Skip to main content
sharethis

ข้อมูลที่รายงานว่าแผ่นดินไหวที่ระดับความลึก 10 กิโลเมตรใต้พื้นดินทางตอนเหนือของเกาะสุมาตราเมื่อวันที่ 26ธันวาคม ค.ศ.2004 ที่กลายเป็นสาเหตุของเหตุธรณีพิบัติคลื่นยักษ์ซึนามิในหลายประเทศอาจเพิ่มน้ำหนักที่ทำให้สงสัยได้ว่าแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นนี้อาจไม่ได้มาจากการเคลื่อนตัวภายในเปลือกโลกดังที่เข้าใจ แต่อาจเกี่ยวข้องกับเหตุไม่ธรรมดาของที่อาจจะมีอุกาบาตจากท้องฟ้าในซีกโลกใต้ตกลงในมหาสมุทรก็เป็นได้

นักวิจัยชาวออสเตรเลียศาสตราจารย์เท็ด ไบรอันท์ได้เขียนไว้แล้วเช่นกันถึงเหตุการณ์อุกาบาตชนโลกซึ่งเป็นเหตุให้เกิดคลื่นยักษ์ขนาดความสูง 130 เมตร ที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วเมื่อเวลา 20.00 น.ของวันที่ 22 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1491

รายงานการวิจัยสำรวจอวกาศของออสเตรเลียโดยนายไมเคิล เพนให้ข้อมูลไว้ว่าอุกาบาตขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 กิโลเมตรมีน้ำหนักเท่ากัน 1ล้านตัน ดังนั้นเมื่อมันพุ่งสู่มหาสมุทรด้วยความเร็ว 70,000 กิโลเมตรต่อชั่วโมงมันก็จะเหมือนกับระเบิดขนาดมหึมา อุกาบาตและน้ำที่ระเหยไปจะทิ้งให้เกิดหลุมขนาดใหญ่ โดยทั่วไปหลุมดังกล่าวจะใหญ่กว่าขนาดของอุกาบาตดาวที่ตกลงมา 20 เท่า เช่น ถ้าดาวขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 100เมตรจะก่อให้เกิดหลุมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 2 กิโลเมตร และเมื่อน้ำไหลกลับเข้าไปก็กลายเป็นน้ำที่สูงเทียมภูเขาในตอนกลางและกระจายตัวออกมาเป็นคลื่นยักษ์ซึนามิ ศูนย์กลางของหลุมที่แกว่งขึ้นลงหลายๆครั้งก่อให้เกิดเป็นคลื่นที่แผ่ออกมาเป็นระลอก

สิ่งที่ทำให้น่าเชื่อยิ่งไปอีกว่าคลื่นยักษ์นี้จะเกิดจากการที่อุกาบาตชนโลก คือรายงานที่แจ้งว่ามีลูกไฟลึกลับที่เห็นบนท้องฟ้าทั่วโลกซึ่งได้ทำให้กลางคืนของหลายที่สว่างเหมือนกลางวัน โดยเกิดขึ้นทั้งในอินโดนีเซียและจีนก่อนหน้าที่จะเกิดเหตุธรณีพิบัติ 2-3 สัปดาห์

และช่างบังเอิญสอดคล้องกับรายงานเมื่อวันที่ 22 ธันวาคมของนักวิทยาศาสตร์ที่แจ้งว่าพบดาวขนาดเล็กผ่านเข้ามาในวงโคจรของโลก แต่ไม่มีการรายงานว่าได้ผ่านไปที่ไหนบ้าง

แม้ว่าเหตุบังเอิญเล็กๆน้อยๆเหล่านี้อาจจะไม่สามารถพิสูจน์ชัดว่าเหตุธรณีพิบัติดังกล่าวเกิดจากอุกาบาตพุ่งชนก็ตามแต่อย่างน้อยก็พอจะเห็นหลักฐานที่ทำให้เราต้องขบคิดและคำนึงถึงเหตุลึกลับต่างๆที่เกิดในระบบสุริยะจักรวาลเหนือท้องฟ้าซีกโลกใต้ ซึ่งดูเหมือนจะมีเหตุประจวบเหมาะที่ทำให้เราต้องคิดแล้วว่าเหตุทั้งหลายเหล่านี้อาจจะเกี่ยวข้องกัน หรือไม่อาจมองแยกขาดจากกันได้

ข้อสันนิษฐานดังกล่าวอาจทำให้นักวิทยาศาสตร์ที่ยึดมั่นในทฤษฎีการเคลื่อนตัวของเปลือกโลกที่จะเกิดรอยเลื่อนเพิ่มขึ้นปีละ 1-10 เซนติเมตรยากที่จะยอมรับ แต่ปรากฏการณ์คลื่นยักษ์อันเนื่องจากแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 26 ธันวาคม ที่ผ่านมามีนักวิทยาศาสตร์จำนวนหนึ่งเชื่อว่าน่าจะสัมพันธ์กับปรากฏการณ์อุกาบาตชนโลกมากกว่าโดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อย้อนกลับไปหนึ่งปีในวันที่ 26 ธันวาคม ค.ศ.2003 ประชาชนร่วม 60,000 คนต้องเสียชีวิตไปเนื่องจากเหตุแผ่นดินไหวขนาด 6.6 ตามมาตราริกเตอร์ ได้เกิดขึ้นที่เมืองแบมซึ่งเป็นเมืองเก่าแก่ของประเทศอิหร่าน

และจากรายงานเหตุการณ์ดังกล่าวผู้คนได้เล่าให้ฟังถึงลูกไฟที่ปรากฏบนท้องฟ้าในช่วงเย็นของวันที่ 25 ธันวาคม ค.ศ. 2003 ที่ทำให้ผู้คนตื่นเต้นประหลาดใจก่อนที่จะกลับบ้านไปเพื่อตื่นมาพบกับฝันร้ายที่เกิดขึ้นจริงของเหตุแผ่นดินไหวในเช้าตรู่ของวันที่ 26 ธันวาคม ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่เกิดเหตุธรณีพิบัติและคลื่นยักษ์ในมหาสมุทรอินเดียที่คร่าชีวิตผู้คนหลายแสนคนในหลายประเทศในอีกหนึ่งปีถัดไปพอดี

ความบังเอิญอันลึกลับและปรากฏการณ์ลูกไฟที่มีเป็นระยะตามที่ต่างๆในโลก ซึ่งถี่มากกว่าที่เคยเป็นมาในอดีตเป็นปริศนาที่ต้องค้นหาคำตอบต่อไป โดยสิ่งสำคัญคือการไม่ติดยึดกับทฤษฎีเดิมๆ เสียจนละเลยที่จะค้นหาความเกี่ยวข้องเชื่อมโยงของปรากฏการณ์ทั้งหลายที่ทำให้เราค้นหาคำตอบและหาทางป้องกันเหตุภัยธรรมชาติที่นับวันจะเกิดบ่อยและรุนแรงขึ้นไปทุกที
ในโลกที่เทคโนโลยีพัฒนาก้าวหน้าเสียจนไม่อาจมองข้ามเช่นกัน ว่า พิบัติภัยเหล่านี้เกิดขึ้นโดยธรรมชาติหรือน้ำมือมนุษย์กันแน่

ข้อมูลจาก Evidence for Sumatra 9.0 Quake Leans towards Meteorite Strike
โดยSorcha Faalhttp://www.whatdoesitmean.com

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net