"ทะเลรอการเยียวยาได้ แต่ต้องเยียวยาให้ถูกวิธี" ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ อ.ภาควิชาประมง คณะวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์กล่าว

อย่างไรก็ดี ดร.ธรณ์เห็นว่า ชาวประมงพื้นบ้าน ชาวประมงชายฝั่ง ได้รับผลกระทบอย่างมากแน่นอน เนื่องจากระบบนิเวศในทะเลได้รับความเสียหาย และมีความเปลี่ยนแปลง ซึ่งชาวบ้านเหล่านี้ไม่ใช่ประชาชนที่มีหนี้สินแต่เป็นคนหาเช้ากินค่ำ อยู่กับทะเลไม่มีรายได้ทางอื่น

ไมเคิล คีโอก์ ศาสตราจารย์ด้านระบบนิเวศ วิทยาทางท้องทะเลจากมหาวิทยาลัยเมลเบิร์นกล่าวว่าปะการังที่อยู่ในประเทศศรีลังกา และจังหวัดภูเก็ตของประเทศไทย น่าจะได้รับความเสียหายค่อน ข้างรุนแรง เนื่องจากคลื่นยักษ์ได้กระแทกพวกมันอย่างกระชั้นชิด

"ซึ่งพวกมันจะเสียหายขนาดไหน ก็ขึ้นอยู่กับขนาดของคลื่นที่เข้ากระแทกพวกมัน"

ขณะที่สัตว์ซึ่งอาศัยอยู่ในทะเลลึก มีความเป็นไปได้ที่จะหลบหนีจากแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ที่เกิดใต้มหาสมุทรอินเดียได้ทัน แต่ระบบนิเวศวิทยาตามแนวชายฝั่งนั้นได้ย่อยยับไปหลังจากถูกกำแพงคลื่นเข้าขยี้

อนึ่ง แผ่นดินไหวระดับความรุนแรง 9.0 ตามมาตราริกเตอร์ ที่เกิดบริเวณเกาะสุมาตราเมื่อวันอาทิตย์(26) ซึ่งเป็นแผ่นดินไหวครั้งร้ายแรงที่สุดครั้งหนึ่งในรอบศตวรรษ ได้ก่อให้เกิดคลื่นยักษ์ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนใน 10 ประเทศไปแล้วราว 70,000 คน

นอกจากนั้น บรรดารีสอร์ตที่เป็นที่นิยมในหมู่นักดำน้ำเช่นในประเทศมัลดีฟส์ และเกาะทางใต้ของประเทศไทย ต่างต้องราบเป็นหน้ากลองด้วยแรงอันมหาศาลของคลื่นยักษ์

ส่วนฟาร์มเพาะเลี้ยงปลาในประเทศต่างๆ โดยเฉพาะในประเทศไทยก็ถูกทำลายไปด้วยเช่นกัน นอกจากนี้ป่าโกงกางซึ่งเป็นสถานที่อนุบาลลูกกุ้งและลูกปลาก็ถูกคลื่นยักษ์ซัดจนเสียหายไปมากเช่นกัน

คีโอก์ยังได้กล่าวเพิ่มเติมว่า "ถ้าหากคุณสูญเสียแนวปะการังไป ก็เท่ากับคุณได้สูญเสียสิ่งที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวไป เพราะฉะนั้นพวกนักท่องเที่ยวก็จะเดินทางไปที่อื่นแทน"

อนึ่ง แนวหินปะการังที่ว่านี้จะเติบโตเพียงครึ่งเซนติเมตรต่อหนึ่งปีเท่านั้น

ทั้งนี้ บริเวณที่ได้รับความเสียหายมากที่สุดคือช่วงระหว่าง 100 เมตรจนถึง 1 กิโลเมตรจากชายฝั่ง อย่างไรก็ตาม บริเวณที่สัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม เช่น วาฬและโลมาใช้หาอาหารและสืบพันธุ์นั้นน่าจะได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ประชาไทรายงาน