หวั่นกฎอัยการศึกกระทบนกเขา-เปิดถกกันอาทิตย์นี้

ชิดชัยหนุนแม่ทัพภาคที่ 4ประกาศกฎอัยการศึก 2 อำเภอในจังหวัดสงขลา อดีตแม่ทัพภาค4ชี้ควรประกาศตั้งนานแล้ว ผู้นำศาสนาเชื่อเจ้าหน้าที่พิจารณาถี่ถ้วยแล้ว ด้านท้องถิ่นไม่ค้านแต่ชี้อาจส่งผลกระทบธุรกิจนกเขาชวา เปิดเวทีชาวบ้านแสดงความคิดเห็นวันอาทิตย์นี้

 

จากกรณีที่ พล.ท.ขวัญชาติ กล้าหาญ แม่ทัพภาคที่ 4 ประกาศใช้กฎอัยการศึกเพิ่มใน อำเภอจะนะ และ อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา เพราะความรุนแรงขยายตัวออกนั้น พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า เป็นความจำเป็นในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่เท่านั้น เจ้าหน้าที่มีสิทธิที่จะประกาศอยู่แล้ว โดยยืนยันไม่ได้เป็นการขยายพื้นที่ที่เสี่ยงต่อการเกิดเหตุความรุนแรง แต่เป็นการเอื้อให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานคล่องตัวมากขึ้น

 

พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวอีกว่า ส่วนจะประกาศใช้พระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ในพื้นที่ดังกล่าวด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่กับดุลพินิจของเจ้าหน้าที่เป็นผู้พิจารณา แต่โดยส่วนตัวคิดว่ายังไม่ต้อง ส่วนเหตุขู่วางระเบิดสนามบินกรุงเทพ (ดอนเมือง)ไม่เกี่ยวโยงกับสถานการณ์ภาคใต้

 

ด้าน พล.อ.หาญ ลีนานนท์ สมาชิวุฒสภา(ส.ว.)จังหวัดสตูล และอดีตแม่ทัพภาคที่ 4 กล่าวถึงกรณีนี้ ว่ารัฐบาลควรประกาศตั้งนานแล้ว รวมกับพื้นที่ 3 จังหวัดด้วย เพราะเหตุการณ์ลุกลามมานานแล้ว

 

"เมื่อประกาศแล้วจะทำให้ฝ่ายที่รับผิดชอบสามารถดำเนินการได้ทันที ไม่ว่าจะจับกุมหรือตรวจค้น ผมว่าพวกเรายังเฉยเมยกันอยู่ ในการใช้อำนาจ โดยเกรงกลัวกันไปหมดว่าจะเกิดความรุนแรง ซึ่งไม่ใช่" พล.อ.หาญ กล่าว

 

นายวิสุทธิ์ บินลาเต๊ะ หัวหน้าฝ่ายวิชาการ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา กล่าวถึงเรื่องนี้ต่อเว็บไซด์"ผู้จัดการออนไลน์"ว่า เชื่อว่า กองทัพภาพ 4 คงจะพิจารณาอย่างถ้วนถี่ถึงความจำเป็นแล้ว ส่วนตัวเชื่อว่าน่าจะมีแนวร่วมก่อความไม่สงบอยู่ในพื้นที่ เนื่องจากยังเกิดเหตุรุนแรงบ่อยครั้ง และมั่นใจว่า การประกาศกฎอัยการศึกไม่กระทบต่อวิถีชีวิตของประชาชน เห็นได้จากการใช้กฎอัยการศึกและพระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินก่อนหน้านี้ พร้อมเรียกร้องให้พี่น้องชาวไทยมุสลิม ให้ความร่วมมือกับทางการ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการแก้ไขปัญหาความไม่สงบ

 

นายฮารน หมัดหลอ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลบ้านนา อำเภอจะนะ จังหวัดสงขลา กล่าวถึงการประกาศใช้กฎอัยการศึกในอำเภอจะนะ และอำเภอเทพา จังหวัดสงขลาว่า ดูจากสถานการณ์ในพื้นที่อำเภอจะนะ ขณะนี้ก็ต้องยอมรับว่ามีเหตุการณ์ไม่สงบเกิดขึ้นบ่อย แต่ยังไม่รุนแรงถึงขนาดต้องประกาศใช้กฎอัยการศึก แต่ภาพที่ออกมาก็คืออำเภอจะนะเสียหายแล้ว

 

"ตั้งแต่เมื่อวาน จนถึงวันนี้ มีนักเล่นนกเขาชวา จากกรุงเทพและภาคกลาง 5 - 6 คน โทรศัพท์มาถามผมว่า ตอนนี้สถานการณ์ในจะนะรุนแรงมากแล้วหรือ ถึงได้ประกาศใช้กฎอัยการศึก ผมตอบไปว่าที่ยังปกติอยู่ ยังไม่รุนแรงมากนัก ผมคิดว่าข่าวที่ออกมาส่งผกระทบต่อธุรกิจในอำเภอจะนะมาก โดยเฉพาะนกเขาชวาเสียง เพราะแม้คนที่มาซื้อนกเขาที่จะนะจะมากันเพียงกลุ่มละ 4 - 5 คน แต่ก็ซื้อกันเป็นล้าน เพราะไม่ได้ซื้อนกเขาอย่างเดียว แต่จะซื้อกรงนกและอาหารนกด้วย"นายฮารนกล่าว

 

นายฮารนกล่าวต่อว่า ถ้าไปถามชาวบ้านว่าเห็นด้วยหรือไม่ คงไม่เห็นด้วย แต่ชาวบ้านไม่รู้ว่ากฎอัยการศึกคืออะไร แต่อย่างน้อยก็ควรสอบถามชาวบ้านบ้าง แต่อย่างไรก็ตามชาวบ้านเขาจะคัดค้านอยู่แล้ว แต่ถ้าประกาศใช้แล้วไม่ประสบความสำเร็จชาวบ้านก็จะด่าทหารด้วย ซึ่งก็น่าเห็นใจ ในวันอาทิตย์ที่ 6 พฤศจิกายน 2548 นี้ ตนได้รับการติดต่อจากอดีตผู้สมัครสมิกสภาผู้แทนราษฎรในอำเภอจะนะคนหนึ่งว่าจะมีการจัดเวทีให้ชาวบ้านมาแสดงความคิดเห็นในเรื่องด้วย

 

นายฮารนกล่าวอีกว่า ส่วนตัวผมไม่ได้คัดค้านแต่ก็ไม่ได้ต่อต้านการประกาศใช้กฎอัยการศึก เพราะมันป็นเครื่องไม้เครื่องมือในการแก้ปัญหา ส่วนคนร้ายเขาก็คงไม่กลัวเพราะเขารู้อยู่แล้วว่าสิ่งที่เขาทำนั้นมันผิดกฎหมาย

 

นายฮารนกล่าวอีกว่า ภาพรวมของอำเภอจะนะ ไม่มีความรุนแรง แต่การประกาศใช้กฎอัยการศึกจะทำให้คนนอกพื้นที่ดูว่าพื้นที่นี้มีความรุนแรง เพราะคนในอำเภอจะนะยังให้ความร่วมมือกับทางราชการอย่างดี ส่วนเจ้าหน้าที่จะให้อำนาจตามกฎอัยการศึกในการตรวจค้นสถานที่ต้องสงสัยนั้นก็เป็นไปได้เพราะว่าในการตรวจค้นตามกฎหมายจะต้องมีหายค้นทำให้บางครั้งการปฏิบัติงานไม่สะดวก

 

ส่วนกรณีที่เมื่อทหารเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามกฎอัยการศึกในพื้นที่อำเภอจะนะและอำเภอเทพาแล้ว จะเกิดขบวนการทำลายความหน้าเชื่อถื่อของเจ้าหน้าที่รัฐเช่นเดียวกับที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้หรือไม่นั้น นายฮารนกล่าวว่า เป็นไปได้ เพราะในสถานการณ์เช่นนี้ย่อมเกิดขึ้นอยู่แล้ว เช่น การปล่อยข่าวว่าเจ้าหน้าที่รัฐเป็นคนก่อเหตุ เพราะบางเรื่องไม่รู้ว่าใครก่อเหตุ แต่ตนก็เชื่อคนอำเภอจะนะส่วยนใหญ่จะให้ความร่วมมือกับทางการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท