Skip to main content
sharethis


วันอาทิตย์ที่ 20 พฤศจิกายน 2005 16:18น. 

ศูนย์ข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย


 


 "ผมเริ่มเข้ามาอยู่ในขบวนการณ์นี้หลายปีมาแล้ว ถ้าถามว่าเมื่อก่อนผมคิดอย่างไรกับเจ้าหน้าที่ ก็ตอบได้เลยว่าเกลียดมากที่สุด โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพราะตำรวจเอาแต่จับอย่างเดียวนี่คือสิ่งที่เข้าใจมาโดยตลอด และวันแรกที่โดนจับผมคิดอย่างเดียวคือตัวต่อตัว จะตายก็ไม่ว่า ขอแค่คนเดียวเป็นเพื่อนผมคือเพื่อนตายเท่านั้นคือขอเจ้าหน้าที่คนเดียว"


 


นี่คือคำพูดของนายมะโซเร  เจะสนิ  ซึ่งถูกตำรวจตั้งข้อหาว่าร่วมกับพวก ก่อเหตุฆ่าพระแก้ว ปัญเพชรแก้ว  อายุ 78 ปี พระวัดพรหมประสิทธิ์ ต.บ้านเกาะ อ.ปานาเระ จ.ปัตตานี  พร้อมจุดไฟเผาศพ และใช้อาวุธปืนยิงนายหาญณรงค์  คำอ่อง อายุ 17 ปี  และนายสถาพร  สุวรรณรัตน์  อายุ 15 ปี ซึ่งเป็นเด็กวัดเสียชีวิตเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา


 


เป็นคำพูดของผู้ต้องหา เกี่ยวกับการบ่มเพาะแนวคิด และการปฏิบัติตามคำสั่งในขบวนการก่อความไม่สงบ ซึ่งผู้บริหารระดับสูงของกองอำนวยการเสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กอ.สสส.จชต.) นำตัวมาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน เมื่อวันที่ 20 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยห้ามสื่อมวลชนซักถามผู้ต้องหา


 


นายมะโซเร บอกว่า ต้องขอขอบคุณที่ให้โอกาสได้พูด เพราะว่าที่ผ่านมาตั้งแต่เข้าไปอยู่ในขบวนการณ์ไม่เคยได้พูด หรือแสดงความคิดเห็น ใดๆ เลย  เขาจึงไม่เคยแม้แต่ที่จะคิด เพราะถูกชักจูงมาโดยให้มองเจ้าหน้าที่ของรัฐทุกคนทุกฝ่ายเป็นผู้ที่โหดร้ายต่อประชาชน แม้แต่เจ้าหน้าที่ในโรงพยาบาลในหรือที่ว่าการอำเภอ โดยให้ไปพิสูจน์เอาเอง ซึ่งเขาก็ได้ไปพิสูจน์แล้วก็พบด้วยตัวเองว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ความสำคัญ  จึงเป็นจุดให้กลุ่มขบวนการณ์ใช้ในการชักจูงได้ง่าย


 


"เมื่อถูกควบคุมตัวมาไว้ที่ ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ศปก.ตร.สน.)  เจ้าหน้าที่สอนให้รู้ว่าเวลามองเหรียญให้มองทั้งสองด้าน ซึ่งก่อนหน้านี้ขณะที่อยู่ร่วมในขบวนการก็มองเพียงด้านเดียวมาตลอด อยากจะบอกเพื่อนๆที่ยังหลงผิดในขณะนี้ให้ลองทบทวนสิ่งที่ทำอยู่ขณะนี้ว่าผิดหรือถูก คงบังคับใครไม่ได้ อยากให้เปลี่ยนด้วยจิตใจตัวเอง ทุกวันนี้รู้ว่าเข้าใจผิดต่อเจ้าหน้าที่มาโดยตลอด 


 


ที่ผ่านมาการลงมือปฏิบัติการณ์ทำลงไปเพราะอุดมการณ์  และอำนาจมืดที่สั่งให้ทำโดยไม่มีสิทธิ์ที่จะโต้ตอบแม้แต่คำพูด อยากจะฝากให้ผู้หลงผิดให้คิดและพิจารณาตนเองในสิ่งที่กำลังจะทำ อยากให้ทุกคนรู้ว่าอะไรคือความจริง ทุกวันนี้พ่อแม่เสียใจกับการกระทำของผมมาก เนื่องจากในขณะที่อยู่ในขบวนการณ์พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์รับรู้ได้เลย เมื่อขบวนการณ์เรียกก็ต้องไปทันที"


 


สำหรับผู้ต้องหาทั้ง 16 คนที่ถูกจับกุมและตั้งข้อหาประกอบด้วย 1.นายมะโซเร เจะสนิ     2.นายอัดนัน  วาเต๊ะ  3.นายอับดุลเลาะ สาเมาะ   4.นายมูฮามัด  ดือเระ  5.นายมะรอสะลี  ตีมุง 6.นายสุกรี  บิงมะ   7.นายอับดุลเลาะ  อาแว   8.นายตอเฮ สาเระ   9.นายมะกอเซ็ง   ปะดอ   10.นายนิเลาะ  นิเซ็ง 11.นายตูแวสุกรี  มะลี  12.นายอับดุลเลาะ  สาและ 13.นายอับดุลมานะห์  ดือราซอ  14.นายสอปี สนิง  15.นายบือราเฮง  มะกีกา  และ16.นายมะสูดี  ฮาแว


 


พล.ต.ท.อดุลย์  แสงสิงแก้ว  ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 9 (ผบช.ภ.9)  แถลงว่า หลังเกิดเหตุการณ์ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา  รอง ผบช.ภ.9  พร้อมชุดสืบสวนสอบสวนลงพื้นที่ และสามารถควบคุมกลุ่มผู้ก่อเหตุได้โดยใช้เวลาไม่นาน และสามารถขยายผลไปได้มากมาย 



"ขอเรียนให้ทราบว่า กลุ่มผู้ก่อเหตุทั้งหมดที่ควบคุมตัวไว้ได้จำนวน 16 คน เป็นเด็กวัยรุ่นที่เรียบร้อยแต่ถูกชักจูงให้หลงผิดจากกลุ่มขบวนการณ์  และทั้ง 16 คนได้ให้การรับสารภาพว่าลงมือปฏิบัติงานโดยไม่ได้รับผลตอบแทนแต่อย่างใด ทำไปตามอุดมการณ์ที่ถูกปลูกฝั่งโดยกลุ่มขบวนการณ์ และจะมีโครงสร้างทางด้านการเงินที่หากมีการปฏิบัติงานเป็นผลสำเร็จ ก็จะมีผลประโยชน์เป็นเงินขึ้นไปสู่กลุ่มผู้บริหารในขบวนการณ์  ซึ่งกลุ่มที่ปฏิบัติการในพื้นที่ไม่ได้รับเงินแม้แต่บาทเดียว ซึ่งเป็นการหลอกใช้ให้ปฏิบัติงานเพื่อผลประโยชน์" ผบช.ภ.9 กล่าว

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net