การได้มาซึ่งสัญชาติสำหรับกลุ่มคนไร้สัญชาติอาจจะเป็นไปอย่างยากเย็น แต่เมื่อได้สัญชาติมาแล้ว อาจไม่ได้หมายความว่า การต่อสู้เพื่อเรียกร้องสิทธิที่พึงมีพึงได้จะจบสิ้นลงเสมอไป
อาจารย์ลักขณา พบร่มเย็น อาจารย์ประจำสาขาวิชานิติศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ยกตัวอย่างกรณีศึกษาของนักศึกษารายหนึ่ง ซึ่งแม้เธอจะได้รับสัญชาติไทย มีบัตรประจำตัวประชาชนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย สามารถเข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยได้ แต่ก็ค้นพบภายว่า สถานภาพที่เธอได้รับจากส่วนปกครอง ยังไม่มีความถูกต้องโดยสมบูรณ์ตามหลักกฎหมาย
นางสาวชนานันท์ เชอมือ เป็นนักศึกษาชั้นปีที่ 2 คณะสังคมศาสตร์ ภาควิชารัฐศาสตร์ สาขาวิชานิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ได้รับทุนจากกระทรวงมหาดไทยใน "โครงการสนับสนุนเยาวชนชาวไทยภูเขาสู่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่" และเป็นสมาชิกในชมรมชาติพันธุ์ที่ตั้งขึ้นมาเพื่อนำความรู้ที่ได้ไปช่วยเหลือและพัฒนาคนบนพื้นที่สูง
ชนานันท์ เกิด พ.ศ.2526 ที่หมู่บ้านสามแยก ตำบลแม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง จ.เชียงราย (เดิมอยู่ในอำเภอแม่จัน) ถือบัตรสีฟ้า (บัตรคนบนพื้นที่สูง) ซึ่งเป็นไร้สัญชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2546 เธอได้รับสัญชาติไทยและได้รับบัตรประจำตัวประชาชน โดยเลขตัวแรกในบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วย "เลข 8" หมายถึง คนต่างด้าวที่ได้มีการขอสัญชาติไทย แต่ในข้อเท็จจริงแล้วเธอเป็นคนไทยโดยกำเนิดตามหลักสืบสายโลหิตและหลักดินแดน
ตามข้อเท็จจริง ยายของเธอเป็นชาวเขาดั้งเดิมติดแผ่นดิน จึงมีสถานะเป็นคนสัญชาติไทยโดยการเกิดโดยผลของกฎหมาย แต่เพิ่งมาได้รับการลงรายการสัญชาติและจำทำบัตรประจำตัวประชาชน ประมาณในปี พ.ศ. 2520 ยายของเธอเป็นคนสัญชาติไทยที่ตกหล่นทางทะเบียนราษฎร เลขบัตรประจำตัวประชาชนจึงขึ้นด้วย "เลข 5" หมายถึง คนไทยตกหล่นและขอเข้าชื่อในทะเบียนบ้านภายหลังการเกิด ดังนั้น แม่ของเธอซึ่งเกิดที่หมู่บ้านสามแยก ต.แม่สลองใน อ.แม่ฟ้าหลวง (เดิมเป็น อ.แม่จัน) จ.เชียงราย และเป็นลูกของยายต้องได้สัญชาติไทยตามหลักดินแดนและหลักสืบสายโลหิตด้วยเช่นกัน แต่เนื่องจากตอนที่แม่ของเธอเกิดนั้น ยายยังไม่ได้บัตรประจำตัวประชาชนทำให้แม่ของเธอตกหล่นอีกเช่นกัน ดังนั้น ทั้งแม่และยายซึ่งเป็นคนไทยดั้งเดิมแต่ตกหล่นจึงขอเข้าชื่อในภายหลัง ซึ่งในบัตรประจำตัวประชาชนของแม่ของเธอควรขึ้นต้นด้วย "เลข 5" ไม่ใช่ "เลข 8" เพราะบุตรทั้งสองเป็นคนไทยโดยการเกิด มิใช่คนไทยภายหลังการเกิด เพราะกรมการปกครองถือว่า คนที่มีสัญชาติไทยภายหลังการเกิดจะต้องถือบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วย "เลข 8"
ส่วนพ่อของเธอถือบัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วยเลข 3 ซึ่งเป็นคนไทยโดยกำเนิด พ่อและแม่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่พ่อได้ไปแจ้งเกิดชนานันท์ที่อำเภอแม่จัน และให้ใช้นามสกุลเดิมของพ่อ ในขณะที่พ่อของเธอกำลังดำเนินการจัดการเรื่องเอกสารหลักฐานต่างๆในตัวเธอ เพื่อขอพิสูจน์สัญชาติไทยกับอำเภอแม่ฟ้าหลวง พ่อเธอก็เสียชีวิตตั้งแต่ปี พ.ศ.2537 ประกอบกันอำเภอแม่ฟ้าหลวงแยกออกมาจากอำเภอแม่จัน หลักฐานเอกสารต่างๆ ที่อยู่ที่อำเภอแม่จันได้สูญหายไปบางส่วนในขณะที่มีการแยกอำเภอแม่ฟ้าหลวงออกมาจากอำเภอแม่จัน
จะเห็นได้ว่าชนานันท์เกิดในประเทศไทย จากบิดาที่มีสัญชาติไทยและมารดาที่มีสัญชาติไทยแต่ตกหล่นจากการสำรวจ เธอควรได้รับสัญชาติโดยการเกิดตามหลักสืบสายโลหิตจากมารดาโดยผลของมาตรา 10 แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2535 และหลักดินแดนโดยผลของมาตรา 7 (3) แห่ง พ.ร.บ.สัญชาติ พ.ศ.2508 ฉบับดั้งเดิม เลขบัตรประจำตัวประชาชนของเธอจึงควรขึ้นต้นด้วย "เลข 5" คือ คนไทยดั้งเดิม แต่ตกหล่นและขอเข้าชื่อในภายหลัง ไม่ใช่ "เลข 8" เหมือนยายและแม่ ดังนั้น การที่กรมการปกครองให้บัตรประจำตัวประชาชนขึ้นต้นด้วย "เลข 8" แก่เธอ จึงเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายและทางปฏิบัติของกรมการปกครอง
เธอกล่าวว่าตลอดเวลาเธอพยายามต่อสู้เพื่อให้ได้มาซึ่งบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นมากสำหรับชีวิตของเธอ เนื่องจากบัตรประจำตัวประชาชนจะเป็นใบเบิกทางที่จะทำให้เธอได้เรียนหนังสือ ได้ก้าวเข้าไปสู่อนาคตที่เธอฝันเอาไว้ น้องแนทเดินเข้าไปติดต่อกับทางอำเภอแม่ฟ้าหลวงตั้งแต่อยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 2 จนกระทั่งเธออยู่ชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เธอก็ยังไม่ได้คำตอบที่ชัดแจ้งจากทางอำเภอ หลายครั้งเธอต้องเสียโอกาสในการรับทุนการศึกษาเพราะไม่มีสัญชาติไทย ทั้งๆ ที่เรียนได้เกรดเฉลี่ยมากกว่า 3.50 มาโดยตลอด
เมื่อใกล้จะจบการศึกษาในชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 เธอเริ่มจะรอไม่ได้ต่อไปแล้ว เธอไปอำเภอเกือบทุกวันจนเจ้าหน้าที่จำหน้าได้ทุกคน เธอได้ขอความช่วยเหลือและคำแนะนำจากคุณพ่อของเพื่อน จนในที่สุดทางอำเภอให้เธอตรวจ DNA ของยายกับแม่ จึงได้บัตรประจำตัวประชาชนมาก่อนวันที่มหาวิทยาลัยเชียงใหม่จะปิดรับสมัครคัดเลือกนักศึกษาใหม่เพียง 2 วัน การรับสมัครสอบคัดเลือกเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ต้องเป็นบุคคลที่มีสัญชาติไทยเท่านั้น
เมื่อได้เข้ามาเรียนในสาขาวิชานิติศาสตร์ เธอเริ่มรับรู้ว่าบัตรประจำตัวประชาชนที่ได้รับมานั้นไม่ถูกต้อง การที่บัตรประจำตัวประชาชนของเธอขึ้นต้นด้วย "เลข 8" เธอจะถูกจำกัดสิทธิไม่สามารถรับราชการได้ โดยเฉพาะการรับราชการในตำแหน่งผู้พิพากษา ตุลาการ อัยการ เนื่องจาก เลข 8 ในบัตรประจำตัวประชาชน หมายถึง คนต่างด้าวที่ขอสัญชาติไทย มิใช่การได้สัญชาติไทยโดยการเกิด จึงไม่สามารถเข้ารับราชการได้ และนั่นคือสิ่งที่เธอต้องสู่ต่อไป
อย่างไรก็ตามความรู้ทางกฎหมายของเธอจะส่งเสริมให้เธอสามารถช่วยเหลือตนเองได้เป็นอย่างดี และจะเป็นประโยชน์ต่อการช่วยเหลือผู้คนในชุมชนของเธออีกด้วย.