5 เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศ บุกกลันตันสอบปากคำ 131 ชาวนราฯ เร่งหาผู้ขออพยพ 2 สัญชาติ ถ้าพบขอให้สละเหลือสัญชาติเดียว "ธรรมรักษ์" โต้กลับมหาเธร์ ยันใช้เกาะลังกาวีวางแผนป่วนใต้ "รัฐมนตรีต่างประเทศเสือเหลือง" ยันต้องเคารพ UNHCR พร้อมปฏิบัติตามความเห็นข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยฯ "กระทรวงศึกษาฯ" ปรับยุทธศาสตร์ รับลูกแก้ปมปัญหาใต้
"บัวแก้ว"ร่วมสอบ131ผู้อพยพ
เมื่อวันที่ 9 กันยายน 2548 ทางมาเลเซียอนุญาตให้เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย 5 คน เข้าไปสอบปากคำชาวนราธิวาส 131 คน ที่อพยพในมาเลเซีย ซึ่งถูกควบคุมตัวอยู่ที่อำเภอตาเนาะแมเราะ รัฐกลันตัน ร่วมกับเจ้าหน้าที่สำนักงานใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ (UNHCR) ในประเด็นสาเหตุการหลบหนีว่า มีผู้ปลุกระดม หรือนำมาหรือไม่ มีการข่มขู่คุกคามจากเจ้าหน้าที่รัฐจริงหรือไม่ ซึ่งทุกคนยังให้การว่า เดินทางมาขออพยพเพราะกลัวเจ้าหน้าที่รัฐ ไม่ได้ถูกบังคับหรือชักจูงจากผู้ใด
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่กระทรวงการต่างประเทศของไทย ได้นำรายชื่อชาวนราธิวาสทั้ง 131 คน ให้ฝ่ายปกครองของไทยตรวจสอบกับฝ่ายมาเลเซียว่า มีใครถือบัตรสองสัญชาติบ้างหรือไม่ หากมีผู้ถือสองสัญชาติ จะสอบถามความสมัครใจให้เลือกถือสัญชาติเดียว ถ้าต้องการถือสัญชาติมาเลเซีย รัฐบาลไทยจะถอนสัญชาติทันที
สำหรับผู้ต้องสงสัยว่า เป็นคนยุยงและวางแผนให้ชาวนราธิวาสกลุ่มนี้ เข้าไปลี้ภัยในรัฐกลันตัน คือ นาย
"ธรรมรักษ์"ยันใช้ลังกาวีวางแผนป่วนใต้
พล.อ.
"ที่ชาวบ้านกลัว เขากลัวใคร ถ้าไปตรงโน้นผู้ก่อความไม่สงบไม่ทำร้ายเขาใช่ไหม มันเป็นการเมือง เดี๋ยวให้กระทรวงต่างประเทศเขาพูด ผมสนใจการเคลื่อนไหวที่เกาะลังกาวี เพราะมีอดีตนักการเมืองของมาเลเซียอยู่ที่นั่น ผู้นำที่ก่อเหตุในบ้านเรา เขาไปประชุมกันที่นั่นหลายหนแล้ว ต่อไปนี้เราต้องจับตาดู ความเคลื่อนไหวที่เกาะลังกาวี" พล.อ.ธรรมรักษ์ กล่าว
เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีนาย
ก่อนหน้านี้ ดาโต๊ะไซ ยิดฮามิด อาลบา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศมาเลเซียให้สัมภาษณ์ว่า มาเลเซียต้องเคารพการประกาศสถานะของสำนักงานข้าหลวงใหญ่ผู้ลี้ภัยแห่งสหประชาชาติ ถ้าคนเหล่านี้หลบหนีเข้ามา เนื่องจากหวั่นอันตรายจากการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลไทย มาเลเซียก็พร้อมให้สถานะผู้ลี้ภัย และที่พักพิงแก่คนเหล่านี้
131ผู้อพยพประเด็นหาเสียงมาเลย์
ผู้สื่อข่าวมาเลเซียจากเดอะสตาร์และนิวสเตรทไทม์ที่รัฐกลันตัน วิเคราะห์ว่า เรื่องชาวนราธิวาส 131 คนเข้ามาขออพยพ จะถูกหยิบยกเป็นประเด็นหาเสียงของทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน เพราะเป็นเรื่องที่ชาวกลันตันให้ความสนใจมาก เนื่องจากคนชายแดนทั้ง 2 ฝั่ง มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกันมายาวนาน ต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ชาวกลันตันไม่อาจทนดูพี่น้องศาสนาเดียวกันถูกกดขี่โดยตนเองไม่ได้ให้การช่วยเหลือใดๆ ขณะนี้พรรคปาส ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านได้จัดตั้งกองทุนเพื่อช่วยเหลือผู้ลี้ภัยกลุ่มนี้แล้ว โดยเมื่อวันที่ 2 กันยายน 2548 พรรคปาสได้เปิดปราศรัยเพื่อระดมหาเงินเข้ากองทุนมาแล้วครั้งหนึ่ง
หนังสือ พิมพ์สเตรทส์ ไทมส์รายงานข่าวว่า สำนักงานตำรวจแห่งชาติมาเลเซีย ได้เพิ่มกำลังลาดตระเวนตามแนวชายแดนรัฐกลันตัน รัฐปาลิส และรัฐเคดาห์อีก 400 คน จากเดิมที่มีอยู่แล้ว 400 คน และยังเพิ่มมาตรการความปลอดภัยโดยขึงลวดหนามบริเวณเส้นกั้นพรมแดนด่านบุเกตบุงา ซึ่งอยู่ติดกับอำเภอแว้ง จังหวัดนราธิวาส อีก 200 เมตรด้วย
ส่วนเหตุการณ์ปิดหมู่บ้านที่บ้านละหาน หมู่ที่ 8 ตำบลปะลุรู อำเภอสุไหงปาดี ขณะนี้ชาวบ้านได้นำเครื่องกีดขวางถนนออก ยอมให้มีการผ่านเข้า - ออกในหมู่บ้านได้ แต่ยังไม่ยอมพูดคุยกับทหารและตำรวจ ที่เข้าไปรักษาความสงบ รวมทั้งนำป้ายเขียนเป็นภาษายาวีว่า "ไม่ต้อนรับผู้สื่อข่าว" มาติดในหมู่บ้านด้วย
วันเดียวกัน พ.ต.ท.
พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวภายหลังการประชุมว่า เป็นการหารือเรื่องแนวทางการปฏิรูปการศึกษาใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้เหมาะสมกับพื้นที่
กระทรวงศึกษาฯปรับยุทธศาสตร์
นาย
นายจาตุรนต์ กล่าวอีกว่า จะมีการส่งเสริมให้มีการพัฒนาปรับปรุงโรงเรียน สถานศึกษา เพื่อให้เด็กสามารถเรียนต่อ และประกอบอาชีพได้ การเพิ่มครูที่ขาดแคลน เพิ่มครูสอนศาสนา ภาษาไทย และภาษาท้องถิ่น ซึ่งต้องอาศัยโต๊ะครูผู้นำทางศาสนา และบุคลากรในพื้นที่ โดยเฉพาะผู้จบการศึกษาแล้ว และพร้อมทำงาน เพราะฉะนั้น การรับสมัครครู 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะเป็นลักษณะพิเศษ คือ รับสมัครคนในพื้นที่ให้มากที่สุด ไม่ใช่เปิดทั่วไป
"ส่วนเรื่องงบประมาณ ระเบียบต่าง ๆ ให้พิจารณาเป็นพิเศษ ไม่ต้องติดกรอบของราชการหรือกระทรวงศึกษาธิการตามปกติ" นายจาตุรนต์ กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)