ประชาไท -- 25 เม.ย. 48 -- วันนี้ (25 เม.ย.)ญาติผู้เสียชีวิตจากการเคลื่อนย้ายผู้ชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ยื่นคำร้องต่อศาลจังหวัดปัตตานี ตั้งทนายความจำนวน 34 คน ร่วมซักถามพยานที่พนักงานอัยการนำสืบ และคัดค้านการโอนย้ายคดีมาที่กรุงเทพฯ เนื่องจากญาติผู้ตายเดินทางลำบากและต้องใช้เวลามาก

โดยศาลจังหวัดปัตตานี ได้รับคำร้องดังกล่าวไว้ พร้อมกับให้ผู้ร้องเซ็นชื่อแต่งตั้งทนาย เป็นผู้แทนเข้าซักพยานดังกล่าว ซึ่งมีทนายจากสภาทนายความ จำนวน 34 คน รับเป็นพยานให้กับฝ่ายญาติผู้เสียชีวิต

ทั้งนี้ ญาติผู้ตายระบุว่า คำร้องของอัยการมีข้อความที่ไม่เป็นความจริงและมีลักษณะใส่ร้ายป้ายสีผู้ตาย เพื่อให้สาธารณชนมีทัศนคติที่ไม่ดีต่อผู้ตาย มิได้เป็นการยื่นคำร้องขอไต่สวนเพื่อความเป็นธรรมตามที่กฎหมายกำหนด เพื่อให้ศาลทำการไต่สวนและทำคำสั่งแสดงว่าผู้ตายคือใคร ตายที่ไหน เมื่อใด รวมทั้งหาสาเหตุและพฤติการณ์ที่ตาย

ด้านนายรัษฎา มนูรัษฎา ที่ปรึกษาคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิต จากการสลายการชุมนุมที่ อ.ตากใบ จ.นราธิวาส กล่าวว่า นับเป็นนิมิตหมายที่ดีที่ชมรมทนายมุสลิม และสภาทนาย ได้ร่วมมือกันช่วยเหลือให้ความเป็นธรรมแก่ญาติผู้เสียชีวิต จากการขนย้ายผู้ชุมนุมหน้า สภ.อ.ตากใบ ซึ่งในวันนี้ทนายได้คัดค้านกรณีพนักงานอัยการผู้นำสืบพยานจะให้มีการไต่สวนคดีดังกล่าวที่ศาลกรุงเทพมหานคร

"เราได้คัดค้านการโอนคดีไปกรุงเทพฯ เนื่องจากญาติของผู้ตายจะลำบากกับการเดินทางไปขึ้นศาล ที่อาจจะต้องใช้เวลานานในการนำสืบพยาน นอกจากนี้ยังพบด้วยว่าข้อเท็จจริงที่ทีมทนายได้รับตรงกับข้อเท็จจริงของคณะกรรมการอิสระสอบข้อเท็จจริงกรณีเหตุการณ์ผู้เสียชีวิตที่ตากใบ ซึ่งเป็นประโยชน์ในการซักถามพยาน และอยากให้รัฐบาลปรับท่าทีในการทำความเข้าใจกรณีที่เกิดขึ้น เนื่องจากผู้เสีย ชีวิตในเหตุการณ์ล้วนเป็นคนไทยที่ต้องการความสงบเช่นเดียวกัน" นายรัษฎากล่าว

สำหรับบรรยากาศในการยื่นคำร้องวันนี้ นอกจากญาติผู้ตายจากเหตุการณ์ตากใบแล้ว ยังมีชาวบ้านจากเครือข่ายผู้คัดค้านโครงการก่อสร้างท่อส่งก๊าซและโรงแยกก๊าซ ไทย-มาเลเซีย จาก อ.จะนะ จ.สงขลา กว่า 30 คน มาร่วมให้กำลังใจด้วย