Skip to main content
sharethis

กิ่ง อ.สุขสำราญ บริเวณหาดประพาส เป็นที่อยู่อาศัยของหมู่บ้านชาวประมงกว่าร้อยปีแล้ว ที่นี่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ใช้เครื่องมือจับสัตว์น้ำในทะเลตามวิถี "ชาวเล" ที่บ่มเพาะมานานเป็นรุ่นปู่ย่าตายายถ่ายทอดมาจนถึงลูกหลาน หลังเหตุการณ์คลื่นยักษ์สิ่งที่ชาวประมงหาดประพาส ได้รับนอกเหนือจากความพินาศของชีวิต บ้าน เรือ เครื่องมือประมงที่ใช้ยังชีพแล้ว วิถีชีวิตของชาวเล กำลังเป็นปัญหาใหญ่ตามมา

นายสมพงษ์ พงษ์ประเสริฐ หรือป๊ะแก่ ชาวเลคนหนึ่งกล่าวกับ " ประชาไท" ว่า ขณะนี้อายุ 54 ปีแล้ว จากประสบการณ์ในชีวิตผ่านการผจญพายุและความบ้าคลั่งของทะเลนับไม่ถ้วน แต่คลื่นใหญ่ครั้งไหนก็ไม่รุนแรงเท่าคลื่นยักษ์ครั้งนี้

ป๊ะแก่ถ่ายทอดเรื่องราวในชีวิตว่า บ้านหาดประพาส ต.กำพวน กิ่ง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง คือหมู่บ้านเก่าแก่ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยมาตั้งแต่สมัยรุ่น ปู่ ย่าตายาย เดิมหมู่บ้านหาดประพาสเรียกว่า" บ้านทับเหนือ" แต่พอมาในสมัยจอมพลประพาส จารุเสถียรขึ้นเป็นผู้นำประเทศ ทางราชการได้เปลี่ยนชื่อจากบ้านทับเหนือมาเป็นบ้านหาดประพาสในภายหลัง

"แต่ชาวบ้านก็ยังคงเรียกบ้านทับเหนืออยู่ดี ผู้แทนมาเดี๋ยวๆก็ไป แต่เราอยู่ที่นี่มานาน เราให้ชื่อหมู่บ้านตามที่เราเคยชินมากกว่า" ป๊ะแก่เล่าพร้อมกับหัวเราะ

ป๊ะเล่าว่า เริ่มทำประมงตอนอายุประมาณ 15 ปี ออกอวน ออกทะเลมาตลอด ทั้งลอยอวนกุ้ง ตกเบ็ดปู รุนกุ้งเคยตามริมหาด ตกปลาทราย ออกอวนปลา ทำมาสารพัด บนฝั่งจะหาปลาทราย ส่วนในทะเลลึกจะตกเบ็ดปลาใหญ่ตามแถวแนวปะการัง ตามเกาะล้าน เกาะไผ่ ปลาที่ได้จะมีขนาดตัวละหนึ่งถึงสองกิโลกรัม ป๊ะหากินกับทะเลมาตลอด เชี่ยวชาญด้านนี้มากเพราะทำมาตั้งแต่เด็ก

"งานออกทะเลนั้นไม่แน่นอน บางครั้งได้มาก บางครั้งได้น้อย แล้วแต่โชคชะตา เดิมป๊ะมีเรือใหญ่หนึ่งลำ เรือเล็กอีกหนึ่งลำ แต่ตอนนี้สูญหายไปกับสายน้ำยังตามหาไม่เจอ หลังเหตุการณ์ยังรู้สึกกลัวทะเล เพราะโดนหนักขนาดนี้ แต่หัวใจยังชอบทะเล เราเป็นคนเล ถ้าไม่ทำเลก็ไม่รู้จะทำอะไร เรานึกไม่ออกเลยว่าถ้าเปลี่ยนอาชีพจะทำอะไร" ป๊ะแก่กล่าว

เมื่อกล่าวถึงคลื่นยักษ์" ป๊ะแก่" กล่าวน้ำเสียงเศร้า ป๊ะเล่าว่า คลื่นที่ซัดสาดเข้ามาในหมู่บ้านมาเร็วมาก คลื่นมาเร็วกว่าเรือที่กำลังวิ่งเข้าฝั่ง เรือที่วิ่งหน้าคลื่นถูกคลื่นครอบและจมลงทีละลำๆ เรือคว่ำตามหลังคลื่นที่ซัดกระแทกเข้าหาชายฝั่ง

"ป๊ะตะลึงยืนดูจนเพลิน ทะเลมีไอน้ำลอยขึ้นมาเป็นควัน ดูงดงามมาก น้ำทะเลกลายเป็นไอลอยขึ้นบนฟ้า พอถูกแสงอาทิตย์สาด ก็ทอแสงเป็นประกาย มันเป็นความงามของความอันตราย เป็นความสวยของความตาย คลื่นครอบเรือคว่ำหายไปทีละลำๆ " ป๊ะแก่ถ่ายทอดภาพที่ตนเห็นให้ฟัง

ป๊ะตะลึงรู้สึกว่าใจผวาแต่ก็ไม่ได้วิ่งหนีไปไหน คิดแต่ว่าหากเป็นเราโดนคลื่นครอบจมเรืออย่างนั้นจะเป็นอย่างไร ป๊ะมารู้สึกตัวอีกทีตอนคลื่นม้วนซัดขึ้นมาตรงชายหาดที่ป๊ะยืนอยู่ คลื่นมาแรงมาก ป๊ะลอยไปตามแรงน้ำ โชคยังมีที่มือคว้าไปเกาะต้นไม้ได้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ได้นั่งเล่าเรื่องได้อยู่แบบนี้" ป๊ะสมพงษ์กล่าว

ป๊ะเล่าถึงเหตุการณ์สมัยผจญพายุบ้านญาติพี่น้องตอนไปเที่ยวแหลมตะลุมพุก อ.ปากพนัง จ.นคร ศรีธรรมราชว่า ขณะนั้นอายุ 12 ปี ก่อนที่พายุจะมา มีคลื่น มีลม เป็นทั้งลมทั้งฝนกระหน่ำมาก่อนตอนกลางคืน จากนั้นซัดคลื่นสูงมาก สำหรับชาวเลเพียงมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นก็สามรถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรตามมาจึงมีหลายคนที่หนีรอดจากคลื่นและพายุได้

"เหตุการณ์แหลมตะลุมพุก ป๊ะแทบจะลืมแล้ว มันผ่านมาเกือบ 40 ปี แต่เหตุการณ์นี้คงอีกนานกว่าจะลืมได้ บางทีอาจต้องใช้เวลาทั้งชีวิต ภาพคลื่นยักษ์ผุดขึ้นจากทะเลยังติดตา ไม่มีใครรู้ตัว ไม่มีสัญญาณ ไม่มีลางบอก ทะเลนิ่งจนเกินไป มีคนสังหรณ์ใจอยู่บ้าง แต่ไม่มีใครคาดว่าคลื่นยักษ์จะมาหลังจากทะเลนิ่งสนิท ไม่มีใครรู้เลยว่าความเสียหายจะรุนแรงมากเท่านี้" ป๊ะกล่าวด้วยความสะเทือนใจ

ป๊ะเล่าว่า ขณะที่น้ำซัดมาได้ยินเสียงลูกชายเรียกหา แต่กว่าจะได้พบกับเมีย และลูก ก็ต้องสูญเสียหลานชายกับลูกสะใภ้ไปกับน้ำเสียแล้ว ศพพวกเขาและคนอื่นๆถูกน้ำซัดไปติดรวมกันที่เกาะกลางน้ำซึ่งเป็นป่าโกงกาง เรือในคลองที่จอดไว้ลอยไปติดที่นั่นเช่นเดียวกันในสภาพที่พังยับเยิน

ป๊ะบอกย้ำหลายครั้งว่าการมาของคลื่นยักษ์ครั้งนี้จะส่งผลกระทบต่อสัตว์น้ำในทะเลแน่นอน คลื่นยักษ์แบบนี้ยังไม่เคยเกิดขึ้น จึงไม่ทราบว่าทะเลจะได้รับความเสียหายรุนแรงมากขนาดไหน อาจรุนแรงจนทำให้ปลาสูญพันธ์ได้

"ตอนนี้ชาวเลเองต้องรอ ต้องให้ปลาและสัตว์อื่นๆในทะเลพักฟื้นตัว ที่สำคัญคือชาวประมงที่เองก็ต้องการเวลาในการฟื้นฟูจิตใจด้วย เพราะทั้งชีวิตคนอันเป็นที่รัก เครื่องมือสำหรับยังชีพ หรือกระทั่งเรือที่เปรียบเสมือนชีวิต ได้กลับคืนสู่ทะเลไปจนหมดสิ้น" ป๊ะแก่กล่าว

ป๊ะเล่าในตอนท้ายว่า ตอนนี้ยังทำใจออกทะเลไม่ได้ แต่ถึงอย่างไรป๊ะก็ต้องทำงานเลต่อ แต่คงออกทะเลแบบไม่ประมาท เพราะครั้งนี้ได้บทเรียนจนเกินพอแล้ว ด้วยความไม่รู้เท่าทันจึงทำให้คนต้องตายไปมากขนาดนี้

"ชาวเล" อีกคนที่เปิดใจกับ "ประชาไท" คือ "บังบ่าว" หรือนายสมชาย พงษ์ประเสริฐ อายุ 34 ปี หาดประพาส บ้านทับเหนือ ต.กำพวน กิ่ง อ.สุขสำราญ จ.ระนอง บังบ่าวเล่าว่าที่บ้านอยู่ใกล้กับป๊ะแก่ผู้เป็นพ่อ พอตนแต่งงานก็ออกมาสร้างครอบครัว มีบ้านอยู่แยกออกมาอีกหลังใกล้ๆกัน

บังบ่าวเล่าว่า หลังคลื่นยักษ์ซัดมาตนได้ออกทะเลอีกครั้ง แต่แค่ตนเห็นคลื่นในทะเลก็หัวเข่าอ่อนด้วยความกลัวทั้งที่รู้ว่าเป็นคลื่นธรรมดาแต่ก็อดหวาดกลัวไม่ได้

บังบ่าวเล่าถึงเหตุการณ์วันที่คลื่นถล่มว่า คลื่นมาตอนที่อยู่บนเรือกลางทะเล เห็นคลื่นสูง จึงรีบถอนสมอ คลื่นในทะเลใหญ่มาก แต่ไม่ใช่คลื่นหักคอที่จะซัดคว่ำเรือ จึงขับเรือวิ่งตามหลังคลื่น
แต่เรือก็จมลง เพราะปะทะคลื่นขณะที่เรือมาจอดที่เกาะกล้วย บังเห็นเรือเพื่อนชาวประมงลำอื่นๆที่ออกทะเลมาใกล้ๆ กันพลิกไปก่อน จากนั้นเรือบังบ่าวจึงพลิกทีหลัง

"ตอนนั้นบังนึกถึงลูกกับเมียจับใจ แต่ยังคิดว่าคลื่นไม่น่าซัดไปถึงที่บ้าน ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนฝั่ง บังนึกว่าน้ำลง น้ำขึ้นตามปกติ ยิ่งก่อนคลื่นมา ไม่มีคลื่น ไม่มีอะไรเลย ทะเลเงียบและนิ่งมาก พอคลื่นมาเรือก็จมลงแต่ไม่เป็นอะไรมากเพราะเกาะกล้วยที่เรือจมอยู่นั้นเป็นเกาะทะเลคลื่นปะทะมาไม่แรงมากเท่าที่ริมหาด แต่วันนั้นหากบังตัดสินใจเอาเรือฝั่งคงตายไปแล้ว" บังบ่าวเล่า

บังบ่าวเล่าต่อว่า จากนั้นมีเรือเพื่อนๆชาวประมงที่ไม่จมมาช่วยขึ้นฝั่ง แต่พอมาเห็นแต่ความพินาศ บ้านเรือนหายไปหมด ก็ตกใจมาก ใจหายและรีบค้นหาคน หาลูกหาเมียทันที

เมื่อกล่าวถึงตอนนี้บังบ่าวหยุดเล่าไปพักใหญ่ เพื่อตั้งสติก่อนเล่าสิ่งที่ตนได้พบมาบังบ่าวเล่าว่า ตนได้พบกับลูกและเมียวันที่สองหลังคลื่นยักษ์พัดมา

"บังไปเจอศพลูกก่อน แล้วเจอศพเมียทีหลัง พวกเขาติดอยู่บนต้นโกงกางในป่าชายเลน" บังบ่าวกล่าวด้วยน้ำเสียงเศร้าก่อนเดินจากไป

จากนั้น" ประชาไท" ได้พูดคุยกับ นายสมโภชน์ นิ้มสันติเจริญ หัวหน้าสถานีวิจัยทรัพยากรชายฝั่งระนอง มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับหมู่บ้านทับเหนือ "หัวหน้า" เล่าถึงความเสียหายของทะเลว่า เท่าที่ประเมินด้วยสายตาตนคาดว่าทะเลที่หาดประพาสต้องใช้เวลากว่า 6 เดือน เป็นอย่างต่ำในการฟื้นฟูตัวเอง

"หัวหน้า" เล่าว่า สัตว์น้ำวัยอ่อนที่เพาะพันธ์อยู่ในป่าชายเลนถูกทำลายจนเสียหายหมด ต้นทุนของทรัพยากรธรรมชาติที่มีอยู่เดิมถูกทำลายจนหมดสิ้น สัตว์น้ำขนาดใหญ่ตายเกลื่อน และทางสถานีฯยังไม่ได้ลงไปสำรวจมามีความเสียหายมากแค่ไหน

"ยังไม่มีการประเมินความเสียหายที่แน่ชัดอีกทั้งคลื่นยักษ์ครั้งนี้แตกต่างจากการเกิดคลื่นอื่นๆ ที่โดยมากที่มีสาเหตุจากพายุ คลื่นยักษ์ครั้งนี้เป็นปรากฏการณ์ใหม่ที่เพิ่งเกิดขึ้น จึงต้องสำรวจผลกระทบที่เกิดขึ้นอีกครั้ง แต่คาดว่าสัตว์น้ำทั้งหลายจะได้รับผลกระทบทั้งหมด จึงรู้สึกหนักใจในการพลิกฟื้นธรรมชาติให้เหมือนเดิม" หัวหน้ากล่าว

หัวหน้ากล่าวต่อว่า ที่สถานีวิจัยฯมีคนเสียชีวิตไป 4 คน เป็นเจ้าหน้าที่นักวิชาการสองคน และเป็นคนงานก่อสร้างอีกสองคน นำมาซึ่งความเศร้าโศกใจกับเพื่อนร่วมงานเป็นอย่างมาก แต่เจ้าหน้าที่นี่ยังยืนยันที่จะทำหน้าที่ต่อไป โดยหลังจากนี้ทางมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์จะดำเนินการซ่อมแซมอาคารสถานีวิจัยฯให้กลับมาใช้การได้เช่นเดิม

ในส่วนของหมู่บ้านชาวประมงที่ตั้งอยู่ไม่ห่างจากสถานีวิจัยนั้น" หัวหน้า" เล่าว่าหมู่บ้านนี้มีมาก่อนที่จะสร้างสถานีวิจัยขึ้น ชาวประมงมาได้ตั้งถิ่นฐานอยู่ก่อนราวร้อยกว่าปีแล้ว จากนั้นประมาณปี พ.ศ.2517 ทางราชการได้ประกาศว่าหาดประพาสเป็นที่ราชพัสดุ แต่ชาวประมงก็ยังคงอาศัยอยู่มาตลอดจนถึงปัจจุบัน

หัวหน้ากล่าวต่อว่า ชาวบ้านไม่มีเอกสารสิทธิ์แต่พวกเขาอยู่กันมานาน การดำเนินการสร้างบ้านให้ผู้เสียหายจากคลื่นยักษ์นั้น ตนยังไม่แน่ใจว่าจะมีการดำเนินการอย่างไรแน่ เท่าที่ทราบคือจะมีการปลูกสร้างบ้านเรือนให้ดังเดิมแต่จะขยับห่างออกไปจากสถานีวิจัยเล็กน้อย เพราะที่เดิมโดนน้ำซัดไปมาก

หัวหน้ากล่าวในตอนท้ายว่า ชาวบ้านต้องการเก็บรักษาพื้นที่เดิมซึ่งเคยเป็นที่ตั้งของหมู่บ้านตนไว้เป็นอนุสรณ์เหตุการณ์คลื่นซึนามิ แต่ที่ดังกล่าวเป็นที่ราชพัสดุและอยู่ติดกับอุทยานจึงต้องรอดูต่อไปว่าทางราชการจะดำเนินการในเรื่องนี้อย่างไร

วิถีชาวประมงยังต้องการ การเยียวยาด้านจิตใจ รวมทั้งและอุปกรณ์ทำกินที่ต้องได้รับการซ่อมแซมและจัดหาใหม่ หมู่บ้านชาวประมงกำลังรอการฟื้นคืน ปัญหาเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องดำเนินการแก้ไขต่อไป ในขณะนี้ทางรัฐบาลยังไม่มีคำตอบ หน่วยงานราชการยังไม่มีวิธีการอย่างเป็นรูปธรรมต่อการแก้ไขปัญหา เหล่าลูกน้ำเค็มยังเฝ้ารอ" เวลา" แห่งการหวนคืนสู่" เล"

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net