Skip to main content
sharethis

 



 


ประชาไท - 22 กันยายน 2548 รอยเตอร์รายงานผลการศึกษาภาวะโลกร้อนของสมาคมแพทย์ในออสเตรเลียระบุว่า อุณหภูมิโลกที่สูงขึ้นเป็นต้นเหตุสำคัญของการเกิดโรคต่างๆ ในเอเชียแปซิฟิค ไม่เท่านั้นยังเป็นต้นเหตุที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่จะส่งผลให้คนหลายร้อยล้านต้องอพยพเคลื่อนย้าย ซึ่งอาจจะนำมาซึ่งการล่มสลายของรัฐได้ สมาคมแพทย์ออสเตรเลียและมูลนิธิอนุรักษ์ออสเตรเลีย เปิดเผยรายงานการศึกษาภาวะโลกร้อนที่ชื่อว่า


 


"ผลกระทบด้านสุขภาพจากอากาศที่เปลี่ยนแปลงในออสเตรเลีย;ผลทันตาที่ต้องลดคาร์บอนไดออกไซด์" ซึ่งศึกษาและคาดการณ์โลกจากนี้จนถึงปี 2001 หรือ ภายใน 95 ปีข้างหน้า ระบุ ว่าอุณหภูมิของโลกจะเพิ่มสูงขึ้นโดยเฉลี่ยระหว่าง 1 องศาเซลเซียส (1.8 องศาฟาเรนไฮน์) ถึง 6 องศาเซลเซียส ซึ่งจะทำให้เกิดปัญหาภัยแล้ง น้ำท่วมและพายุไต้ฝุ่นเพิ่มมากขึ้น อีกทั้งจะส่งผลกระทบต่อสุขภาพเนื่องจากการเพิ่มขึ้นของโรคและความรุนแรงของโรคในภูมิภาคเขตร้อน เช่น มาลาเรีย ไข้เลือดออก และอหิวาตกโรค


 


"เราไม่ได้กำลังพูดถึงฤดูร้อนที่นานขึ้นหรือฤดูสกีที่สั้นลง" นายมูเกช ไฮเคอร์วัล ประธานสมาคมแพทย์ฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าว "อากาศเปลี่ยนแปลงจะทำลายสุขภาพของเรา ผู้คนจะเจ็บป่วยมากขึ้น จะมีผุ้คนตายมากขึ้นในโลกและในบ้านเมืองของเรา"


 


ทั้งนี้รายงานระบุว่า ภายในปี 2100 เฉพาะในประเทศออสเตรเลียคาดว่าจะมีคนตายเนื่องจากภาวะโลกร้อนสูงถึง 15,000 คน ขณะที่ในปัจจุบันมีจำนวนผู้เสียชีวิตประมาณปีละ 1,000 คน และโรคไข้เลือดออกและโรคต่างๆ ที่มียุงเป็นพาหะก็จะระบาดมากขึ้นในซิดนีย์และในทางตอนเหนือของประเทศแทนที่จะพบได้ในทางใต้เท่านั้น


อุณหภูมิโลกที่เพิ่มสูงขึ้นนี้รายงานยังบอกด้วยว่า จะเพิ่มความรุนแรงของพายุ ความแห้งแล้ง และจะทำให้ผลิตผลทางการเกษตรต่างๆ ต้องล้มตายหรือไม่สามารถจะผลิตได้อีก ซึ่งจะส่งผลกระทบทางสังคมอย่างใหญ่หลวงตามมา จนอาจจะกลายเป็นสาเหตุของการเกิดกลียุคและปัญหาทางการเมือง



"อย่างร้ายที่สุด รัฐที่มีขนาดใหญ่จะล่มสลาย และปัญหาความขัดแย้งอย่างมากจะเกิดขึ้นจนเป็นเหตุให้เกิดการอพยพเคลื่อนย้ายของผู้คนหลายร้อยล้านคนในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิค ระบบกฎหมายจะล้ม และเกิดการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างมากมาย"


 


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net