คนเคนยาจวกรัฐแลกสัตว์กับไทย ไนท์ซาฟารีอาจแห้วเปิดไม่ทัน

โครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีอาจเปิดไม่ทันกำหนดตามเป้า เพราะสัตว์จากเคนยาที่จะเข้าไทยยังต้องกักโรคอีกไม่น้อยกว่า 30 วัน ล่าสุดกรมปศุสัตว์ได้รับประสานเพียงให้เตรียมบุคลากรตรวจสอบระบบเท่านั้น ขณะที่ฝั่งประเทศเคนยาเริ่มเป็นเรื่องใหญ่ ประชาชนตั้งคำถามกับรัฐบาลเคนยาแล้ว

ความคืบหน้าการเตรียมเปิดตัวโครงการสวนสัตว์กลางคืนหรือ เชียงใหม่ไนท์ซาฟารีที่เดิมกำหนดไว้ในวันสงกรานต์คือ 13 เมษายน 2548 นั้น อาจไม่เป็นไปตามเป้าหมาย เมื่อขั้นตอนสำคัญคือการกักโรคสัตว์ในประเทศไทย ยังไม่ได้เริ่มต้นขึ้น ทั้งๆ ที่จะต้องใช้ระยะเวลา 30 - 60 วัน

นายสัตวแพทย์ ยุคล ลิ้มแหลมทอง อธิบดีกรมปศุสัตว์ให้สัมภาษณ์ "พลเมืองเหนือ" เรื่องดังกล่าวว่า สัตว์ทุกชนิดที่จะเข้ามาในประเทศไทย จะต้องได้รับอนุญาตจากกรมปศุสัตว์ โดยผ่านการรับรองจากหน่วยงานด้านปศุสัตว์ของประเทศต้นทางว่าได้เจาะเลือด และกักโรคจนปลอดจากโรคระบาดต่างๆ กว่า 20 ชนิด ตามพระราชบัญญัติโรคระบาดสัตว์ของกรมปศุสัตว์ไทยก่อน เช่นโรคปากเปื่อยเท้าเปื่อย เป็นต้น เพราะสัตว์แต่ละชนิดมีโรคที่เฝ้าระวังแตกต่างกัน

อย่างไรก็ตามก็ยังจะต้องมากักโรคในประเทศไทยอีกไม่น้อยกว่า 30-60 วันซึ่งสัตว์ดังกล่าวจะต้องห้ามเคลื่อนย้ายไปไหน

"จุดกักโรคของไทยอยู่ที่ด่านกักสัตว์ท่าเรือคลองเตย และด่านกักสัตว์ท่าอากาศยานดอนเมืองแต่ในทางปฏิบัติอาจไม่สามารถกักโรคที่ท่าเรือได้ ก็จะต้องนำไปกักในพื้นที่ที่จัดเตรียมไว้เป็นการเฉพาะ ซึ่งคาดว่ากระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจะเป็นผู้จัดเตรียมไว้ ซึ่งกรมปศุสัตว์ได้รับประสานเพียงให้ส่งบุคลากรเข้าไปตรวจสอบระบบเท่านั้น และมีเพียงสัตว์จากประเทศเคนยาที่ประสานมา ยังไม่มีจากประเทศออสเตรเลียแต่อย่างใด"

ไทยและเคนยาได้เคยประกาศจะมีความร่วมมือในการแลกเปลี่ยนสัตว์ระหว่างกัน โดยเคนยาจะมอบสัตว์จำนวน 300 ตัว มาให้ไทยเพื่อนำมาไว้ในเชียงใหม่ไนท์ซาฟารี ขณะที่ไทยจะมอบเสือ
เบงกอล และควาญช้างไปร่วมฝึกช้างแอฟริกาให้แก่เคนยา

ทั้งนี้ท่าทีของประชาชนและสื่อมวลชนของประเทศเคนยา ได้ให้ความสนใจว่าเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องใหญ่ และมีการติดตามความเคลื่อนไหวอย่างต่อเนื่อง

"พลเมืองเหนือ"ตรวจสอบการรายงานข่าวผ่านเวบไซด์ข่าวสำคัญ พบว่าข่าวดังกล่าวได้รับการเผย แพร่จากสำนักข่าวชื่อดังทั่วโลก ขณะที่เวบไซด์ข่าวของแอฟริกาหลายแห่งรายงานข่าวตรงกันว่า ประชาชน นักอนุรักษ์ของประเทศเคนยาไม่ต่ำกว่า 15 องค์กร ตั้งคำถามและประณามการตัดสิน ใจของรัฐบาลเคนยาอย่างเผ็ดร้อน กระทั่งรัฐมนตรีด้านกิจการท่องเที่ยวของเคนยาต้องออกมาปฏิเสธว่า โครงการดังกล่าวยังไม่ได้รับการตัดสินใจสุดท้ายแต่ไม่ระบุว่าจะตัดสินใจเมื่อใด ขณะที่รายงานข่าวยังให้ข้อมูลต่อไปว่า โครงการดังกล่าวได้คืบหน้าไปโดยการลงนามความร่วมมือและรัฐบาลเคนยาได้ส่งผู้เชี่ยวชาญลงพื้นที่ประเทศไทยตรวจสอบสถานที่จะนำสัตว์มาไว้คือที่จังหวัดเชียงใหม่แล้ว ท่ามกลางการรวมตัวของกลุ่มนักอนุรักษ์เคนยาที่ตั้งคำถามถึงเงื่อนงำที่ซ่อนอยู่หลังการแลกเปลี่ยนครั้งนี้.

ด้านนายธงชัย วงศ์เหรียญทอง รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่กล่าวว่า จังหวัดได้เข้าไปมีส่วนร่วมกับโครงการเชียงใหม่ไนท์ซาฟารีในรูปแบบเป็นกรรมการฝ่ายต่างๆ ทั้งนี้ความคืบหน้าล่าสุดจากซีอีโอคือนายปลอดประสพ สุรัสวดี ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรียังระบุว่าจะเปิดดำเนินการราวเดือนเมษายนในบางส่วน หลักจากนั้นจะเป็นลักษณะทำไปดูไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ล่าสุด ในการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดส่งท้าย "ทักษิณ 1" เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2548 ครม.เพิ่งให้ความ เห็นชอบหนังสือแสดงเจตจำนงว่าด้วยความร่วมมือในการอนุรักษ์และจัดการสัตว์ป่าและพืชป่า ระหว่างกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กับองค์การสัตว์ป่าแห่งประ เทศสาธารณรัฐเคนย่า ตามที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเสนอ

โดยสาระสำคัญของหนังสือแสดงเจตจำนง คือ

1. หนังสือแสดงเจตจำนง (Letter of Intent) ระหว่าง Kenya Wildlife Service กับกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ว่าด้วยความร่วมมือเพื่อการอนุรักษ์และจัดการสัตว์ป่า จัดทำขึ้นโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความร่วมมือในการส่งเสริมแนวทางการปฏิบัติของการอนุรักษ์และจัดการสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ของทั้งสองประเทศโดยมีขอบเขตครอบคลุมในเรื่องต่อไปนี้

การบังคับใช้กฎหมายว่าด้วยสัตว์ป่าและพืชป่า (Wildlife Law Enforcement)
การพัฒนาตลาดการท่องเที่ยว (Tourism marketing and development)
การวิจัยสัตว์ป่าและพืชป่า และการพัฒนานโยบาย (Wildlife Research and policy development)
การอนุรักษ์สัตว์ป่าและพืชป่าระดับชุมชน (Community Wildlife conservation)
การให้การศึกษาด้านสัตว์ป่าและพืชป่า (Wildlife education)

ซึ่งทั้งสองฝ่ายจะดำเนินการแลกเปลี่ยนการศึกษาดูงาน การดำเนินการวิจัยร่วมกัน การฝึกอบรมเจ้าหน้าที่เผยแพร่ สนับสนุน และแลกเปลี่ยนวิทยาการ พัฒนาและส่งเสริมทรัพยากรการท่องเที่ยว และสร้างเครือข่ายข้อมูลข่าวสาร

2. จะต้องมีการจัดทำรายละเอียดและข้อตกลงในแต่ละเรื่อง ซึ่งจะดำเนินการภายใต้ขอบเขตตามข้อ 1 ต่อไป

3. หนังสือข้อตกลงฉบับนี้ระบุไว้ว่า กิจกรรมต่างๆ ตามข้อตกลงจะดำเนินการได้ภายหลังจากรัฐบาลของทั้งสองฝ่ายให้ความเห็นชอบในข้อตกลงนี้ และให้เสนอให้รัฐบาลของแต่ละฝ่ายให้ความเห็นชอบ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท