Skip to main content
sharethis


Amazonian Child, Brazil


 ประชาไท—29 พ.ย.48      คณะรัฐมนตรีเห็นชอบให้ประเทศไทยเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก 2 ฉบับ ตามมติของคณะกรรมการกลั่นกรองฯ เพื่อพิทักษ์และคุ้มครองเด็กเกี่ยวกับอาวุธ การค้าเด็ก ค้าประเวณีเด็ก รวมทั้งสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก ยกระดับการยอมรับจากนานาประเทศ


 


คณะรัฐมนตรีเห็นชอบตามมติคณะกรรมการกลั่นกรองเรื่องเสนอคณะรัฐมนตรี คณะที่ 4 ฝ่ายการท่องเที่ยว  กีฬา พุทธศาสนา แรงงาน และการพัฒนาสังคม ที่มีนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเห็นชอบการเข้าเป็นภาคีพิธีสารเลือกรับของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กจำนวน 2 ฉบับ คือพิธีสารเลือกรับ เรื่องความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ และพิธีสารเลือกรับเรื่อง การค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก 


 


ทั้งนี้ รายละเอียดของพิธีสารฉบับแรก "เรื่องความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ" เป็นพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กข้อ 38 ที่ห้ามเกณฑ์เด็กอายุต่ำกว่า15 ปี เป็นทหารในภาวะสงครามซึ่งถือเป็นจุดอ่อน จึงเพิ่มเติมสาระสำคัญประกอบด้วยข้อบท 13 ข้อ โดยมีหลักการให้รัฐภาคีรับรองสิทธิและประกันว่าบุคคลที่มีอายุไม่ถึง 18 ปีจะต้องไม่มีส่วนร่วมโดยตรงในการสู้รบและไม่ถูกบังคับให้เข้าร่วมในกองทัพ


 


สำหรับพิธีสารเลือกรับเรื่องฉบับที่ 2 "เรื่องการค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก" พิธีสารฉบับนี้เป็นพิธีสารเพิ่มเติมอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก ข้อ 32, 34, 35 ซึ่งว่าด้วยการแสวงประโยชน์จากเด็กทางเศรษฐกิจและทางเพศ  มีสาระประกอบด้วยข้อบท 17 ข้อ โดยมีหลักการที่มุ่งการคุ้มครองเด็กจากการแสวงประโยชน์ทางเศรษฐกิจทางเพศ และพัฒนาการทางร่างกายและจิตวิญญาณของเด็ก


 


ขณะเดียวกัน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์มีความเห็นว่า ประเทศไทยมีกฎหมาย นโยบาย และการดำเนินงานรองรับพิธีสารเลือกรับทั้ง 2 ฉบับ ดังกล่าวอยู่แล้ว และการเข้าเป็นภาคีพิธีสารจะก่อให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศไทยหลายประการ อาทิ ประเทศไทยจะเป็นที่ยอมรับในกลุ่มประชาคมโลกที่แสดงเจตนารมณ์อย่างชัดเจนในการปกป้องสิทธิเด็กจากความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ  การค้าเด็ก  การค้าประเวณีเด็ก  และการตกเป็นเหยื่อของสื่อลามกอนาจาร


 


นอกจากนี้ ประเทศไทยจะได้รับประโยชน์จากความร่วมมือในกลุ่มประเทศภาคีในการคุ้มครองสิทธิเด็กอันจะนำมาซึ่งการแลกเปลี่ยนองค์ความรู้ในการส่งเสริมและพิทักษ์สิทธิเด็ก รวมทั้งการป้องกันและแก้ไขปัญหาที่เกิดจากความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ และการค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก ทั้งยังทำให้เกิดการพัฒนากลไกในการปกป้องคุ้มครองเด็กในประเทศไทยในด้านต่างๆ เพิ่มมากขึ้นด้วย


 


ทั้งนี้ พิธีสารฉบับแรก"เรื่องความเกี่ยวพันของเด็กในความขัดแย้งกันด้วยอาวุธ" มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้


 


ข้อ 1-4 ว่าด้วยหลักการเกี่ยวกับการประกันว่าบุคคลที่อายุไม่ถึง 18 ปี จะไม่เข้าร่วมในการสู้รบ  รวมถึงการไม่ถูกคัดเลือกโดยไม่สมัครใจเข้าร่วมในกองทัพของรัฐภาคี ตลอดจนกลุ่มกองกำลังติดอาวุธ โดยให้รัฐภาคีจัดทำคำประกาศ  ซึ่งกำหนดอายุขั้นต่ำในการเข้าร่วมในกองทัพโดยสมัครใจ


 


ข้อ 5-7 ว่าด้วยการบังคับใช้กฎหมายในประเทศและระหว่างประเทศที่เกี่ยวข้องรวมถึงการดำเนินมาตรการตามข้อบทของพิธีสารและการให้ความร่วมมือในการช่วยเหลือระดับพหุภาคีหรือทวิภาคีในด้านการฟื้นฟูด้านวิชาการ และด้านการเงิน


 


ข้อ 8-13 ว่าด้วยการทำรายงานหลังการเข้าเป็นภาคีแล้ว 2 ปี  จากนั้นให้เสนอรวมในรายงานผลการดำเนินงานตามอนุสัญญา ทุก ๆ 5 ปี


 


สำหรับพิธีสารฉบับที่ 2 "เรื่องการค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก" มีรายละเอียดโดยสรุปดังนี้


 


ข้อ 1-3 ว่าด้วยการห้ามให้มีและกำหนดให้เป็นความผิดทางอาญาสำหรับการค้าเด็ก การค้าประเวณีเด็ก และสื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก และได้ให้คำนิยามไว้ดังนี้ "การค้าเด็ก" หมายถึง การกระทำที่เด็กถูกส่งมอบโดยบุคคลหรือกลุ่มบุคคลไปยังอีกบุคคลหรือกลุ่มบุคคล เพื่อค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์ "การค้าประเวณีเด็ก" หมายถึง การใช้เด็กในกิจกรรมทางเพศ เพื่อค่าตอบแทนหรือผลประโยชน์ "สื่อลามกที่เกี่ยวกับเด็ก" หมายถึง การนำเสนอกิจกรรมทางเพศหรือส่วนใดในทางเพศ ของเด็กจากตัวตนจริงหรือการทำจำลองเพื่อจุดประสงค์ในทางเพศ


 


ข้อ 4-6 ว่าด้วยมาตรการในการกำหนดเขตอำนาจความผิด การส่งผู้ร้ายข้ามแดนและการสืบสวน 


สอบสวน หรือกระบวนการทางอาญา ซึ่งรัฐภาคีต้องดำเนินการตามสนธิสัญญาหรือความตกลงว่าด้วยความช่วยเหลือที่มีอยู่ระหว่างกัน ในกรณีที่ไม่มีสนธิสัญญาหรือความตกลงดังกล่าว รัฐภาคีต้องดำเนินการให้รัฐภาคีอีกรัฐหนึ่งในการช่วยเหลือ โดยสอดคล้องกับกฎหมายภายในประเทศของตน


 


ข้อ 7 ว่าด้วยการกำหนดมาตรการในการริบทรัพย์ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด ข้อ 8 ว่าด้วยการจัดมาตรการที่เหมาะสมในการคุ้มครองสิทธิและผลประโยชน์ของเด็กได้แก่ กระบวนการพิจารณาคดีที่คำนึงถึงความต้องการเป็นพิเศษของเด็ก การคุ้มครองเอกลักษณ์ความเป็นส่วนตัวของเด็กและพยาน เป็นต้น


 


ข้อ 9 ว่าด้วยนโยบายในการป้องกัน แก้ไข และส่งเสริมความรู้ทางกฎหมายและความตระหนักของสาธารณชน ชุมชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็ก ข้อ 10 ว่าด้วยความร่วมมือระหว่างประเทศในการป้องกัน  แก้ไขปัญหาการบำบัดฟื้นฟูและส่งกลับเด็กผู้ได้รับเคราะห์ ข้อ 11-17 ว่าด้วยการจัดทำรายงานหลังจากเข้าเป็นภาคีแล้ว 2 ปี  จากนั้นให้เสนอรวมในรายงานผลการดำเนินงานตามอนุสัญญา ทุก ๆ 5 ปี


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net