Skip to main content
sharethis

กรุงเทพฯ- 1 ก.พ. 48 เวลา 09.00 น.วันนี้ ที่ศาลอาญา ห้องพิจารณาคดี 906 ผู้พิพากษาออกนั่งบัลลังก์สืบพยานจำเลยครั้งแรก ในคดีที่พนักงานอัยการกองคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง นพ.แวมาหะดี แวดาโอ๊ะ อดีตแพทย์ประจำ โรงพยาบาลนราธิวาสราชนครินทร์

นายมัยสุรุ หะยีอับดุลเลาะ เจ้าของโรงเรียนปอเนาะบ้านโต๊ะนอ อ.เมืองนราธิวาส,นายมุญาฮิด หะยีอับดุลเลาะ บุตรชายนายมัยสุรุ,นายสมาน แวกะจิ เป็นจำเลยที่ 1 - 4 ในความผิดฐานร่วมกันตระเตรียมการใด ๆ เพื่อให้เกิดเหตุร้ายแก่ประเทศจากภายนอก,เป็นสมาชิกคณะบุคคลซึ่งปกปิดวิธีดำเนินการอันมิชอบด้วยกฎหมาย, กระทำผิดฐานเป็นอั้งยี่และซ่องโจร

คดีนี้สืบเนื่องจากกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าจำเลยและพวก เข้าร่วมเป็นสมาชิกกลุ่มก่อการร้ายเจมาห์ อิสลามิยาห์ หรือเจไอ และร่วมวางแผนกับนายอาราฟิน บิน อาลี หรือ บังริดวน ชาวสิงคโปร์ หนึ่งในสมาชิกกลุ่มเจไอ ก่อวินาศกรรมระเบิดสถานทูต 5 แห่งในกรุงเทพ ฯ โดยจำเลยทั้งหมดถูกจับ
กุมได้เมื่อวันที่ 10 มิ.ย. 2546 ที่ ต.มะนังตายอ อ.เมือง จ.นราธิวาส และให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา

นพ.แวมาหะดี แวดาโอ๊ะ จำเลยที่ 1 ขึ้นเบิกความให้การยืนยันว่าไม่ได้กระทำผิดตามฟ้อง ซึ่ง นพ.แวมาหะดี และยังเบิกความถึงประเด็นความเป็นอยู่ในครอบครัว สรุปใจความว่า พยานมีพี่น้องรวม 8 คน ซึ่งพี่น้องรวมทั้งตัวพยานรวม 4 คน มีอาชีพเป็นแพทย์อยู่ที่ จ.นราธิวาส ส่วนพี่น้องคนอื่นมีอาชีพ เป็นวิศวกร ประกอบอาชีพด้านคอมพิวเตอร์ และทำโรงงานผ้าบาติก โดยครอบครัวมีฐานะปานกลางถึงขั้นดี ไม่เดือดร้อนเรื่องเงินทอง เพราะพี่น้องทุกคนมีอาชีพ โดยทุกคนมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งใน จ.นราธิวาส

สำหรับพยานหลังจากที่จบการศึกษาแพทย์ศาสตร์จาก มอ.สงขลานครินทร์ เมื่อปี พ.ศ. 2529 ได้ร่วมกับพี่น้องและญาติเปิดคลีนิกชื่อ " นราการแพทย์" แล้วขยายกิจการเป็นโรงพยาบาลชื่อนราการแพทย์ เป็นอาคารขนาด 3 คูหา มีเตียงรองรับผู้ป่วยประมาณ 20 - 30 เตียง
พยานยังได้เบิกความถึงการประกอบอาชีพ สรุปว่า พยานมีรายได้พอสมควรสามารถเลี้ยงดูภรรยา 2 คนและบุตรทั้ง 15 คนได้ เนื่องจากการทำโรงพยาบาลมีชาวบ้านที่มารักษา 100 ถึง 200 รายต่อวัน

จากนั้นต่อมาพยานได้ขยายกิจการร้านขายยาชื่อ " ศูนย์ยานรา" ซึ่งได้มีการจดทะเบียนในนามบริษัทนราเมดิคอล แอนด์ บิสซิเนส จำกัด มีผู้ถือหุ้นประมาณ 100 คนประกอบด้วยแพทย์ พยาบาล เภสัชกร และชาวบ้านในพื้นที่ จ.นราธิวาส และในการถือหุ้นบริษัทพยานไม่ได้เน้นกลุ่มคนมุสลิมหรือเรื่องศาสนา แต่จะเน้นกลุ่มคนท้องถิ่น เนื่องจากบิดาของพยานเคยปลูกฝังว่าเมื่อจบการศึกษาแล้วให้มาทำงานรับใช้และพัฒนาท้องถิ่น ซึ่งการเปิดศูนย์ขายยาดังกล่าวได้ขยายสาขาถึง 3- 4 แห่ง เช่น ศูนย์ยาที่ อ.สุไหงโกลก ศูนย์ยา อ.ตันหยง

และก่อนถูกจับกุมพยานและพี่น้องเคยวางโครงการจะขยายกิจการเปิดเป็นโรงงานผลิตยาด้วย เพราะกิจการโรงพยาบาลและศูนย์ยาของพยานประสบผลสำเร็จพอสมควร ซึ่งกิจการของพยานก็ยังเป็นสถานที่ผลิตบุคลากรด้านเภสัชกร ผู้ช่วยแพทย์ เช่นกันทำให้คนท้องถิ่นมีอาชีพ

โดยที่ผ่านมามีผู้ซึ่งผ่านงานจากร้านของพยานไปเปิดร้านขายยาของตนเองได้ถึง 30 ราย ทั้งนี้ในการประกอบกิจการของพยานจะกระทำโดยเปิดเผย ตั้งอยู่ในสถานที่ดีที่สุดของ จ.นราธิวาส

ต่อมาพยานเบิกความว่า ตั้งแต่ปี 2544 - 2546 ก่อนจะถูกจับพยานมีกิจการงานที่จะต้องรับ
ผิดชอบมากมายรวมถึงการดูแลบุตรชาย 5 คนที่กำลังจะเรียนต่อด้วย โดยประมาณต้นปี 2545 ได้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลรวมแพทย์ ที่ จ.กระบี่ ของนายดี เกียรติตรง ขณะเดียวกันก็ยังทำกิจการโรงพยาบาลและศูนย์ขายยาที่ จ.นราธิวาสของตัวเองด้วย

และช่วงปี 2545 กระทรวงสาธารณสุข มีโครงการฟื้นฟูแพทย์แผนไทย ซึ่งพยานก็ได้เข้าร่วมโครง
การและชักชวน นพ.อุมาดี แววานิ ที่มีความรู้ด้านแพทย์แผนไทยเพื่อเปิดคลินิกที่ผสมผสานแพทย์แผนปัจจุบันกับแพทย์แผนไทย ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวเป็นเวลาเดียวกับที่บุตรชาย 5 คนของพยานกำลังจะต้องศึกษาต่อ โดยบุตรชายคนโตพยานส่งไปเรียนต่อที่โรงเรียนนานาชาติประเทศสิงคโปร์ และบุตรชายคนรองอีก 4 คนส่งไปเรียนที่โรงเรียนนานาชาติประเทศมาเลเซีย

ระหว่างนั้นพยานจึงต้องเดินทางเข้า - ออกประเทศไทย กับสิงคโปร์ และมาเลเซีย ตลอดในช่วงปี 2545 -2546 โดยการเดินทางเข้าออกประเทศพยานได้ประทับตราหนังสือเดินทางอย่างถูกต้อง และนอกจากการเดินทางไปเยี่ยมดูแลบุตรชายที่กำลังศึกษาต่อแล้ว ขณะนั้นพยานได้ติดต่อจะร่วมลงทุนกับบริษัทเดมาร์ ฟาร์มาซี ของประเทศมาเลเซีย เพื่อเปิด " ศูนย์แพทย์แผนไทยประยุกต์" ที่ดำเนินกิจการเกี่ยวกับสมุนไพรไทย เพราะบริษัทดังกล่าวมีสาขาครอบคลุมในมาเลเซียรวม 30 แห่ง โดยพยานเห็นว่าหากได้ลงทุนกับมาเลเซียจะช่วยเหลือให้คนท้องถิ่นมีงานทำมากขึ้นด้วย
พยานยังเบิกความถึงการทำงานด้านบริการสังคมว่า ในช่วงปี 2543 - 2546 นายเมคา เมธารัตน์ ซึ่งเป็นตัวแทนผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ได้ชักชวนให้พยานเป็นกรรมการศูนย์ประสานงานประชาคมจังหวัดนราธิวาส เพื่อร่วมกับองค์กรรัฐและอาสาสมัครจากชุมชนต่างๆ ดำเนินงานตามแผนพัฒนาเศรษฐกิจแห่งชาติ ฉบับที่ 8 โดยพยานได้เข้าร่วมประชุมกับศูนย์ประชาคม ฯ ต่อเนื่อง และที่ประชุมก็ไม่ใช่เฉพาะกลุ่มคนมุสลิมเท่านั้น ซึ่งการประชุมยังกระทำโดยเปิดเผยที่โรงแรมรอยัล จ.นราธิวาส

ดังนั้นที่ พ.ต.อ.พีระพงศ์ ดวงอัมพร ผู้กำกับการ 5 กองตำรวจสันติบาล 2 ที่เป็นพยานโจทก์เคยเบิกความ ว่าพยานเข้าร่วมเพื่อวางแผนการที่ประเทศมาเลเซีย และเข้าร่วมศูนย์ประชาคมประชุมกันเป็นขบวนการเพื่อวางแผนก่อการร้ายก็ไม่เป็นความจริง เพราะการประชุมศูนย์ประชาคม ฯ เมื่อวันที่ 25 มิ.ย.44 มีตัวแทนจากอำเภอต่าง ๆ รวม 33 อำเภอ ๆ ละ 5-6 คน มาประชุมสัมมนากระบวนการการปฏิรูประบบสุขภาพ 3 จังหวัดภาคใต้ เพื่อนำเสนอข้อมูลในการร่าง พ.ร.บ.สุขภาพแห่งชาติ โดยมี นพ.ประเวศ วะสี เป็นประธานประชุม

ทั้งนี้พยานยังเบิกความว่า นอกจากงานด้านการแพทย์แล้วพยานยังร่วมงานกับสำนักงานคณะ
กรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ( ป.ป.ส.)ในปี 2543 - 2545 และการทำวิทยุชุมชน ที่ จ.นราธิวาส ซึ่งพยานเป็นนายกสมาคมวิทยุชุมชน และได้ดำเนินการขอใบอนุญาตตั้งสมาคมวิทยุชุมชนที่ รร.อิสลามบูรณะ ของจำเลยที่ 2 ซึ่งเหตุที่ต้องตั้งในโรงเรียนเพราะตามหลักเกณฑ์ของรัฐให้ใช้สถานที่ราชการหรือโรงเรียน

ส่วนการประชุมวางแผนดำเนินงานวิทยุชุมชนนั้นคณะกรรมการจะประชุมกันที่โรงแรม นอกจากดำเนินการดังกล่าวแล้วพยานยังเป็นกรรมการกลั่นกรองเงินกองทุนลงทุนเพื่อสังคมที่รัฐตั้งงบ
ประมาณให้ 7 จังหวัดภาคใต้จำนวน 5,000 ล้านบาทที่จะให้ภาคประชาชนขอเงินงบประมาณดำเนินกิจการเพื่อสังคมด้วย ซึ่งพยานร่วมกลั่นกรองเรื่องที่จำเลยที่ 2 เป็นตัวแทนของบตั้งศูนย์เลี้ยงดูเด็กกำพร้า

ทั้งนี้การดำเนินงานเกี่ยวกับเวทีภาคประชาชนและวิทยุชุมชนของพยานจะได้รับเงินทุนอุดหนุนจากรัฐ และ ประเทศออสเตรเลีย กับประเทศเยอรมัน โดยพยานไม่เคยได้รับเงินอุดหนุนจากประเทศอื่น อย่างไรก็ตามเมื่อพยานได้เบิกความจบประเด็นในวันนี้ แต่ทนายความยังมีข้อซักถามอีกหลายประเด็น ศาลจึงได้นัดสืบพยานจำเลยปาก นพ.แวมาหะดี อีกครั้งในวันที่ 2 ก.พ.48 เวลา 09.00 น.

ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net