วันพุธที่ 12 ตุลาคม 2005 15:32น. 

ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย

..........................

ผวจ.ปัตตานีเปิดเกมรุกแก้ปัญหาชายแดนใต้ หวังสร้างหมู่บ้านสันติสุขให้ชาวบ้าน ตอบโจทย์สถานการณ์ในพื้นที่ด้วยตนเอง ใช้ชรบ.ลงทุกพื้นที่ประกบผู้ที่อาจเป็นสายให้โจรใต้ กันจับแพะ

นายภาณุ อุทัยรัตน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี  กล่าวถึงการแก้ปัญหาความรุนแรงใน

จังหวัดปัตตานีว่า ในฐานะที่เคยทำงานด้านความมั่นคงมาก่อนและประกอบกับเป็นคนในพื้นที่ จึงไม่รู้สึกหนักใจต่อปัญหาที่เกิดขึ้นมากนัก และขณะนี้จังหวัดได้กำหนดยุทธศาสตร์ โดยการส่งเสริมให้มวลชนเข้ามามีบทบาทในการทำงานเพิ่มขึ้นในกลุ่ม กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน จากประสบการณ์ที่เกิดขึ้นที่หมู่บ้านตันหยงลิมอ อ.ระแงะ จ.นราธิวาส ทำให้เห็นภาพว่าผู้ใหญ่บ้านและกลุ่มผู้นำ ไม่สามารถทำอะไรได้เพราะผู้นำไม่เข้มแข็ง ไม่มีกลุ่มพลังที่พอจะเป็นศูนย์กลางมวลชนได้ จึงทำให้เกิดความรุนแรงที่คาดไม่ถึง

"เราต้องสร้างความมั่นใจให้กับชาวบ้าน หากปล่อยให้มีความหวาดระแวงเกิดขึ้นในเจ้าหน้าที่รัฐถือว่า กลไกลฝ่ายตรงข้าม ประสบความสำเร็จ ดังนั้นสิ่งแรกที่ต้องทำ คือ ผู้นำ หรือเจ้าหน้าที่จะต้องเป็นคนศาสนาเดียวกัน เนื่องจากจะมีข้อได้เปรียบในเรื่องของวัฒนธรรมและภาษา" ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี กล่าว

นายภาณุ กล่าวว่า จะกระจายความรับผิดชอบให้ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน(ชรบ.) ในแต่ละหมู่บ้าน แบ่งกันรับผิดชอบดูแลครอบครัวหรือบ้านแต่ละหลังในชุมชน เช่นชรบ. 1 คน ดูแลบ้าน 10 หลัง ชรบ.เหล่านี้จะต้องเป็นคนที่ชาวบ้านรู้จักและคุ้นเคยกันดี เข้าไปให้เห็นถึงผลกระทบจากปัญหาความไม่สงบ และสอดส่องดูแลผู้ที่ต้องสงสัยว่าอาจเป็นแนวร่วม

"แม้คนในครอบครัวจะปฏิเสธยังไง แต่ก็เป็นที่รู้กันอยู่  และเมื่อมีข้อมูลหรือเบาะแสว่ามีคนในหมู่บ้านเป็นสายหรือทำงานให้ขบวนการก่อความไม่สงบ  เราจะไม่ให้เจ้าหน้าที่เข้าไปค้นทันที เพราะอาจจะทำให้คนที่ไม่ได้มีความผิดตกใจแล้วหลบหนี ซึ่งเป็นลักษณะพิรุธของคนที่มีความผิด ทั้งที่จริงเขาอาจจะไม่ได้ทำผิดอะไรเลย ดังนั้นวิธีการที่ดีคือ เมื่อรู้เบาะแสแล้ว เราพยายามสังเกตว่าเขาเป็นสายหรือทำงานให้โจรจริงหรือไม่  เพราะบางครั้งมีกรณีถูกใส่ร้ายก็เยอะ ถ้าเข้าไปจับทันทีอาจเป็นการจับแพะก็ได้ "นายภาณุกล่าว

นายภาณุ กล่าวว่า นอกจากนี้จังหวัดจะเข้าไปมีบทบาทในการส่งเสริมทางด้านการศึกษา  ด้วยการนำหลักสูตรอิสลามศึกษามาสอนเสริมในโรงเรียนสามัญ เพื่อให้นักเรียนมีความรู้ความสามารถเท่าเทียมกับเด็กนักเรียนที่อื่น  และหลังจากเด็กจบออกไปก็สามารถมีงานทำและสอบแข่งขันกับคนอื่นได้