เพียงด้านการเมืองและเศรษฐกิจเท่านั้น แม้ด้านวัฒนธรรมผู้นำไทยก็ปล่อยให้อเมริกันครอบงำ อย่างไม่เปิดให้มีทางเลือกที่หลากหลาย เช่นระบบและโครงสร้างการศึกษาไทยนั้นลอกเลียนระบบและโครงสร้างของสหรัฐมาอย่างใกล้ชิด เช่นเดียวกับการจัดการด้านการจราจร น้ำ การบริหารบริษัท กองทัพ สื่อ ฯลฯ ล้วนตกอยู่ใต้การชี้นำหรือการลอกเลียนอเมริกันทั้งสิ้น และยิ่งถูกครอบงำทางวัฒนธรรมมากขึ้นเท่าไร โอกาสที่ไทยจะคิดและกระทำอย่างอิสระ ไม่ว่าในทางเศรษฐกิจ การเมือง หรือวัฒนธรรมก็ยิ่งริบหรี่ลงไปเรื่อยๆ ไม่จำเป็นต้องพูดถึงการต่อรองเรื่อง FTA การส่งทหารไปอิรักครั้งใหม่ หรือการปล่อยให้ซีไอเอเข้าไปปฏิบัติภารกิจในจุดล่อแหลมต่างๆ ของประเทศ ฯลฯ ผู้นำไทยและชนชั้นนำไทยกลับเห็นว่าเป็นความช่วยเหลือหรือความกรุณาปราณีของสหรัฐไปเสียหมด

ฉะนั้นวัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" จึงเป็นภยันตรายอย่างใหญ่หลวงต่อประเทศชาติ เราจึงใคร่เรียกร้องให้ประชาชนผู้ใช้สิทธิ์เลือกตั้ง พยายามกำจัดเหยื่อของวัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" ออกไปจากวงการเมืองไทย ด้วยการไม่เลือกบุคคลเหล่านั้นเข้าไปเป็นตัวแทนของเรา

เราควรตรวจสอบและประเมินเองว่า บุคคลที่เสนอตัวให้เราเลือกต่างๆ นั้น มีความเข้าใจภยันตรายของวัฒนธรรม " ตามก้นอเมริกัน" มากน้อยเพียงไร เขามีจุดยืนอย่างไรในการรักษาผลประโยชน์ของชาติบ้านเมืองเมื่อต้องสัมพันธ์กับสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นในทางการเมืองระหว่างประเทศ ทางเศรษฐกิจ หรือในทางการเมืองก็ตาม ทั้งนี้รวมถึงกลวิธีอันชาญฉลาดในการเพิ่มอำนาจต่อรองของไทยในวงเจรจากับสหรัฐด้วย

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net