Skip to main content
sharethis

ประชาไท—6 ก.ย. 48       ครม.สัญจร หนุนโครงการยุทธศาสตร์หลัก 3 เหลี่ยมอันดามันและ จ.พังงา  หวังฟื้นฟูศูนย์กลางการท่องเที่ยวครั้งใหญ่ ผุดระบบเชื่อมโยงทั้งบก-ทะเล  แถมให้ จ.กระบี่นำร่องผลิต


ไบโอดีเซลบรรจุเป็นแผนเร่งด่วน


 


นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ รองโฆษกสำนักนายกรัฐมนตรี  แถลงภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร จ.พังงา  ในวันนี้ว่า วาระสำคัญของการประชุมในครั้งนี้คือ  การพิจารณาโครงการต่างๆ เพื่อแก้ไขปัญหาในกลุ่ม 3 จังหวัดฝั่งอันดามันและ จ.พังงา โดยวันนี้ที่ประชุม ครม.เห็นชอบกรอบยุทธศาสตร์การพัฒนากลุ่มจังหวัดสามเหลี่ยมอันดามันเสนอ


 


สำหรับ 4 ยุทธศาสตร์หลักได้แก่ ประการแรก การฟื้นฟูสู่ความเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวทางทะเลระดับโลก โดยเน้นที่การฟื้นฟูแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ซึนามิ  และสรรหาแหล่งท่องเที่ยวใหม่  ซึ่งต้องคำนึงถึงการป้องกันและความปลอดภัยด้วย


 


ทั้งนี้ยุทธศาสตร์ต่อมาคือ การพัฒนาฐานการผลิตสินค้าเพื่อการส่งออก การพัฒนาฐานการผลิตพลังงาน ไบโอดีเซล  และประการสุดท้ายคือการพัฒนาคุณภาพคนและสังคมอย่างยั่งยืน


 


นายเฉลิมชัย กล่าวต่อไปว่า  ครม.ยังได้มีมติเห็นชอบในหลักการโครงการพัฒนาระยะเร่งด่วน เพื่อพัฒนากลุ่มจังหวัดสามเหลี่ยมอันดามัน 6 โครงการได้แก่  โครงการพัฒนาโครงข่ายคมนาคมขนส่งทางบกและทางทะเล โดยแบ่งเป็นโครงการพัฒนาถนนหมายเลข 4 เพชรเกษม ช่วงพังงา กระบี่ ตอนทับปูด อ่าวลึก และโครงการพัฒนาเชื่อมโยงการคมนาคมขนส่งทางทะเลอ่าวท่าเลน จ.กระบี่ เกาะยาว จ.พังงาและภูเก็ต


 


ทั้งนี้  โครงการดังกล่าวเพื่อเพิ่มความสะดวกในการเดินทางทะเล  และยังเป็นการเชื่อมโยงโครงข่ายถนนเป็นวงจรการท่องเที่ยวของกลุ่มสามเหลี่ยมอันดามันให้สมบูรณ์มากขึ้น นอกจากนี้ยังมีโครงการสร้างท่าเทียบเรือท่องเที่ยวและพาณิชย์เพิ่มเติมอ่าวท่าเลน จ.กระบี่ และการก่อสร้างสะพานท่าเทียบเรือบ้านแหลมทราย ต.เทพกษัตริย์ จ.ภูเก็ต


 


โครงการต่อมาคือ โครงการพัฒนาและฟื้นฟูเกาะพีพี ที่ได้รับความเสียหายจากเหตุการณ์ธรณีพิบัติภัย โดยจำเป็นต้องดำเนินการปรับปรุงด้านบริการพื้นฐานที่จำเป็นควบคู่ไปกับการจัดเตรียมพื้นที่ปลอดภัยและเส้นทางหนีภัยรวมทั้งการจัดทำภูมิทัศน์ให้สวยงามด้วย  โดยโครงการนี้จะมีการดำเนินการ 3 กิจกรรม  ได้แก่  การจัดซื้อเรือขนถ่ายขยะ การพัฒนาระบบประปา และการขยายเขตระบบจำหน่ายกระแสไฟฟ้า


 


ยิ่งไปกว่านั้น  นายเฉลิมชัย  กล่าวต่อไปว่ายังมีโครงการเกี่ยวกับไบโอดีเซลที่จัดอยู่ในโครงการเร่งด่วนด้วย  คือโครงการขยายกำลังการผลิตไบโอดีเซล จ.กระบี่ ของชุมชนสหกรณ์ชาวสวนปาล์มน้ำมันกระบี่ โดยจะเพิ่มกำลังการผลิตจาก 10,000 ลิตรต่อวัน เป็น 50,000 ลิตรต่อวัน


 


สำหรับโครงการต่อมาคือ  โครงการพัฒนาวิจัยปาล์มน้ำมัน ด้วยการจัดหาเครื่องมือและอุปกรณ์ที่จำเป็นสนับสนุนแก่ศูนย์วิจัยปาล์ม จ.กระบี่ เพื่อนำไปสู่การเพิ่มขีดความสามารถด้านการผลิตปาล์มน้ำมันและอุตสาหกรรมต่อเนื่อง และอีกโครงการหนึ่งคือสนับสนุนโครงการไบโอดีเซลแก่สถาบันเกษตรกร จ.พังงา โดยใช้รูปแบบการดำเนินการของชุมชนสหกรณ์ชาวสวนปาล์ม จ.กระบี่ เพื่อเป็นการนำร่องการผลิตไบโอดีเซลใน จ.พังงา


 


นอกจากนั้น  ยังมีแนวทางการแก้ไขปัญหา จ.พังงา โดยที่มียุทธศาสตร์หลัก 3 ยุทธศาสตร์ คือ การฟื้นฟูและรักษาตลาดนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยเฉพาะกลุ่มรักษ์ธรรมชาติและกลุ่มลองสเตย์ ประการต่อมาคือ ยุทธศาสตร์พัฒนาสินค้าเกษตรกรมูลค่าสูง โดยเฉพาะพืชผักปลอดสารพิษ และสัตว์น้ำจำพวกปลาเก๋า หอย เป๋าหื้อ ปลิงทะเล และยุทธศาสตร์สุดท้ายคือการพัฒนาคุณภาพคนและสังคมอย่างยั่งยืน


 


รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวต่อไปว่า  สำหรับยุทธศาสตร์การฟื้นฟูและรักษาตลาดการท่องเที่ยวระยะเร่งด่วนนั้น  ให้มีการปรับปรุงและพัฒนาเส้นทางคมนาคมสู่แหล่งท่องเที่ยว การพัฒนาแหล่งน้ำ และระบบประปาในแหล่งท่องเที่ยวและการจัดบริการช่วยเหลือนักท่องเที่ยวรวม 20 โครงการ


 


ด้าน น.พ.สุรพงษ์ สืบวงศ์ลี  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  กล่าวเพิ่มเติมว่า  สำหรับเรื่องเกี่ยวกับไฟฟ้า นายพินิจ จารุสมบัติ  รองนายกรัฐมนตรี  มีแนวทางที่จะทำให้มีการวางสายเคเบิลไฟฟ้าใต้ทะเล เพื่อให้มีไฟฟ้าใช้ที่เกาะพีพี เพราะขณะนี้เกาะพีพีมีอัตราเรื่องเกี่ยวกับค่าไฟฟ้าประมาณ 18-19 บาทต่อยูนิต โดยถ้าหากมีการวางสายเคเบิลใต้ทะเล  จะทำให้ค่าไฟฟ้าจะอยู่ที่ประมาณ 8-9 บาทต่อยูนิตเท่านั้น


 


"เช่นเดียวกับเรื่องประปา ก็จะมีการดำเนินการของทางการประปาส่วนภูมิภาค ซึ่งจะทำให้อัตราการใช้น้ำ ซึ่งแต่ก่อนราคาประมาณ 280 บาทต่อคิว เหลือประมาณ 50 บาทต่อคิว ซึ่งจะทำให้ต้นทุนของประกอบ การดีขึ้น"  น.พ.สุรพงษ์  กล่าว



อย่างไรก็ดี  ในภาพรวมเกี่ยวกับเรื่องของการพัฒนายุทธศาสตร์การท่องเที่ยวของทั้ง 3 จังหวัด นายก ฐมนตรี ได้มอบให้นายสุวัจน์   ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี  มากำกับดูแล จ.ภูเก็ต และ จ.พังงา ด้วย โดยให้นำเอาหลักการเหล่านี้ไปพูดคุยกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในรายละเอียด และให้มีการดำเนินการต่อไป       

อย่างไรก็ตาม  โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี  เน้นย้ำว่าการเชื่อมยุทธศาสตร์ของ 3 จังหวัด ในการท่องเที่ยวไม่ว่าจะเป็นกระบี่ พังงาและภูเก็ต จะต้องมีการสร้างถนนคมนาคมทางบก ทางทะเลเชื่อมต่อกัน  เพื่อให้การแก้ปัญหาต่างๆ เป็นไปอย่างมีรูปธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net