ฝนตกทั่วฟ้า เสียหายถ้วนหน้า
เชียงใหม่ยับเยิน..เหตุเพลินหยุดยาวไม่ทันตั้งตัว
น้ำท่วมเมืองเชียงใหม่ครั้งนี้ รุนแรงที่สุดในรอบ 40 ปี
ตั้งแต่เวลาประมาณ 02.00 น. ของเช้าวันที่ 14 สิงหาคม ภายในตัวเมืองเชียงใหม่ระดับน้ำค่อยๆ เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง จากช่วงเช้าที่เอ่อท้นแค่สองฝั่งแม่น้ำปิง ผู้สื่อข่าวหลายสำนักโทรศัพท์สอบถามไปยังศูนย์อุทกวิทยาและบริหารน้ำภาคเหนือตอนบน และได้รับแจ้งว่าปริมาณน้ำแม่น้ำปิงจากตอนเหนือจะเดินทางเข้าถึงตัวเมืองสูงสุดในเวลาประมาณ 15.30 น.และจะทรงอยู่เช่นนั้นประมาณตอนเย็นแล้วจะเริ่มลดลง แต่ในห้วงเวลาเดียวกันสถานการณ์น้ำท่วมกลับยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ จากสองฝั่งแม่น้ำปิง ลามไปยังตัวเมืองชั้นใน ที่แม้จะห่างจากแม่น้ำประมาณ
สถานการณ์ที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆทำให้โรงเรียนสำคัญแทบทุกโรงเรียนในตัวเมืองโทรศัพท์ผ่านรายการวิทยุแจ้งงดการเรียนการสอนในวันจันทร์ บางโรงเรียนขอหยุดไม่มีกำหนด ในเวลาเดียวกันนั้นรถติดบนถนนทุกสายไม่เว้นแม้กระทั่งถนนสายซุปเปอร์ไฮเวย์ที่ไม่มีปัญหาน้ำท่วม เกิดกระแสข่าวลือว่าเขื่อนที่อำเภอเชียงดาวแตก แต่ไม่มีการยืนยันอย่างเป็นทางการจากหน่วยงานเกี่ยวข้อง กระทั่งตลอดคืนวันอาทิตย์ที่ 14 สิงหาคม ระดับน้ำก็ยังคงไม่ลดลง พื้นที่ตัวเมืองครึ่งหนึ่ง มีน้ำท่วมรถผ่านไม่ได้ ในบางหมู่บ้านมีน้ำท่วมระดับอก อุปกรณ์ไฟฟ้าเสียหายหมด
ระดับน้ำยังท่วมขังตลอดทั้งคืนวันอาทิตย์ และเริ่มมีรายงานอย่างเป็นทางการว่าน้ำในแม่น้ำปิงเริ่มลดลงแล้วช้าๆ ในช่วงเช้า อย่างไรก็ตามระดับน้ำของแม่น้ำปิงสูงเกินระดับอันตราย คือ
จนถึงวันที่ 16 สิงหาคม สถานการณ์จึงเริ่มคลี่คลาย น้ำในแม้น้ำปิงลดลงต่ำกว่าริมตลิ่ง ทิ้งร่องรอยความเสียหายไว้ในพื้นที่ซึ่งถูกน้ำท่วม และในหลายจุดแม้ระดับน้ำในแม่น้ำปิงจะลดลงแล้ว แต่ยังคงมีน้ำท่วมขัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งบริเวณถนนช้างคลานและถนนเจริญประเทศ ผู้คนต่างเร่งรีบเก็บกวาดทำความสะอาดร้านค้าและบ้านเรือน โดยเฉพาะย่านธุรกิจสำคัญของเมืองเชียงใหม่อย่างไนท์บาร์ซาร์ ซึ่งมีรายงานว่าในคืนเดียวกันนั้นร้านค้าก็เริ่มทยอยเปิดทำการกันแล้ว แม้ว่าบรรยากาศจะเป็นไปอย่างเงียบเหงาก็ตาม
จากการประเมินความเสียหายเบื้องต้น พบว่าการที่น้ำจากแม่น้ำปิงไหลเข้าท่วมในเขตตัวเมืองเชียงใหม่หลายจุด โดยเฉพาะจุดสำคัญที่เป็นย่านการค้าที่สำคัญของจังหวัดเชียงใหม่ เช่น ไนท์บาซาร์ ตลาดวโรรส ตลาดต้นลำไย และ ถนนช้างคลาน นั้น ทำให้จังหวัดเชียงใหม่สูญเสียรายได้ทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล คิดเป็นมูลค่ากว่า 1.5 พันล้านบาท ชั้นใต้ดิน-ล็อบบี้ 20 โรงแรมหรูกลางเมืองพังเสียหายยับเยิน บ้านเรือนแถบตะวันออกของแม่น้ำปิงเสียหายกว่า 5 พันหลัง ผู้ประกอบการย่านไนท์บาซาร์กว่า 200 รายขาดทุนกันถ้วนหน้า
เชียงรายโดน 5 อำเภอ ตัวเมืองรอดฉิวเฉียด
เริ่มตั้งแต่วันที่ 14 ส.ค. 48 มีฝนตกหนักในพื้นที่อำเภอแม่สรวยและอำเภอเวียงป่าเป้า ทำให้น้ำในแม่น้ำลาวไหล่บ่าเข้าท่วมหลายพื้นที่ของทั้งสองอำเภอ และน้ำยังได้ไหลเข้าท่วมในพื้นที่อำเภอแม่ลาวและอำเภอเมืองเชียงรายที่เป็นพื้นที่ลุ่ม แม่น้ำลาวมีระดับน้ำสูงขึ้นอยู่ที่ระดับ
สรุปความเสียหายพบว่ามีน้ำท่วม 5 อำเภอ คือ อำเภอเวียงป่าเป้า อำเภอแม่สรวย อำเภอพาน อำเภอแม่ลาว และ อำเภอเทิง มีราษฎรเดือดร้อน 4,039 ครัวเรือน จำนวน 11,985 คน พืชไร่ถูกน้ำท่วมรวม
พะเยาหนักสุดในรอบ 10 ปี
ในพื้นที่ ตำบลดงเจน ตำบลห้วยแก้ว และ ตำบลแม่อิง กิ่งอำเภอภูกามยาว บ้านเรือนราษฎรถูกน้ำท่วมกว่า 1,400 หลังคาเรือน พื้นที่การเกษตรเสียหายจำนวนมาก ส่วนที่ อำเภอดอกคำใต้ น้ำได้ท่วมหลายหมู่บ้านในพื้นที่ ตำบลดอกคำใต้ ตำบลคือเวียง และ ตำบลศรีดอนชุม นอกจากนี้ยังมีรายงานว่านายชัยรัตน์ บุญยัง อายุ 27 ปี บ้านเลขที่ 65 หมู่ 1 ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ ถูกไฟฟ้าดูดเสียชีวิตระหว่างการเก็บขนย้ายข้าวของหนีน้ำท่วมเมื่อเช้ามืดวันที่ 13 สิงหาคม สำหรับในพื้นที่ ตำบลบ้านสระ ตำบลเชียงม่วน และ ตำบลบ้านมาง อำเภอเชียงม่วน พื้นที่การเกษตรเสียหายอย่างหนัก รวมทั้งถนนและสะพานที่เชื่อมต่อระหว่างหมู่ 3 ตำบลนาปรัง และ หมู่ 9 ตำบลออย คอสะพานทรุดทำให้ต้องสร้างทางเบี่ยงขึ้นมาแทน
สถานการณ์น้ำท่วม 9 หมู่บ้านใน ตำบลดงเจน พบว่ามีระดับน้ำสูงประมาณ
ลำปางตาย 1 สูญห้าล้าน
รายงานผลการสำรวจความเสียหายเบื้องต้นคาดว่าไม่ต่ำกว่า 5 ล้านบาท โดยมีราษฎรได้รับผลกระทบ 3 อำเภอ 15 ตำบล 742 ครัวเรือน ได้แก่ อำเภอแจ้ห่ม อำเภอเมืองปาน และ อำเภอวังเหนือ ซึ่งในพื้นที่อำเภอแจ้ห่มมีพื้นที่ประสบภัย 6 ตำบล ราษฎรได้รับผลกระทบ 290 ครัวเรือน มีผู้เสียชีวิตจากการถูกกระแสน้ำพัดพา 1 ราย คือ นายทองสุก ไปเวศน์ ราษฎรบ้านวังสัก หมู่ที่ 10 ตำบลแจ้ห่ม
ส่วนในพื้นที่อำเภอวังเหนือ ได้รับผลกระทบ 8 ตำบล อยู่ระหว่างการสำรวจจำนวนราษฎรที่ได้รับผลกระทบ และเขตอำเภอเมืองปานมีพื้นที่ได้รับผลกระทบ 1 ตำบล 3 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 1,725 คน นอกจากนั้นยังมีสะพานเสียหาย 4 แห่ง ถนนถูกตัดขาด 2 สาย พนังกั้นน้ำ 3 แห่ง ฝาย 3 แห่ง ตลิ่งพัง 1 แห่ง และเสาไฟฟ้าเสียหาย 1 แห่ง
น่านโชคดีไม่มีเสียชีวิตหรือสูญหาย
หลังจากสถานการณ์กลับเข้าสู่ภาวะปกติ พื้นที่ที่ได้รับผลกระทบมีทั้งหมด 38 ตำบล 127 หมู่บ้าน ใน 9 อำเภอ กับ 1 กิ่งอำเภอ ไม่มีผู้สูญหายหรือเสียชีวิต โดยความเสียหายที่พบส่วนใหญ่เป็นบ้านเรือนและอาคาร ถนนเสียหายและชำรุด 20 สาย สะพาน 7 แห่ง คอสะพาน 6 แห่ง ฝาย 4 แห่ง ลำเหมือง 16 แห่ง ผนังกั้นน้ำ 1 แห่ง พื้นที่การเกษตรได้รับความเสียหายรวม