Skip to main content
sharethis

ประชาไท- 3 มี.ค.48 นายอับดุลฮาลิม มินซาร์ กรรมการส่งเสริมกิจการฮัจย์แห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า ในวันที่ 7 มีนาคม 2548 คณะอนุกรรมการช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์ จะประชุมเพื่อประเมินผลการให้ความช่วยเหลือดำเนินงาน ช่วยเหลือและอำนวยความสะดวกแก่ผู้ประกอบพิธีฮัจย์เมื่อปลายเดือนมกราคม 2548 ที่ผ่านมา ที่กระทรวงวัฒนธรรม กรุงเทพมหานคร จะขอให้รัฐเพิ่มเงินงบประมาณเช่าที่พักผู้แสวงบุญ ในเมืองเมกกะและมาดีนะห์ ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็น 300 ล้านบาท จากเดิมที่รัฐบาลอนุมัติเพียงค่ามัดจำที่พัก 100 ล้านบาทเท่านั้น และขอค่าชดเชยให้แก้ผู้ที่พลาดจากการเดินทางไปประกอบพิธีฮัจย์ครั้งล่าสุด

นายอับดุลฮาลิม เปิดเผยีกว่า สำหรับปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผู้แสวงบุญชาวไทยต้องพักอาศัยในที่พักที่ค่อนข้างแออัด สกปรกและอยู่ไลจากสถานที่ประกอบพิธีมาก สาเหตุมาจากปีนี้มีผู้แสวงบุญชาวไทยมีจำนวนมากเกินกว่า9,000 คน ซึ่งเป็นจำนวนที่รัฐบาลซาอุดีอาระเบียกำหนดมาให้ จึงทำให้การออกวีซ่าของสถานทูตต้องล่าช้าออกไป จนทำให้ผู้แสวงบุญบางส่วนเดินทางไปถึงช้ากว่ากำหนด และบางส่วนเดินทางไปไม่ทัน ซึ่งบริษัทรับจองที่พักของประเทศซาอุดิอาระเบีย ยกเลิการเช่าที่พักเดิมแล้วให้คนอื่นเช่นต่อ

"ส่วนผู้ที่ไม่ได้ไปในปีนี้ คณะกรรมการจะพิจารณาว่าจะจ่ายเงินคืนให้ผู้ที่ไม่สามารถเดินทางไปแสวงบุญในปีนี้อย่างไร ซึ่งปีหน้าคณะกรรมการจะต้องควบคุมจำนวนผู้แสวงบุญใหตรงตามจำนวนที่รัฐบาลซาอุดิอาระเบียกำหนดเพื่อป้องกันมิให้เกิดปัญหาขึ้นมาอีก" นายอับดุลฮาลิม กล่าว

นายอัฮหมัดสมบูรณ์ บัวหลวง นักวิชาการสันติวิธี หนึ่งในผู้แสวงบุญชาวไทยเปิดเผยว่า ช่วงการประกอบพิธีฮัจย์เมื่อปลายเดือนมกราคม 2548 ที่ผ่านมา กลุ่มครูสอนศาสนาชาวไทยมุสลิมและที่มีเชื้อสายมาจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งสอนตามมัสยิดและปอเนาะต่างๆ หลายแห่งในเมืองเมกกะ มาร่วมประชุมและพบปะกับผู้แสวงบุญชาวไทยจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้น้อยกว่าทุกปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่ให้เหตุผลกว่า มีความหวาดกลัวว่า คนที่มาประกอบพิธีฮัจย์ อาจเป็นสายของรัฐบาลไทย เข้ามาเพื่อหาข่าวในกลุ่มคนไทยที่อยู่ที่นั่นแล้วกลับไปรายงานกับทางการไทย และอาจจะไปกดดันหรือทำมิดีมิร้ายกับญาติพี่น้องที่อยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ จึงเลี่ยงไม่เข้าร่วมดีกว่า

"ทราบว่า คนที่นี่เขารับรู้ข่าวสารจากเมืองไทยมาตลอด จากสื่อต่างๆที่รายงานออกมาตลอดเช่นเดียวกับที่คนทั่วโลกรับรู้ จึงทำให้พวกเขาเกิดความหวาดกลัวว่าตัวเขาเอง รวมทั้งญาติพี่น้องที่อยู่ที่เมืองไทย อาจจะได้รับอันตรายโดยเฉพาะจากการดำเนินการของหน่วยงานรัฐบาลไทย แม้ที่ผ่านมามีนักการเมืองพรรครัฐบาลเข้าไปอธิบายให้คนไทยที่อยู่ที่นั่นให้เข้าใจว่า รัฐบาลได้พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วก็ตาม" นายอัฮหมัดกล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net