Skip to main content
sharethis

นโยบายเศรษฐกิจแบบคู่ขนานที่นายกฯ ทักษิณ  ชินวัตร  ใช้เป็นนโยบายหาเสียง  และยึดถือเป็นแนวทางบริหารประเทศนั้นเปรียบไปแล้วก็ไม่ต่างไปจาก  "เศรษฐีใจบุญ"  และ " โจรใจบาป"  ที่สิงสู่อยู่ในคนร่างเดียวกัน  กล่าวคือ  ภาพด้านหนึ่งของรัฐบาลโดยการนำของนายกรัฐมนตรี พ.ท.ต. ทักษิณ ชินวัตร  เป็นเศรษฐีใจบุญที่หว่านเงินไปในโครงการต่าง ๆ  ของนโยบายประชานิยม  แจกให้คนยากคนจนโดยหวังว่าจะเข้ามาพลิกฟื้นคุณภาพชีวิตให้อยู่ดีกินดี  แต่ภาพอีกด้านหนึ่งกลับถูกกล่าวหาเรื่อง  "การโกงกิน"  หรือการแสวงหากำไรจากกิจกรรมทางการเมืองของนักการเมือง วงศาคณาญาติ   เพื่อนพ้อง  และคนใกล้ชิดนายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี  สูงยิ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย


 


ปัจจุบันเราเห็นอย่างถ่องแท้ว่าประชานิยมคือทุกสิ่งทุกอย่าง  ที่หลุดออกมาจากปากนายกรัฐมนตรีทักษิณ   ชินวัตร  ซึ่งไม่ได้ถูกตีกรอบเพียงนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจรากหญ้า   เช่น  กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง   30 บาทรักษาทุกโรค   ธนาคารประชาชน  หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ (โอท๊อบ ) โครงการพักชำระหนี้และลดภาระหนี้ให้แก่เกษตรกรรายย่อย   การสร้างผู้ประกอบการใหม่  โครงการพัฒนาศักยภาพของหมู่บ้านและชุมชนเล็ก กลาง ใหญ่ (SML) ฯลฯ เท่านั้น  แต่ยังรวมถึงเงินแจกตาม ครม.สัญจร  และทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นโครงการและนโยบายที่ใช้เงิน  เช่น  เมกกะโปรเจค  และโครงการพัฒนาของรัฐและเอกชน  อีกด้วย  และยิ่งเข้าใจอย่างลึกซึ้งไปอีกว่า   นายกฯ ทักษิณ ไม่เข้าใจปัญหาความยากจนเลย  ในช่วงระหว่างวันที่ 16-20 มกราคม 2549  ท่านจะลงมานอนแก้ไขปัญหาความยากจนในหมู่บ้านเขต อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด  ด้วยการติดตั้งกล้องไม่ต่ำกว่า 40 ตัว  จับภาพนายกทุกอริยาบท  ยิงสัญญาณดาวเทียมถ่ายทอดสดทางสถานีโทรทัศน์ยูบีซี ช่อง 16 เรียนแบบรายการ "เรียลิตี้โชว์"  เพื่อโชว์แก้ไขปัญหาความยากจน  การกระทำเช่นนี้เป็นการดูถูกดูแคลนคนอีสานอย่างยิ่ง   เพราะคิดว่าปัญหาความยากจนของคนอีสานเป็นเรื่อง  "ทีเล่นทีจริง" ท่านนายกฯทักษิณเลือกที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อให้ประชาชนนิยมหลงใหลในตัวผู้นำ   มากว่าที่จะเข้าใจถึงรากเหง้าของปัญหาความยากจนของคนอีสาน


 


"เศรษฐกิจพอเพียง"  ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว   เป็นปรัชญาและหลักการในการแก้ไขปัญหาความยากจนได้ลึกซึ้งถ่องแท้ยิ่งกว่า เพราะเน้นไปที่หัวใจหรือต้นตอของปัญหาความยากจน  คือมุ่งที่จะทำให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจน   ด้วยการพึ่งพาตนเองได้  และมีชีวิตความเป็นอยู่อย่างพอเพียงไม่ฟุ้งเฟ้อเห่อเหิม  หลงใหลต่อวัตถุสิ่งของเงินทอง  เป็นหลักการเดียวกันกับคำสอนในพุทธศาสนา  ที่ปรารถนาจะให้สังคมบังเกิดความร่มเย็นเป็นสุข  ต่างไปจาก  "ประชานิยม"  ของนายกทักษิณ ที่มุ่งแต่จะแจกเงินทอง  จนชาวบ้านข้าราชการ และนักการเมือง  "เสพติด" เงินของท่านไปหมดสิ้น  ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ได้เข้ามาบริหารประเทศได้แจกเงินลงไปใน   นโยบายประชานิยมไปกว่า 4  แสนล้านบาทแล้ว  มีแต่บอกให้ประชาชนใช้เงินอย่างเดียว  ไม่เคยบอกให้ประชาชน  "เก็บออม" ไว้เพื่อลูกหลานและอนาคตที่มั่นคงเลย 


 


มิหนำซ้ำยังไม่สนใจว่าเงินที่ใช้ไปนั้น  จะเกิดการฉ้อฉลคอรัปชั่น จากพ่อค้าสัมปทาน  ข้าราชการและนักการเมืองหรือไม่  ขอให้ประชาชนจับจ่ายใช้เงินเท่านั้นก็พอ 


 


จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องชาวอีสาน  และภาคอื่นๆ  ของประเทศ   จงร่วมกันตรวจสอบความล้มเหลวของนโยบายประชานิยม  ในรัฐบาลทักษิณ 4 ด้านคือ


 


1.ตรวจสอบการใช้เงินที่ทุ่มลงไปในนโยบายประชานิยม  และเงินแจกตาม ครม.สัญจร ว่าถูกใช้ไปอย่างไร และ  "แก้ไขความยากจนของคนอีสานได้จำนวนกี่คนแล้ว"


 


2.ร่วมกันเปลี่ยนแปลงนโยบายประชานิยมของนายกทักษิณ ให้เป็นไปตามปรัชญาและหลักการของเศรษฐกิจพอเพียง  ตามแนวทางของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว  ไม่ใช่ดำเนินการสวนทางกันเช่นทุกวันนี้   ที่นโยบายประชานิยมทำให้ประชาชน  ข้าราชการ  นักการเมือง "เสพติด" เงินแจกของนายกฯทักษิณ


 


3.ร่วมกันกำจัดขบวนการฉ้อฉลคอรัปชั่นของวงศาคณาญาติ  พวกพ้อง  และคนใกล้ชิดของนายกฯทักษิณ  ที่แฟงตัวอยู่ในวงการพ่อค้าสัมปทาน  ข้าราชการ  และนักการเมือง  ให้หมดสิ้นไปจากแผ่นดิน


 


4.ร่วมกันสนับสนุนการปฏิรูปการเมือง  เพื่อลดอำนาจเผด็จการรัฐสภาของนายกฯทักษิณ  และคณะรัฐมนตรี  เพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชน  เนื่องจากปัจจุบันมีปัญหาสำคัญ 3  ประการ เกิดขึ้นมาในบ้านเมืองเราคือ   องค์กรอิสระถูกครอบงำจากการเมืองซีกรัฐบาล  จนทำให้กลไกลการตรวจสอบกการทุจริตคอรัปชั่นและความเป็นธรรมให้ประชาชนไม่สามารถทำหน้าที่ได้   มีการปิดกั้นเสรีภาพของสื่อ  และมีการกระทำอันไม่เป็นการส่งเสริมและลดทอดประชาธิปไตยของประชาชน 


 


ทั้งนี้  " เครือข่ายประชาชนตรวจสอบนโยบายประชานิยม กับการแก้ไขปัญหาความยากจน"    จะร่วมกันตรวจสอบนโยบายประชานิยมในรัฐบาลทักษิณ   ไปจนกว่าจะหมดอำนาจวาสนาบริหารประเทศ   เพื่อนำความจริงที่ถูกซ่อนเร้นมาตีแผ่  ให้กับประชาชนไทยให้รับรู้อย่างต่อเนื่อง  นับจากนี้เป็นต้นไป


 


 


เครือข่ายประชาชนตรวจสอบนโยบายประชานิยม กับการแก้ไขปัญหาความยากจน


15 มกราคม 2549


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net