"
ประเทศจีนยังคงเป็นประเทศผู้รับการลงทุนมากที่สุดสำหรับประเทศกำลังพัฒนาในปี 2547... การลงทุนโดยตรงในอัฟริกาไม่มีการเปลี่ยนแปลงมากนักและยังเป็นสัดส่วนเพียงเล็กน้อยของการลงทุนโลก" ถ้อยแถลงของ นายศุภชัย พานิชภักดิ์ เลขาธิการที่ประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการค้าและการพัฒนา( UNCTAD) รายงานการลงทุนของโลกประจำปี 2548 (World Investment Report 2005 : WIR05) บรรษัทข้ามชาติกับฐานการวิจัยและพัฒนาในต่างประเทศ บ่ายวันนี้( 29 ก.ย.)เลขาธิการอังค์ถัดกล่าวโดยสรุปว่า จีนไม่เพียงแต่เป็นประเทศที่มีการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ
(Foreign Direct Investment-FDI) สูงที่สุดในระดับภูมิภาคเท่านั้น แต่ยังสูงที่สุดในกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา ด้วยด้วยเม็ดเงิน 60.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และมีเงินไหลเข้าของเงินลงทุนสู่ฮ่องกงเป็นมูลค่า 34 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 150% โดยทั้งสองแหล่งมีส่วนแบ่งการลงทุนถึง 2 ใน 3 ของการลงทุนโดยตรงทั้งหมดในภูมิภาคทั้งนี้การไหลเข้าของเงินลงทุนสู่ประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ
40 เป็น 233 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงที่สุดเป็นอันดับสองจากสถิติที่เคยเป็นมา ในทางกลับกันการลงทุนสู่ประเทศพัฒนายิ่งลดลงอย่างต่อเนื่องคิดเป็นมูลค่าประมาณ 380 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมูลค่าเพียง หนึ่งในสามของสถิติสูงสุดในปี 2543 จึงจะเห็นได้ว่า สัดส่วนของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศไปยังประเทศกำลังพัฒนาเพิ่มสูงขึ้นอย่างเห็นได้ชัดรายงานเสนอว่า การเพิ่มขึ้นของการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศในประเทศกำลังพัฒนานี้ เป็นผลสะท้อนถึงแรงกดดันที่ทำให้บรรษัทข้ามชาติแสวงหาโอกาสในตลาดใหม่ๆ และวิธีการในการลดต้นทุนการผลิต การเพิ่มสูงขึ้นของราคาสินค้าหลายชนิด ได้เป็นแรงกระตุ้นสำหรับการลงทุนโดยตรงในประเทศกำลังพัฒนาที่มีทรัพยากรธรรมชาติมาก ดังนั้น จึงมีความเป็นไปได้ที่ว่า ระดับการลงทุนโดยตรงในประเทศกำลังพัฒนาที่สูงจะยังคงอยู่ต่อไปในปีที่กำลังจะมาถึงนี้
สำหรับแหล่งเงินทุนออกไปต่างประเทศนั้น ประเทศพัฒนาแล้วยังคงเป็นแหล่งเงินทุนสำคัญ โดยกว่า
50% มาจาก 3 ประเทศใหญ่ คือ สหรัฐอเมริกา สหราชอาณาจักร และลักเซมเบิร์ก แต่ทั้งนี้ประเทศกำลังพัฒนาบางประเทศกำลังเริ่มเป็นแหล่งเงินทุนที่สำคัญเช่นกันอาทิ ฮ่องกง และจีน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)