Skip to main content
sharethis

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 มิถุนายน 2548 ที่โรงแรมลีการ์เดนส์พลาซ่า อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา นายสมชาย สุนทรวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้เดินทางมาเป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมใหญ่สมาคมสันนิบาติเทศบาลแห่งประเทศไทย

นายสมชาย กล่าวกับผู้สื่อข่าวภายหลังพิธีเปิดการประชุมว่า รัฐบาลมีความตั้งใจร้อยเปอร์เซ็นต์เต็ม ที่จะกระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมจะส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่นให้มีความเข้มแข็ง และมีประสิทธิภาพ เห็นได้จากการที่รัฐบาลชุดนี้ได้กระจายอำนาจให้กับองค์กรปกครองท้องถิ่นมากกว่ารัฐบาลทุกยุคที่ผ่านมา

นายวีระวัฒน์ ภักตรนิกร นายกกสมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ว่า ตนขอให้รัฐบาลกระจายอำนาจด้วยความจริงใจ เพราะที่ผ่านมายังไม่มีการกระจายอำนาจมาให้ท้องถิ่น กระทั่งตัวนายกรัฐมนตรีเอง ก็ยังไม่ยอมกระจายอำนาจให้กับรองนายกรัฐมนตรี แต่กลับกุมอำนาจอยู่ที่ตัวนายกรัฐมนตรีคนเดียว

ต่อมา เวลา 13.00 น. วันและสถานที่เดียวกัน สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย ได้จัดเสวนาเรื่องอนาคตขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในประเทศไทย ผู้ร่วมเสวนาประกอบด้วย นายวีระวัฒน์ นายอภิรักษ์ โกษะโยธิน ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายนิรันดร์ วัฒนศาสตร์สาธร นายกเมืองพัทยา นายสนิท วรกิจ นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย นายวิฑูรย์ ชาติปฏิมาคม นายกสมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย มีนายไพร พัฒโน นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ดำเนินการเสวนา

นายอภิรักษ์ กล่าวว่า ถึงแม้กรุงเทพมหานครจะมีรายได้ค่อนข้างสูง ทั้งรายได้โดยตรง และงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล แต่เนื่องจากต้องสร้างสาธารณูปโภคขนาดใหญ่เพื่อรองรับคนจำนวนมาก เช่น โครงการขนส่งมวลชน การจัดเก็บขยะ ส่งผลให้การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลที่ได้มาเพียง 24 เปอร์เซ็นต์ ในปี 2549 แทนที่จะเป็น 35 เปอร์เซ็นต์ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด จึงเป็นข้อจำกัดทางด้านงบประมาณ รัฐบาลจะต้องกระจายอำนาจ กระจายงบประมาณ ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด ต้องส่งเสริมให้ท้องถิ่นเข้มแข็ง โดยให้ประชาชนมีส่วนร่วม

"กฎหมายเปิดโอกาสให้กรุงเทพมหานคร สามารถระดมเงินในรูปของการออกพันธบัตร เพื่อนำมาลงทุนสาธารณูปโภคได้ก็จริง แต่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นหรือไม่ ในเมื่อรัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลกระจายงบประมาณมาให้ท้องถิ่น 35 เปอร์เซ็นต์ จากงบประมาณประจำปีของรัฐบาลกลาง" นายอภิรักษ์ กล่าว

นายวีรวัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้กำลังมีร่างพระราชบัญญัติประมวลกฎหมายปกครองส่วนท้องถิ่นออกมา ซี่งองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นรับรู้กันน้อยมาก ทั้งที่เกี่ยวข้องกับท้องถิ่นโดยตรง รัฐบาลเองทำตัวห่างเหิน ละเลยไม่รับฟังความเห็นขององค์กรปกครองท้องถิ่น ขณะที่งบประมาณอุดหนุนที่กฎหมายกำหนดให้รัฐบาลกลางจัดสรรให้ท้องถิ่น 35 เปอร์เซ็นต์ มีแนวโน้มว่าจะไม่ได้ โดยจะขยายเวลากระจายงบประมาณออกไปเป็นปี 2553

นายวีรวัฒน์ กล่าวต่อไปว่า ขณะเดียวกันงบประมาณที่ท้องถิ่นได้รับแค่ 24 เปอร์เซ็นต์ในขณะนี้ กลับนับรวมรายได้ของท้องถิ่นประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์เศษๆ เข้าไปด้วย หมายความว่าท้องถิ่นได้รับงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาลไม่ถึง 14 เปอร์เซ็นต์ด้วยซ้ำ ตนเคยแย้งในที่ประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจ แต่ถูกโต้กลับมาว่า รายได้ของท้องถิ่น ถือเป็นรายได้ของรัฐบาลกลาง

"ผมต้องการให้นายกรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการกระจายอำนาจสักครั้ง จะได้รับฟังว่า เราต้องการอะไร แค่ไหน อย่างไร" นายวีรวัฒน์ กล่าว

นายนิรันดร์ กล่าวว่า ท้องถิ่นถูกกำหนดโดยภาครัฐเสมอมา คนท้องถิ่นเองไม่สามารถกำหนดตัวเองได้ว่า ต้องการรูปแบบโครงสร้างการปกครองแบบใด ที่เหมาะสมกับท้องถิ่นเอง ถ้าปล่อยไว้เช่นนี้ ตนเชื่อว่าการกระจายงบประมาณให้ท้องถิ่น 35 เปอร์เซ็นต์ และการถ่ายโอนอำนาจให้กับท้องถิ่น คงจะไม่ขยับไปไหน เพราะฉะนั้นท้องถิ่นจะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว เพื่อผลักดันเอามาให้ได้

นายสนิท กล่าวว่า การปกครองส่วนท้องถิ่น เป็นการปกครองที่รัฐบาลจะต้องให้การสนับสนุน แต่รัฐบาลสนับสนุนแค่ไหน ทุกคนก็รู้กันอยู่ จะเห็นได้ว่ารัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลจัดสรรงบประมาณอุดหนุนให้กับท้องถิ่น 35 เปอร์เซ็นต์ แต่รัฐบาลยังไม่ยอมให้ แถมยังไม่ยอมถ่ายโอนอำนาจมาให้ท้องถิ่นตามขั้นตอนการกระจายอำนาจ ที่ร้ายแรงที่สุด คือ รัฐบาลกำลังเสนอร่างพระราชบัญญัติเขตเศรษฐกิจพิเศษ ที่มีอำนาจเหนือท้องถิ่นทั้งปวง ผู้นำท้องถิ่นต้องคิดว่า จะต่อต้านร่างกฎหมายฉบับนี้กันอย่างไร

นายสนิท กล่าวต่อไปว่า สำหรับงบประมาณอุดหนุน ที่ได้รับแค่ 24 เปอร์เซ็นต์นั้น จะเห็นได้ว่าเป็นงบผูกพันจากปีก่อน และส่วนหนึ่งเป็นงบเฉพาะกิจที่รัฐบาลเลือกให้เฉพาะบางท้องถิ่น เป็นงบที่สนองตอบนโยบายของรัฐบาล ขณะที่รัฐบาลอ้างว่าไม่มีเงิน แต่รัฐบาลกลับแจกงบประมาณให้กับผู้ว่า CEO และ SML ลงมาซ้ำซ้อนในท้องถิ่น ผู้ว่าราชการจังหวัดไม่มีกำลังคน ก็ต้องมาใช้คนของท้องถิ่น

นายวิฑูรย์ กล่าวว่า ขณะที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้รัฐบาลดูแลท้องถิ่น คำถามก็คือว่า รัฐบาลดูแลท้องถิ่นดีแล้วหรือยัง เรื่องนี้ท้องถิ่นเองจะต้องมานั่งถกกัน ตนคิดว่าควรมีกระทรวงท้องถิ่น ขึ้นมาดูแลการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น ท้องถิ่นไม่ได้เรียกร้องงบประมาณอุดหนุนจากรัฐบาล 35 เปอร์เซ็นต์ แต่กฎหมายระบุไว้เช่นนั้น ผู้กำกับดูแลท้องถิ่น คือ รัฐบาลกลางจะต้องจริงใจ อย่าอ้างว่าการถ่ายโอนอำนาจยังเสร็จ ที่ถ่ายโอนยังไม่ได้เพราะ เพราะกระทรวงศึกษาธิการ และกระทรวงสาธารณสุข ไม่ยอมคุยกับท้องถิ่น รัฐบาลจะต้องลงมาช่วยในส่วนนี้

จากนั้น นายวีรวัฒน์ ได้ประกาศต่อที่ประชุมว่า ขณะนี้องค์กรปกครองท้องถิ่นทั้ง 5 ประกอบด้วย กรุงเทพมหานคร, เมืองพัทยา, สมาคมสันนิบาตเทศบาลแห่งประเทศไทย, สมาคมองค์การบริหารส่วนจังหวัดแห่งประเทศไทย และสมาคมองค์การบริหารส่วนตำบลแห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันจัดตั้งสมาพันธ์องค์กรท้องถิ่นขึ้นมา เพื่อร่วมกันผลักดันให้มีการกระจายอำนาจส่วนท้องถิ่น ตามที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ

นายวีระวัฒน์ ให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมว่า เป็นการจัดตั้งขึ้นมา เพื่อให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทั้งหมด มีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งในเรื่องการกระจายอำนาจ การต่อสู้เรียกร้องเรื่องต่างๆ จากรัฐบาล จะได้ไม่ร้องกันคนละเพลง ส่วนรูปแบบระเบียบวิธีการบริหารจัดการ ต้องหารือกันอีกครั้ง

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net