คนไม่เอาถ่านหินประท้วง เผาหุ่นกฟผ.-หมอมิ้ง

ศูนย์ข่าวภาคเหนือ 24 ม.ค. 48 ขณะที่ภายในโรงแรมเวียงลคอร อ.เมือง จ.ลำปาง มีการจัดงาน "ถ่านหินโลก" หรือ Coaltrans Thailand โดยการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย(กฟผ.) เป็นเจ้าภาพ โดยมุ่งประเด็นแลกเปลี่ยนความรู้และเทคโนโลยีเพื่อนำถ่านหินมาใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยมีนักธุรกิจทั้งในและต่างประเทศเข้าร่วมกว่า 200 คน นั้น

บริเวณหน้าโรงแรม เครือข่ายคนไม่เอาถ่านหิน ซึ่งเป็นการรวมตัวจาก 29 องค์กรพัฒนาเอกชนทั่วประเทศ จำนวนกว่า 500 คน ชุมนุมประท้วงผู้เข้าร่วมประชุม โดยชูประเด็นว่าผู้เข้าร่วมประชุมถ่านหินโลกอ้างว่า ถ่านหินคือพลังงานสะอาด ทั้งๆ ที่ได้คร่าชีวิตผู้คนไปหลายร้อยคน พร้อมทั้งประณามรัฐว่าชูนโยบายพลังงานไดโนเสาร์

โดยการชุมนุมในครั้งนี้ มีแกนนำคัดค้านการใช้พลังงานถ่านหิน จากเครือข่ายสิทธิผู้ป่วยแม่เมาะ จ.ลำปาง เครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเวียงแหง จ.เชียงใหม่ กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่งคอย จ.สระบุรี กลุ่มอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด กลุ่มรักท้องถิ่นบ่อนอก และนักวิชาการ หมุนเวียนเปลี่ยนกันขึ้นกล่าวถึงปัญหาที่กำลังได้รับผลกระทบจากโครงการพัฒนาของรัฐ และกฟผ. ในด้านพลังงานถ่านหิน

นายสมบูรณ์ เตชะเตย ตัวแทนชาวบ้านหัวฝาย อ.แม่เมาะ จ.ลำปาง กล่าวว่า ตนเป็นคนแม่เมาะ และเจอกับปัญหาจากโรงไฟฟ้ามาโดยตลอด ตั้งแต่ปี พ.ศ.2539 จนถึงปัจจุบัน เฉพาะบ้านหัวฝาย มีคนล้มตายด้วยโรคมะเร็งปอด จำนวน130 คน แต่ไม่เคยได้รับความช่วยเหลือจากรัฐเลย

"พวกเราไม่เคยได้รับความเป็นธรรม แม้กระทั่งขออพยพย้ายออกจากหมู่บ้าน เพื่อหนีสารพิษจากโรงไฟฟ้า แต่ก็ยังไม่มีความคืบหน้า ยังปล่อยให้ชาวบ้านทยอยตายกันไปเรื่อยๆ อยากให้พวกพ่อค้าถ่านหินต่างชาติทั้งหลายที่มาประชุมในวันนี้ ได้มาดูความเสียหายในพื้นที่แม่เมาะให้ชัดๆ ว่ามันเลวร้ายขนาดไหน ว่าถ่านหินนั้น ได้ทำให้ชีวิตผู้คนล้มป่วยล้มตาย น้ำในลำห้วยเน่าเสีย ต้นไม้ใบหญ้าแห้งตายเพราะสารพิษซัลเฟอร์ไดออกไซด์ที่เกิดจากเหมืองถ่านหินทั้งสิ้น" นายสมบูรณ์ กล่าว

นางจินตนา แก้วขาว แกนนำจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมบ้านกรูด จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า
ที่พวกตนมาในชุมนุมในครั้งนี้ ก็เพื่ออยากชี้ให้เห็นว่า ทั่กธุรกิจพลังงานบอกว่า ถ่านหินเป็นพลังงานสะอาด มีผลตอบแทนมหาศาลนั้น ความจริงถ่านหินคือ พลังงานสกปรก เป็นมัจจุราชที่ทำให้พี่น้องแม่เมาะ ต้องล้มป่วยตายกันทีละคนๆ

"เขามาประชุมกันเพื่อขายถ่านหิน และจะเอาประเทศไทยเป็นตลาดกลางการค้า ซึ่งปีศาจในคราบถ่านหินนี้ ไม่มีประเทศไหนเขาเอากันแล้ว แต่รัฐบาลไทยกลับนำพลังงานถ่านหินมาใช้เป็นนโยบายไดโนเสาร์ที่ล้าสมัยมาก ทั้งๆ ที่รู้กันว่า ถ่านหินเป็นนั้นเป็นทางเลือกสุดท้ายที่จะนำมาใช้ ถ้าไม่มีพลังงานอย่างอื่นจริงๆ ณ วันนี้ เรายังมีพลังงานทดแทนอย่างอื่นนำมาใช้ได้ กรณีโรงไฟฟ้าถ่านหินแม่เมาะ ชาวบ้านประสบปัญหา ยังไม่ได้รับการแก้ไข แต่กลับทำขยายพื้นที่ขุดเหมืองถ่านหินออกไปอีก" นางจินตนา กล่าว

ด้านนายสมคิด ดวงแก้ว ตัวแทนจากกลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมแก่งคอย จ.สระบุรี กล่าวว่ากลุ่มอนุรักษ์ฯ มาร่วมแสดงเจตนารมณ์ว่า ปัญหาถ่านหินนั้นได้สร้างปัญหาแก่คนแม่เมาะแล้ว และก็เกิดขึ้นกับคนสระบุรี ซึ่งก็ได้รับผลกระทบจากโรงไฟฟ้าถ่านหินในพื้นที่แก่งคอยเช่นกัน ก่อนนั้นมีการรับประกันว่า การควบคุมปัญหามลพิษที่ได้มาตรฐาน ปรากฎว่า พี่น้องสระบุรีได้เจ็บป่วยด้วยโรคระบบทางเดินหายใจเป็นอันดับหนึ่ง

"อันนี้คือประจักษ์พยานที่สะท้อนให้เห็นว่า สาเหตุมาจากกระบวนการเผาไหม้ของถ่านหิน ไม่ว่าเทคโนโลยีจะทันสมัยแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจควบคุมกันได้อย่างแท้จริง" นายสมคิด กล่าว

นายสมคิดยังกล่าวอีกว่า การพัฒนาที่ผ่านมานั้น เราเน้นแต่เศรษฐกิจเป็นสำคัญ เราละเลยวิถีชีวิตชุมชน สิ่งแวดล้อม และพี่น้องประชาชนคนรากหญ้า สิ่งเหล่านี้นำมาซึ่งความวิบัติเสียหาย และความล้มเหลวของการพัฒนาของประเทศ คนกลุ่มเดียวได้รับผลประโยชน์ ส่วนคนกลุ่มใหญ่ต้องทุกข์ทน ทรมาน ผลาญพร่าชีวิตของพี่น้องประชาชน ดังนั้น จึงขอประกาศว่า เราไม่เอาพลังงานถ่านหิน แต่ทำไมไม่ทำพลังงานทางเลือกที่สะอาด

ในขณะที่ นายบุญยืน กาใจ ประธานเครือข่ายอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมเวียงแหง จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ตั้งแต่ทาง กฟผ.ได้เข้าไปสำรวจหาลิกไนต์ และพบว่า มีถ่านหินลิกไนต์ประมาณ 1,500 ไร่ ในพื้นที่ของ อ.เวียงแหง ช่วงนั้น ทางชาวบ้านเวียงแหงยังไม่ได้มีการตื่นตัวในเรื่องปัญหาสารพิษกันเท่าใด ต่อมา หลังจากได้เดินทางมาดูปัญหาที่แม่เมาะ จึงรู้ว่าถ่านหินนั้นได้สร้างปัญหาจริงๆ

"พวกเราคนเวียงแหง ไม่อยากตายเหมือนกับคนแม่เมาะ และถ่านหินที่จะขุดจากพื้นที่เวียงแหงนั้น จะขนย้ายมาเผาที่แม่เมาะในระยะเวลา 30 ปี หากเป็นเช่นนั้น ตนเชื่อว่า คนเวียงแหงตายกันหมดแน่ ที่ตนพาคนเวียงแหงมาร่วมชุมนุม ก็เพราะว่าเรารักบ้านเมืองรักแผ่นดิน เพราะฉะนั้น คนเวียงแหงจะต้องผลักดัน กฟผ.ให้ออกจากพื้นที่ไปให้ได้" นายบุญยืน กล่าว

ในขณะที่แกนนำชาวบ้านจากพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากถ่านหินและที่กำลังได้รับผลกระทบ ได้ลุกขึ้นกล่าวเรียกร้องและโจมตีกระทรวงพลังงานและ กฟผ.อยู่นั้น ตัวแทนชาวบ้านได้พยายามเจรจากับตัวแทนจากกฟผ. ขอเข้าร่วมรับฟังการประชุม ถ่านหินโลก และขอให้ตัวแทนรัฐบาลออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องเกี่ยวกับพัฒนาพลังงานของประเทศไทย ถึงนายแพทย์พรหมมินทร์ สุริย์เดช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน และพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจชุดทำการสลายม็อบจำนวน 3 กองร้อย ประมาณ 400 นาย ได้นำแผงเหล็กกั้นปิดทางเข้าโรงแรมและตรึงกำลังเอาไว้อย่างแน่นหนา จนทำให้บรรยากาศเต็มไปด้วยความตึงเครียด

ในที่สุด เมื่อไม่มีตัวแทนจากภาครัฐออกมารับหนังสือยื่นข้อเสนอคัดค้าน กลุ่มผู้ชุมนุมได้นำหนังสือฉบับดังกล่าว ผูกติดบนหลังสุนัข พร้อมกับมีการจุดไฟเผาพริกเผาเกลือ สาปแช่ง และทำการเผาหุ่น นพ.พรหมมินทร์ หุ่นไดโนเสาร์ที่สื่อให้เห็นถึงนโยบายพลังงานไทยที่ล้าสมัย และหุ่นควายที่มีชื่อ กฟผ.ติดอยู่ตรงหน้าผาก ก่อนผู้ชุมนุมจะแยกย้ายเดินทางกลับ

องอาจ เดชา
ศูนย์ข่าวภาคเหนือรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท