"มาเลเซียเชื่อมั่นในหลักการเรื่องความเป็นอิสระของประเทศ แม้จะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ ก็ตาม" นายอับดุลลาห์ อาห์หมัด บาดาวี นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าวในที่ประชุมสมัชชาแห่งชาติของพรรคยูไนเต็ด มาเลย์ เนชั่นแนล ออร์แกนไนเซชัน (อัมโน่) โดยยืนยันว่า มาเลเซียไม่มีวันอนุญาตให้กองกำลังทหารต่างชาติเข้ามาช่วยลาดตระเวนในช่องแคบมะละกา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการโจมตีของโจรสลัด

"บนหลักการดังกล่าว มาเลเซียยึดมั่นในความเชื่อที่ว่า ความรับผิดชอบในการรักษาความปลอดภัยในช่องแคบมะละกาเป็นหน้าที่ของเรา เราจะไม่ยอมให้กองกำลังทหารต่างชาติเข้ามาลาด ตระ เวนในน่านน้ำแห่งนี้โดยเด็ดขาด การประจำการของทหารต่างชาติที่ไม่ได้ผ่านการอนุมัติจากเรา ถือเป็นการละเมิดและถือเป็นการดูหมิ่นความเป็นอิสระของประเทศเรา" นายกรัฐมนตรีมาเลเซียกล่าว

ก่อนหน้านี้ นาจิบ ราซัค รัฐมนตรีกลาโหม มาเลเซีย ระบุว่า การให้ความร่วมมือลาดตระเวนความปลอดภัยบริเวณช่องแคบมะละกา ตั้งแต่ปี 2547 ช่วยลดปัญหาโจรสลัดบุกปล้นเรือได้ถึง 25% จากหลายปีก่อน

"ในความเห็นของเรา ยังไม่พบการเชื่อมโยงใดๆ ระหว่างกลุ่มผู้ก่อการร้าย ซึ่งมีเป้าหมายในการก่อความไม่สงบทางการเมือง และกลุ่มโจรสลัด ที่มี เป้าหมายในการปล้นสะดมเพื่อผลกระโยชน์ส่วน ตัว" ราซัค กล่าวและว่า การกระทำของกลุ่มโจรสลัด ในท้องทะเลไม่แตกต่างจากกลุ่มโจรทั่วไปที่จ้องจะปล้นสะดมนักท่องเที่ยว และรถบรรทุกสินค้ามีค่า

"มาเลเซียเชื่อว่า เรามีความสามารถในการดูแลความปลอดภัยของช่องแคบมะละกา โดยปราศ จากการแทรกแซงจากภายนอก" ราซัค กล่าวพร้อมกับระบุว่า รัฐบาลมาเลเซียพอใจกับระบบการดูแลความปลอดภัยบริเวณน่านน้ำของประเทศในขณะนี้เป็นอย่างมาก

"ช่องแคบมะละกา" เป็นช่องแคบที่คั่นกลางระหว่างเกาะสุมาตราของอินโดนีเซียกับภาคตะวันตกของมาเลเซีย โดยมีเกาะสิงคโปร์อยู่ปลายสุดของช่องแคบ มีความยาว 600 ไมล์ ถือเป็นเส้นทางลัดที่เชื่อมมหาสมุทรอินเดียกับทะเลจีนใต้ของแปซิฟิก  ช่วยย่นระยะทางเดินเรือจากอ่าวเปอร์เซียไปยังแปซิฟิกได้อย่างมาก

ทั้งนี้ในปีหนึ่งๆ จะมีเรือสินค้าแล่นเข้า-ออกผ่านช่องแคบแห่งนี้ไม่น้อยกว่า50,000 ลำ หรือประมาณ 1 ใน 3 ของโลก โดยครึ่งหนึ่งจะเป็นเรือบรรทุกน้ำมันจากอ่าวเปอร์เซีย ซึ่งมีจุดหมายปลายทางที่ญี่ปุ่น จีนกับเกาหลีเป็นส่วนใหญ่

ช่วงที่ผ่านมามาเลเซียได้เรียกร้องให้ประชาคมโลกช่วยสนับสนุนความมั่นคงในช่องแคบแห่งนี้ ซึ่งมีพรมแดนติดกับมาเลเซียและสิงคโปร์ ด้วยการจัดหาอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ เครื่องบินลาดตระเวน รวมทั้งขอความร่วมมือจากประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ ไทย อินโดนีเซีย จัดลาดตระเวนร่วมในพื้นที่เพื่อดูแลความสงบเรียบร้อย