"วีกรุ๊ป" ดึงทุนนอกรุกอสังหาฯพันล้าน ผุดบูติคโฮเทล-เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ

Econ Focus

 

 

ต้องยอมรับอย่างหนึ่งว่าเชียงใหม่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของนายกรัฐมนตรี "ทักษิณ" ได้รับอานิสงส์มากมายหลายประการ โดยเฉพาะอย่างิย่งการทุ่มเมกกะโปรเจ็กต์หลายพันล้านบาทลงมาพัฒนาเมืองเชียงใหม่ เพื่อสานฝันให้เชียงใหม่กลายเป็นเมืองศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในทุกด้านในระดับภูมิภาคและในกลุ่มอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งนั่นเป็นแรงหนุนให้เกิดการลงทุนตามมามากมายทั้งการลงทุนจากภาครัฐและเอกชน โดยเฉพาะภาคเอกชนมีความเชื่อมั่นในศักยภาพของเมืองแห่งนี้ในระดับสูง

ที่เห็นชัดก็คือ การพาเหรดของกลุ่มทุนกระเป๋าหนักที่มาลงหลักปักฐานผุดโรงแรมระดับห้าดาวกันเป็นทิวแถว นั่นหมายความว่าเชียงใหม่กำลังจะกลายเป็น Destination ใหม่ทางการท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวระดับสูง (

รวมถึง "กลุ่มวีกรุ๊ป" ทุนท้องถิ่นเชียงใหม่ พลิกกลยุทธ์ช่วงเศรษฐกิจขาลง เตรียมดึงกลุ่มทุนต่างชาติหลายประเทศเข้าร่วมทุนพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่ ผุด 2 โครงการใหญ่เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์โรงแรมสไตล์บูติค มูลค่ากว่า 1,400 ล้าน

นายวัชระ ตันตรานนท์ ประธานกลุ่มวีกรุ๊ป เจ้าของโครงการเชียงใหม่บิสสิเนส พาร์ค และโครงการอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่อีกหลายแห่ง เปิดเผยว่า ภาวะเศรษฐกิจที่กำลังอยู่ในช่วงขาลง จำเป็นอย่างยิ่งที่ผู้ประกอบธุรกิจต้องเร่งปรับตัวและรับมือกับสถานการณ์ที่ไม่แน่นอนในอนาคต โดยกลุ่มวีกรุ๊ปได้ปรับกลยุทธ์ด้วยการเร่งดึงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนด้วย โดยเฉพาะการลงทุนในภาคอสังหาริมทรัพย์ที่ปริมาณความต้องการของตลาดยังมีอยู่มาก

            ทั้งนี้ ทุนต่างชาติที่ให้ความสนใจร่วมลงทุนกับกลุ่มวีกรุ๊ปมีหลายกลุ่ม ทั้งกลุ่มจากประเทศสิงคโปร์ อังกฤษและฮ่องกง ซึ่งในหลักการเจรจาทางธุรกิจ ทั้ง 3 ประเทศได้ทำการตกลงในรายละเอียดเรียบร้อยแล้วว่าจะร่วมลงทุนในหลาย ๆ โครงการด้วย ตามแผนที่วางไว้จะมีโครงการที่พัฒนาหลายโครงการ อาทิ ศูนย์การค้า   รีสอร์ท โรงแรม และอพาร์ทเม้นท์ ขณะเดียวกัน ก็พร้อมเปิดรับกลุ่มทุนอีกหลายประเทศด้วยเช่นกัน และขณะนี้ก็อยู่ระหว่างการติดต่อเพื่อให้เข้ามาเป็นหุ้นส่วนลงทุนธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ในจังหวัดเชียงใหม่

            เขาบอกว่าสาเหตุที่ต้องดึงทุนต่างชาติเข้ามาร่วมลงทุนด้วย ส่วนหนึ่งเนื่องมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เริ่มชะลอตัวจากแรงกดดันของปัจจัยลบในหลาย ๆ ด้าน ขณะที่ในอนาคตคงเป็นเรื่องยากมากขึ้นหากจะรอพึ่งแหล่งเงินทุนภายในประเทศเพียงแหล่งเดียว เพราะเงื่อนไขและมาตรการด้านการเงินของสถาบันการเงินต่าง ๆ เริ่มมีความเข้มงวดมากขึ้น และในวันข้างหน้ายังมีแนวโน้มว่าค่าเงินของไทยจะลดลง ดังนั้น การดึงกลุ่มทุนต่างชาติเข้ามาเป็นหุ้นส่วนทางธุรกิจ จึงน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุดและจะทำให้ธุรกิจของทุนท้องถิ่นมีความเป็นสากลมากขึ้น

            สำหรับโครงการที่กลุ่มวีกรุ๊ปได้ร่วมทุนกับต่างชาติแล้วมี 2 โครงการคือ โครงการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ บนถนนห้วยแก้วอยู่ด้านหลังโครงการฮิลล์ไซด์ พลาซ่า แอนด์คอนโดเทล 4 มูลค่าการลงทุนประมาณ 1,000 ล้านบาท สัดส่วนการร่วมทุนร้อยละ 50 : 50 ซึ่งโครงการดังกล่าวเน้นเจาะลูกค้าชาวต่างชาติระดับกลาง - สูง ส่วนอีกโครงการอยู่ในพื้นที่โครงการเชียงใหม่บิสสิเนส พาร์ค ด้านหน้ามหาวิทยาลัยพายัพคือ รีสอร์ทสไตล์บูติค ชื่อ "คุ้มพญา รีสอร์ท แอนด์สปา" ระดับ 4 ดาวครึ่ง มูลค่าลงทุน 450 ล้านบาท ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาเลือกเชนโรงแรมที่จะเข้ามาบริหาร อาจจะเป็นเชนจากสหรัฐอเมริกา ฝรั่งเศส หรือสิงคโปร์ ทั้งนี้โครงการอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะสามารถเปิดบริการได้ในวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2549

            นายวัชระ กล่าวว่า ภาวะเศรษฐกิจที่อยู่ในช่วงชะลอตัวขณะนี้ อาจส่งผลให้ตลาดอสังหาริมทรัพย์ชะลอตามไปด้วยอย่างน้อย 3 - 6 เดือน ทั้งนี้ ยอมรับว่าราคาน้ำมันเป็นตัวแปรสำคัญที่สุด โดยเฉพาะส่งผลกระทบต่อกลุ่มประชาชนระดับล่าง แม้เงินเดือนจะเพิ่มขึ้น 5 - 10 % แต่กลับสวนทางกับราคาสินค้าหลายประเภทที่ปรับขึ้นถึง 50 % ซึ่งหมายความว่ารายจ่ายจะต้องเพิ่มขึ้นอย่างเลี่ยงไม่ได้

            อย่างไรก็ตาม แม้เศรษฐกิจจะชะลอ แต่ความต้องการของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ยังมีมากและเป็นความต้องการที่แท้จริง จึงสังเกตเห็นว่ายังคงมีการลงทุนในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์เกิดขึ้นเรื่อย ๆ แต่ทั้งนี้กลุ่มลูกค้าอาจพิจารณาสินค้าละเอียดขึ้น เพราะเงินในกระเป๋าน้อยลง แต่ต้องซื้อสินค้าแพงขึ้น ดังนั้นผู้ประกอบการอาจต้องผลิตสินค้าในราคาที่เหมาะสมและสอดคล้องกับความต้องการของตลาดจริง ๆ

            สำหรับอสังหาริมทรัพย์ที่สอดคล้องกับความต้องการของตลาดเชียงใหม่และยังมีอนาคตที่ดีคือ ที่อยู่อาศัยประเภทบ้านเดี่ยว เซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ ซึ่งสินค้าทั้ง 2 ประเภท ไม่ใช่ลงทุนขึ้นมาเพื่อสนองตอบคนเชียงใหม่เพียงอย่างเดียว ต้องแบ่งสัดส่วนคือ ลูกค้าเชียงใหม่ 40 % ลูกค้าจากกรุงเทพฯ (ส่วนกลาง) 20 % ลูกค้าต่างจังหวัด 20 % และลูกค้าชาวต่างชาติอีก 20 % เพราะปัจจุบันคนจากถิ่นอื่นและชาวต่างชาติเข้ามาอยู่เชียงใหม่มากขึ้น และเชื่อว่าในระยะ 2 - 3 ปีนี้อสังหาริมทรัพย์ยังสามารถเติบโตได้ปีละ 10 % อย่างแน่นอน

 

*****************

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท