Skip to main content
sharethis

เรื่องราวของ"คลื่นอิทธิพล"ยังคงซัดโถมกระหน่ำผู้ประสบภัยคลื่นยักษ์ซึนามิอย่างต่อเนื่อง ระลอกแล้ว ระลอกเล่า ไม่มีสิ้นสุด "ผู้ถูกคุกคาม" ในหลายๆพื้นที่ยังได้ความเดือดร้อนและขู่ "หมายหัว" อยู่เนืองๆ ชนิดที่ว่าต่อหน้าต่อตาผู้พิทักษ์รักษากฎหมายก็ว่าได้

"โอภาส เจริญพจน์" แกนนำเครือข่ายสลัม 4 ภาค เปิดเผยเรื่องราวการคุกคามจากกลุ่มอิทธิพลว่าล่าสุดเมื่อต้นเดือนที่ผ่านมาได้มีการปล่อยข่าวจากกลุ่มที่ขัดแย้งเรื่องที่ดินกับชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งตนลงไปทำงานว่า

"ผมจะถูกอุ้มไปฆ่าเป็นรายแรก ส่วนพวกหัวแข็งที่เหลือจะเป็นรายต่อไป"

โอภาสเล่าถึงมูลเหตุของความขัดแย้งว่า หลังเกิดเหตุการณ์คลื่นยักษ์ซึนามิ ตนและเครือข่ายสลัม 4 ภาคร่วมกับเครือข่ายองค์กรพัฒนาเอกชนและหน่วยงานอื่นๆได้ลงไปทำงานในพื้นที่เพื่อช่วย
เหลือผู้ประสบภัย พื้นที่ซึ่งโอภาส อาสาลงไปช่วยเหลือ คือ ที่บ้านทับตะวัน (บางสัก) ต.บางม่วง อ.ตะกั่วป่า และที่ บ้านในไร่ ต.บางเตย อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

"ตอนลงไปวันแรก มีทหารจำนวนหนึ่งจากหน่วยทหารแห่งหนึ่งในจังหวัดลพบุรี ซึ่งมียศนายทหารระดับนายร้อยและนายพัน พร้อมกับกำนันในพื้นที่ มาบอกให้พวกผมออกไปนอกพื้นที่ ไม่อย่างนั้นจะไม่รับรองความปลอดภัย" โอภาสกล่าว

โอภาสเล่าต่อว่า แต่พวกตนก็ยังคงอยู่ในพื้นที่เพื่อทำงานช่วยเหลือชาวบ้านผู้ประสบภัยต่อไป โดยให้เหตุผลว่า ที่ยังคงอยู่ไม่ได้หมายความว่าไม่กลัว แต่ความอยากช่วยเหลือผู้ประสบภัยมีมากกว่า อีกทั้งคิดว่าความเดือดร้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่ประสบภัยมีมากมาย ทุกคนต้องช่วยกันคนละเล็กละน้อยในการกอบกู้แผ่นดิน และผู้คนขึ้นมาให้เป็นเช่นเดิมหรือเกือบเช่นดังเดิม

"งานขั้นแรกที่ทางองค์กรจับ คือ ทำข้อมูลผู้ประสบภัยเพื่อช่วยเหลือในการรับบริจาคสิ่งของ จัด ระบบเป็นกลุ่มเพื่อทำเรื่องออมทรัพย์ เรื่องอาชีพ งานเยาวชน และมาถึงขณะนี้คือ การปลูกสร้างบ้านพักถาวรของชาวบ้าน"โอภาสกล่าว

ความขัดแย้งเพิ่มดีกรีความรุนแรงมากขึ้น เมื่อมีการปลูกสร้างบ้านพักถาวรให้ชาวบ้าน ปัญหาเกิดจากการแย่งชิงสิทธิเหนือที่ดินระหว่างชาวบ้านกับนายทุน และกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่น โดยเฉพาะการที่ชาวบ้านเรียกร้องให้หน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องตรวจสอบการออก "โฉนดบิน" โฉนดที่ดินซึ่งมีที่มาอย่างไม่ชอบมาพากล ทำให้ชาวบ้านได้รับข้อหาบุกรุกที่เอกชน ความขัดแย้งจึงนำมาซึ่งการข่มขู่คุกคาม

"แรกๆ มีสารวัตรกำนันมาพูดกับชาวบ้านว่าจะให้ค่ารื้อถอนออกจากพื้นที่ แต่ถ้าหากยังดื้อดึงจะเอาตำรวจมาจับ ต่อมาก็มีการฝากข่าวมาถึงผมว่า โดยเฉพาะไอ้พวกหัวแข็งระวังจะโดนรื้อถอนชีวิต" โอภาสกล่าว

โอกาสเล่าต่อว่าหลังจากนั้นชาวบ้านก็โดนขู่ฆ่าทุกวัน ทั้งทางโทรศัพท์บ้าง มาขู่ในพื้นที่บ้าง หมุนเวียนกันระหว่างทหารบ้าง ตำรวจบ้าง สารวัตรกำนันบ้าง ต่างตบเท้าหมุนเวียนเข้ามา ในขณะที่ชาวบ้านก็เริ่มมีการรวมกลุ่มกันอย่างเข้มแข็งมากขึ้นและเรียกร้องให้หน่วยงานราชการเร่งพิสูจน์สิทธิที่ดินที่พิพาทดังกล่าว

"ชาวบ้านต้องพิสูจน์สิทธิที่ดินที่ตนอยู่มาหลายชั่วอายุคนด้วย เพื่อตนเองและลูกหลานจะได้มีแผ่นดินอยู่ ในขณะที่นายทุนมีเครื่องมือหลายชนิดในการมาแย่งชิงที่ดินจากชาวบ้าน เพื่อกำไร เพื่อผลประโยชน์ที่เขามีมากมายอยู่แล้ว เขามีเงิน มีอิทธิพล และมีเจ้าหน้าที่รัฐเป็นแขนขา แต่ชาวบ้านมีเพียงใจที่จะสู้เพื่อปกป้องที่ดินบรรพบุรุษ หากเป็นคู่มวย ก็เป็นการชกที่ไม่สมศักดิ์ศรีเลย" โอกาสกล่าว

โอกาสกล่าวถึงทางออกของปัญหาในเรื่องนี้ว่า รัฐบาลควรมีหนังสือให้ยุติคดีฟ้องร้องชาวบ้านในเรื่องที่ดิน และควรพิสูจน์สิทธิที่ดินให้ได้ความกระจ่างโดยเร็ว อีกทั้งเร่งยุติบทบาทเจ้าหน้าที่รัฐในการข่มขู่คุกคามชาวบ้านอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะกลุ่มอิทธิพลท้องถิ่นซึ่งต้องการเอาที่ดินของชาวบ้านไปให้นายทุน

"ชาวบ้านเขานั่งคุยกับผมว่า วันๆ หนึ่งถูกขู่ฆ่าเช้า เที่ยง เย็น แทบจะ 3 เวลาหลังอาหาร ข่าวคนนั้นถูกยิง คนนี้ถูกอุ้มมีมาเป็นระยะๆ แต่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไง สะดือเขาฝังที่นี่ ผีปู่ย่าตายายเขาก็อยู่ที่นี่ แล้วจะให้เขาไปจากที่นี่ได้อย่างไร" โอกาสเล่า

โอภาสกล่าวถึงการถูกหมายหัวของตนนั้น เนื่องจากเพราะที่ดินดังกล่าวมีมูลค่ามาก นายทุนจะได้ผลประโยชน์มหาศาลหากได้ครอบครอง เมื่อมีคนเข้ามาขัดผลประโยชน์ ย่อมเกิดความไม่พอใจขึ้นเป็นธรรมดา จึงไม่แปลกที่จะมีการเอื้อเม็ดเงินไปใช้เจ้าหน้าที่รัฐใช้ในการข่มขู่คุกคามด้วยวิธีการต่างๆนาๆ

"พวกผมถือว่าเราทำงานที่เกิดประโยชน์กับชาวบ้าน ทำงานด้วยใจอาสาสมัคร เท่านี้ก็พอแล้ว"โอภาสกล่าวและจบประโยคในตอนท้ายว่า "เมื่อ 2-3 วันที่ผ่านมา ผมเจอกับทหารคนที่มาขู่พวกเราตอนลงพื้นที่ครั้งแรก เขาทักว่า ยังไม่เป็นอะไรใช่ไหม ขอให้โชคดีทุกโอกาสก็แล้วกัน"

"โชคดี"จะมีทุกโอกาสหรือไม่ ไม่มีใครรู้ได้ แต่ความขัดแย้งเหล่านี้ได้เกิดขึ้นแล้วในอีกหลายๆพื้นที่ซึ่งประสบเหตุธรณีพิบัติภัย คลื่นยักษ์ซึนามิ ซึ่งเป็นปัญหาที่รัฐบาลควรเร่งดำเนินการแก้ไขโดยด่วน ก่อนที่"คลื่นอิทธิพล"จะซ้ำเติมคลื่นธรรมชาติ พัดกลืนกินชีวิตผู้คนซ้ำอีกครั้ง

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net