นายสรอรรถ กลิ่นประทุม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร เปิดเผยว่า คาดว่าประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะได้ใช้บัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัตรสมาร์ทการ์ด ต้นเดือนตุลาคม 2548 เพื่อช่วยแก้ปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีต้องการ เพราะขณะนี้ส่งมอบบัตรสมาร์ทการ์ดให้กรมการปกครองไปแล้ว 6 ล้านใบ พร้อมจะส่งที่เหลืออีก 6 ล้านใบ แต่ยังติดปัญหาสถานที่จัดเก็บบัตรของกรมการปกครองไม่เพียงพอ จึงต้องฝากเก็บไว้ที่ผู้ประกอบการก่อน

นายสรอรรถ ยืนยันว่า ตอนนี้กระทรวงเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร กับกรมการปกครอง กำลังเร่งบรรจุข้อมูลลงในบัตร และมีเครื่องเพียงพอที่จะใช้กับบัตรประจำตัวประชาชนอิเล็กทรอนิกส์ โดยขณะนี้มีทั้งหมด 36,000 เครื่อง อยู่ที่กรมการปกครอง 12,000 เครื่อง ส่วนเครื่องที่เหลือจะแจกจ่ายให้กับสำนักงานประกันสังคม และกระทรวงสาธารณสุข เพื่อใช้ในระบบประกันสุขภาพ

"ส่วนประชาชนในจังหวัดอื่น จะได้ใช้บัตรสมาร์ทการ์ดในเวลาใกล้เคียงกับประชาชนในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้" นายสรอรรถ กล่าว

วันที่ 25 กันยายน 2548 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า การนำบัตรสมาร์ทการ์ดมาใช้แก้ไขปัญหาบุคคล 2 สัญชาติ ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ จะช่วยทำให้เกิดประสิทธิภาพในการติดตามข้อมูล และแยกแยะบุคคลได้อย่างชัดเจน แต่รัฐบาลต้องขอความร่วมมือจากมาเลเซียในการหาข้อยุติร่วมกัน เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบกับประชาชนที่ยังต้องเดินทางไป-มา 2 ประเทศ ปัญหาความไม่สงบในภาคใต้ยังเป็นปัญหาภายใน ยังไม่ได้ยกระดับเป็นปัญหาสากล ให้นานาประเทศเข้ามาช่วยแก้ปัญหา รัฐบาลต้องเร่งทำความเข้าใจกับนานาประเทศในทุกเวที เช่น เวทีองค์กรมุสลิมโลก ที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศปฏิเสธเข้าร่วมประชุม

วันเดียวกัน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เดินทางลงพื้นที่พบปะชาวบ้าน เพื่อสอบถามปัญหาทและทำความเข้าใจกับประชาชน