แถลงการณ์คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
กรณีการลอบสังหารพระสุพจน์ สุวโจ เจ้าอาวาสวัดสวนเมตตาธรรม ศพที่ 19 ในรัฐบาลทักษิณ เย้ยนโยบายปราบผู้มีอิทธิพลในพื้นที่บ้านเกิดนายกฯเอง

สืบเนื่องจากการลอบสังหารพระสุพจน์ สุวโจ เจ้าอาวาสวัดสวนเมตตาธรรม พระนักพัฒนา กลุ่มเสขิยธรรม ที่ผ่านมา ณ สถานปฏิบัติธรรมสวนเมตตาธรรม ต.สันทราย อ.ฝาง จ.เชียงใหม่นั้น โดยพระสุพจน์ สุวโจ เป็นพระนักอนุรักษ์ผู้มีบทบาทสำคัญในการต่อสู้เพื่อลุ่มน้ำฝางและการต่อต้านนายทุนสวนส้มที่ใช้สารเคมีร่วมกับชาวบ้าน ทั้งนี้ ยังมีข้อพิพาทกับนักการเมืองผู้มีอิทธิพลในพื้นที่เรื่องที่ดินของวัดหลายร้อยไร่ ที่นายทุนหวังฮุบที่สร้างสวนยางพาราตามที่สื่อมวลชนนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน ภายใต้ภาคีความร่วมมือ 8 องค์กร ประกอบด้วย คณะกรรมการรณรงค์เพื่อประชาธิปไตย(ครป.) สภาเพื่อสิทธิมนุษยชนและการพัฒนาแห่งเอเชีย( Forum Asia ) คณะกรรมการสิทธิมนุษยชน-สภาทนายความสมาคม
สิทธิเสรีภาพของประชาชน(สสส.) คณะกรรมการประสานงานองค์กรสิทธิมนุษยชน(กปส.) สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย(สนนท.) กลุ่มเพื่อนประชาชน และศูนย์ข้อมูลสิทธิมนุษยชนและสันติธรรม(สสธ.) มีความคิดเห็นและข้อเรียกร้องต่อรัฐบาลซึ่งมีหน้าที่ปกป้องสวัสดิภาพและความปลอดภัยของประชาชน ดังต่อไปนี้

1. คณะทำงานฯ เห็นว่าการคุกคามโดยการลอบสังหารพระนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนดังกล่าว เป็นการกระทำอย่างอุกอาจของผู้มีอิทธิพลร่วมกับนักการเมืองในความขัดแย้งเรื่องผลประโยชน์ โดยเฉพาะเรื่องข้อพิพาทที่ดินที่มีการข่มขู่โดยผู้มีอิทธิพลมาก่อนหน้านี้โดยไม่เกรงกลัวอาญาแผ่นดิน และไม่ละเว้นแม้แต่พระสงฆ์องค์เจ้า ซึ่งเคร่งครัดปฏิบัติธรรมตามหลักศาสนา ถือเป็นการคุกคามความมั่นคงของรัฐบาลที่ไม่สามารถพิทักษ์คุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนได้ และกรณีนี้ยังเกิดขึ้นที่พื้นที่บ้านเกิดของนายกรัฐมนตรีเองด้วย โดยคาดว่าเกิดจากสาเหตุขัดแย้งกับกลุ่มผู้มีอิทธิพลในจังหวัดเชียงใหม่เอง คณะทำงานฯ จึงขอเรียกร้องไปยัง ฯพณฯ นายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้รีบมีการสอบสวนคลี่คลายเรื่องนี้อย่างเร่งด่วน จริงจัง เพื่อหาคนผิดมาลงโทษและให้มีการดูแลคุ้มครองความปลอดภัยของประชาชนในพื้นที่อย่างถึงที่สุดโดยเร็ว เพื่อสร้างหลักประกันความมั่นคงให้แก่ประชาชน เพราะหากนับเฉพาะกรณีใหญ่ๆ ที่เป็นข่าวตามสื่อมวลชน กรณีนี้เป็นศพที่ 19 ในรัฐบาลทักษิณที่มีการลอบสังหารโดยรัฐบาลไม่มีมาตรการควบคุม

2. คณะทำงานฯ ไม่มีความไว้วางใจว่าเจ้าหน้าที่ในพื้นที่จะสามารถคลี่คลายคดีนี้ได้อย่างโปร่งใส หรือเต็มความสามารถ เพราะถ้าหากเกิดจากข้อพิพาทเรื่องที่ดินหลายร้อยไร่ที่นายทุนและนักการเมือง จ.เชียงใหม่ ต้องการให้เช่าเพื่อทำสวนยางพาราและพยายามสมประโยชน์กันแล้ววางแผนฆ่าแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่อาจตกอยู่ให้อิทธิพลของผู้มีอำนาจได้ หากมีการสอบสวนจากส่วนกลางพบว่า เจ้าหน้าที่ในพื้นที่มีส่วนเกี่ยวข้องหรือรู้เห็นเป็นใจ ให้มีการย้ายเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ โดยเฉพาะ สภ.อ.ฝาง จ.เชียงใหม่ด้วย ทั้งนี้เพื่อให้เกิดความมั่นใจว่า รัฐบาลจะพิทักษ์ดูแลความปลอดภัยในพื้นที่ได้ โดยจัดการกับผู้มีอิทธิพลขั้นเด็ดขาด เพื่อสาวหาคนผิดและผู้บงการระดับสูงที่อาจเกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นนักการเมืองระดับชาติหรือไม่ก็ตาม ทั้งนี้ โดยไม่เลือกปฏิบัติ

3. รัฐบาลต้องแก้ปัญหาผู้มีอิทธิพลและการคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนอย่างจริงจัง เพื่อสร้างหลักประกันความปลอดภัยของประชาชนที่ลุกขึ้นมาพิทักษ์สิทธิของสังคมและชุมชนอย่างเต็มที่ โดยให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งหามาตรการและกลไกในการปกป้องคุ้มครองโดยเร็วที่สุด เพื่อให้ทุกจังหวัดปลอดอิทธิพลอย่างแท้จริงและเป็นพื้นที่สีขาวที่ปลอดจากความรุนแรงและการคุกคามประชาชน

ทั้งนี้ การคุกคามนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนในประเทศไทย กำลังเป็นวิกฤติที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการคุกคามด้วยการใช้กำลังข่มขู่หรือการใช้กฎหมาย เช่น กรณีเจ้าหน้าที่ตำรวจนอกเครื่องแบบจำนวน 6-7 คน ได้เข้าจับกุมแกนนำการคัดค้านโรงไฟฟ้าแก่งคอย จ.สระบุรี ที่หน้าบ้านพัก ในข้อหา ร่วมกันเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อต้านโรงไฟฟ้าโดยการประกาศโฆษณา ตามมาตรา 101 พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ.2535 ซึ่งเป็นการกระทำผิดตามมาตรานี้ครั้งแรกในประเทศไทยที่มีการถูกจับกุม เสมือนเป็นการกลั่นแกล้งโดยการร่วมมือกันของนายทุนและเจ้าหน้าที่รัฐ คณะทำงานฯ หวังเป็นอย่างยิ่งว่ารัฐบาลจะตระหนักถึงปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นในสังคมไทย และเร่งคลี่คลายปัญหาโดยเร็วที่สุด

คณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน
Thai Coalition for the Protection of Human Rights Defenders[HRD-TH]
21 มิถุนายน 2548