Skip to main content
sharethis

ประชาไท-7 กพ.48 วันนี้(7 ก.พ.) เครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทยร่วมกับองค์กรพันธมิตรเตรียมเข้าพบรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขเพื่อหารือถึงปัญหายาต้านไวรัสเอชไอวีในประเทศขาดแคลน แต่ต้องผิดหวัง เมื่อนางสุดารัตน์ เกยุราพันธ์ส่งนายยงยุทธ์ วิชัยดิษฐ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทวงสาธารณสุขแทน

นายกมล อุปแก้ว ประธานเครือข่ายผู้ติดเชื้อเอชไอวี/เอดส์ประเทศไทยเปิดเผยภายหลังการเข้าพบผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อร้องเรียนและหารือถึงแนวทางการแก้ปัญหาการขาดแคลนยาต้านไวรัสว่า ตั้งแต่เกิดการขาดแคลนยาเอฟาไวเรนซ์ (Effavirenz) โรงพยาบาลหลายแห่งต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเฉลี่ยยาออกเป็นสี่ส่วนโดยนัดผู้ติดเชื้อมารับยาจากเดือนละครั้งเป็นสัปดาห์ละครั้งเพื่อแจกจ่ายให้ผู้ติดเชื้อที่จำเป็นต้องได้รับยาอย่างต่อเนื่อง มิเช่นนั้นอาจจะส่งผลกระทบต่อชีวิตของผู้ติดเชื้อในอนาคต

ดังนั้นทางเครือข่ายเอดส์ จึงได้ยื่นข้อเสนอต่อรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้ดำเนิน การเร่งด่วนเพื่อบรรเทาปัญหาการขาดแคลนยา โดยเสนอให้ลดระยะเวลาการสั่งยาเอฟาไวเรนซ์ (Effavirenz) ล่วงหน้าให้สั้นลงจากเดิมที่ใช้ระยะเวลานานถึง 150 วันในการสั่งยา ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ฯ ให้ข้อมูลว่ากำลังเจรจาต่อรองกับบริษัทยาเพื่อร่นระยะเวลาให้สามารถดำเนิน การได้ภายใน 1 เดือน

นอกจากการดำเนินการเพื่อแก้ปัญหาเฉพาะหน้าแล้ว เครือข่ายเอดส์พร้อมด้วยนักวิชาการด้านกฎหมาย ดร.จักรกฤษณ์ ควรพจน์ ได้เสนอให้รัฐบาลใช้มาตรการบังคับใช้สิทธิใน พรบ.สิทธิบัตร เพื่อนำเข้ายาเอฟฟาไวเรนซ์จากประเทศอินเดีย โดย ดร.จักรกฤษณ์ให้ความเห็นว่าการบังคับใช้สิทธินี้อาจพิจารณาใช้มาตรา 51(เพื่อประโยชน์สาธารณะ) หรือมาตรา 52(เพื่อบรรเทาการขาดแคลนและภาวะฉุกเฉิน) ก็ได้ ซึ่งหากมีการบังคับใช้สิทธิแล้วยังต้องการความร่วมมือจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้ดำเนินการอนุมัติการจดทะเบียนเพื่อนำเข้ายาโดยเร่งด่วน

ต่อข้อเสนอดังกล่าวนี้ ผู้อำนวยการสำนักโรคเอดส์ฯ นายแพทย์สมบัติ แทนประเสริฐสุข ซึ่งร่วมประชุมอยู่ด้วยได้กล่าวว่า ทางสำนักโรคเอดส์ฯตั้งใจที่จะมีการดำเนินการบังคับใช้สิทธิอยู่แล้ว เพียงแต่อยู่ขั้นของการให้นิติกรศึกษาข้อกฎหมายให้รอบคอบว่าจะไม่ถูกฟ้องกลับได้

สำหรับการเข้าพบในครั้งนี้เครือข่ายเอดส์ได้แสดงจุดยืนโดยเร่งให้กระทรวงสาธารณสุขนำเสนอ ร่าง พรบ.ความลับทางการค้า ที่ อย.จัดทำไว้ซึ่งเครือข่ายด้านเอดส์เห็นว่าเป็นร่างที่ดีแล้วเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี แทนที่จะชะลอไว้ตามที่สมาคมอุตสาหกรรมยาเสนอ เพราะอาจกลายเป็นโอกาสให้มีการนำประเด็นเรื่องข้อมูลความลับทางการค้า(Data Exclusivity) ที่สหรัฐอเมริกาต้องการเสนอไว้ใน FTA ระหว่างไทยและสหรัฐฯ มาบรรจุไว้ใน ร่าง พรบ.ดังกล่าว ซึ่งจะกลายเป็นเครื่องมือในการผูกขาดการขึ้นทะเบียนยา การผลิต และจำหน่ายผ่านมาตรการความลับทางการค้าได้

สำหรับประเด็นสุดท้ายที่เครือข่ายด้านเอดส์ได้เสนอในวันนี้คือการนำเสนอข้อมูลชุดบริการที่เกี่ยวกับเอดส์ซึ่งจะมีครอบคลุมไปถึงการตรวจหาการติดเชื้อเอชไอวี และจากการประชุมร่วมกับสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาตินั้นเพื่อจัดทำข้อเสนอชุดบริการด้านเอดส์นั้น พบว่ารัฐจำเป็นต้องมีการจัดสรรงบประมาณมากขึ้นเพื่อเพียงพอต่อการจัดบริการดังกล่าว ซึ่งนายยงยุทธ ในฐานะผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขก็ได้กล่าวว่า ไม่น่าเป็นห่วงเพราะเป็นแนว นโยบายที่รัฐบาลตั้งใจจะทำอยู่แล้ว

จันทร์สวย จันเป็ง
ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net