Skip to main content
sharethis


 


ทุกวันนี้เราสามารถจะใช้กูเกิ้ล (Google) ค้นหาอะไรก็ได้ตั้งแต่ เครื่องมือทำซูชิ ไปจนถึงเครื่องมือฆ่าตัวตาย ค้นหาได้ง่ายมาก จนกระทั่งผู้ที่บุกเบิกคิดค้นอินเตอร์เน็ตขึ้นมาคงต้องแปลกใจ ว่า "โอ้ เราสร้างอะไรขึ้นมานี่"


 


แน่นอนผู้ค้นคิดขึ้นมานั้นคงไม่สามารถจะควบคุมได้ว่า คนจะนำเอาสิ่งประดิษฐ์ของตนเองไปใช้ในทางบ้าบอหรือไปใช้เพื่อปรับปรุงคุณภาพชีวิตแค่ไหน แล้วเขาก็ไม่รู้ด้วยว่า รัฐบาลจะจัดการกับสิ่งประดิษฐ์ของเขาอย่างไร


 


ในปี พ.ศ.2516 มีนักคอมพิวเตอร์หนุ่ม 2 คน ชื่อ วินตัน จี. เซิร์ฟ กับ โรเบิร์ต อี. แกห์น ได้ปฎิวัติความคิดใหม่ที่จะทำให้ภาษาคอมพิวเตอร์ที่ดูเป็นเรื่องยากที่เข้าใจกันได้เฉพาะกลุ่ม ให้สามารถสื่อสารได้โดยภาษาทั่วไป โดยที่เขาไม่เคยคิดเลยว่า นี่จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เกิดความดีงามและความชั่วร้ายขึ้นกับชีวิตของเรา ตอนนี้เรามีทุกอย่างที่เรียกว่า E- (อิเลคโทรนิค) ที่มีทุกอย่างทางอินเตอร์เน็ต เช่น E- trading (การค้าขาย) E- pornorgraphy (สื่อลามก) E- Surveillance (การตรวจตรา, เฝ้าระวัง), E-death (ความตาย) และใครจะรู้ว่า มีอะไรที่ยังเก็บไว้ให้เราอีกในนี้


 


ยินดีต้อนรับสู่ยุคติจิตอล ยุคที่ทำให้เรื่องการแลกเปลี่ยนและการเชื่อมต่อกันเป็นเครือข่ายเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้ อย่างเช่นที่คุณอาจจะสงสัยว่า เจอรัล ไครน์ ชายหนุ่มวัย 26 ปี จาก คลาแมท ฟอลส์ มลรัฐออเรกอน ต้องล้มเหลวลงอย่างเฉียดฉิวในการล่อใจให้ผู้หญิง 32 คนในห้องสนทนา (Chat room) ให้ฆ่าตัวตายหมู่ในวันวาเลนไทน์ในปีที่ผ่านมาได้อย่างไร


 


"สิ่งที่มีร่วมกันของผู้หญิงที่เปราะบางเหล่านี้ก็คือ ความหดหู่เศร้าสร้อย เขาได้เชิญชวนให้ผู้หญิงเหล่านี้เข้ามาร่วมในกิจกรรมทางเพศในแบบพิเศษกับเขา และเขาจะให้พวกเธอนั้นเปลือยกายแขวนคออยู่กับขื่อบ้านของเขา" ทิม เอวิงเจอร์ นายอำเภอ คลาแมท เคาน์ตี้ กล่าวกับผู้สื่อข่าว ถ้าไคลน์ประสบความสำเร็จในครั้งนี้ เขาก็อาจใช้เว็บแคม ส่งกระจายภาพของผู้หญิง 32 คนนี้เปลือยกายแขวนคออยู่กับขื่อออกไปทั่วโลก


 


การแขวนคอคล้ายการฆ่าตัวตายเพื่อให้ขาดลมหายใจเป็นกิจกรรมทางเพศที่อันตรายมากที่เชื่อว่าจะทำให้ถึงจุดสุดยอดอย่างสูงสุด การกระทำแบบนี้เรียกว่า Sexual asphyxiation เป็นกิจกรรมทางเพศที่สุดโต่งมากๆ และหลายคนก็เลือกที่จะตายด้วยวิธีนี้ ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นกระแส แล้วก็ค่อยๆ ทำให้เหตุการณ์พิลึกพิลั่นเหล่านั้นค่อยๆ คลายความน่าสนใจลงหลังที่บรรดาสื่อทั้งหลายได้ปั่นเรื่องเพื่อเรียกเรตติ้งไปเรียบร้อยแล้ว


 


ผู้หญิงชาวแคนาดาคนหนึ่ง อาจจะเป็นหนึ่งในคนเดียวกับในกลุ่มที่กำลังค้นหาชีวิตหลังความตาย ได้มองเห็นข้อความหนึ่งในห้องสนทนา ชื่อหัวข้อ การฆ่าตัวตายในอุดมคติ แล้วทำให้เธอรู้สึกตกใจที่พบว่า มีผู้หญิงในห้องสนทนาอีกห้องหนึ่ง ไม่เพียงแต่กำลังจะฆ่าตัวเองตายเท่านั้น แต่ยังจะฆ่าลูก 2 คนด้วย เธอจึงรีบโทรศัพท์ไปแจ้งตำรวจทันที และก็พบว่ามีผู้หญิงที่หดหู่จำนวนไม่น้อยที่กำลังจะฆ่าลูกของตัวเองอยู่ และไคลน์เอง เมื่อตอนที่เขาถูกจับได้ก็บอกว่า อย่างน้อยผู้หญิง 31 คนนี้ ก็ตกลงใจที่จะฆ่าตัวตายหมู่


 


บันทึกจากห้องสนทนาโชว์ว่า ไคลน์นั้นได้ทำเครือข่ายกับผู้หญิงเพื่อให้มาร่วมการฆ่าตัวตายมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2543 แล้ว


 


"เป็นความพยายามก้าวออกมาจากความเศร้าสร้อยของชีวิตด้วยการมีกิจกรรมทางเพศที่สุดโต่งด้วยการสำเร็จความใคร่และถึงจุดสุดยอดกันด้วยการฆ่าตัวตายหมู่โดยการแขวนคอตาย" หากนี่เป็นคำอธิบายสำหรับเรื่องนี้ ถ้าเช่นนั้นคนเราก็อาจจะเข้าใจได้ว่า ทำไมบางคนถึงสามารถเผาตัวเองเพื่อพันธสัญญาอันแรงกล้า เพื่อจีฮัด ซึ่งหากปราศจากการกระทำเป็นเครือข่ายและความร่วมมือกันก็จะไม่มีแรงดึงดูดใจมากนัก


 


การตายคนเดียวเป็นเรื่องที่แย่ แต่ว่าการตายนั้นจะง่ายขึ้นหากคนรู้สึกว่า ตายด้วยกัน อินเตอร์เน็ตก็ให้ความรู้สึก "เป็นพวกเดียวกัน" (togetherness) ของกลุ่มคนที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากัน


 


การฆ่าตัวตายหมู่ของคนแปลกหน้าต่อกัน ซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มวัยรุ่นที่พบกันทางอินเตอร์เน็ต เป็นเหตุการณ์ที่ไม่พบบ่อยนักในญี่ปุ่น ประเทศที่เคยมีพิธีกรรมโบราณ คือการฮาราคีรีของชาวซามูไร


 


ในห้องสนทนาในญี่ปุ่นนั้น ในกระดานข่าวหรือเว็บไซด์ที่เกี่ยวข้องกับการฆ่าตัวตาย จะมีคนเข้ามาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน นั่นไม่ใช่ว่าจะหลีกหนีจากจินตนาการเรื่องการฆ่าตัวตายได้อย่างไร แต่จะพูดถึงเรื่องจะประหารชีวิตคนด้วยวิธีใด ตัวอย่างเช่น เอาเข้าไปขังในห้องแล้วรมควันให้ตายไปด้วยพิษของคาร์บอนมอน็อกไซด์ ในที่จอดรถบนภูเขาไกล หรือ กระโดดตึกพร้อมๆ กัน ถึงแม้ว่าการฆ่าตัวตายบางกลุ่มก็สำเร็จ แต่มีอีกไม่น้อยที่จบลงด้วยการบาดเจ็บสาหัสหรือทนทุกข์ทรมาณตลอดชีวิต


 


ยูกิโอะ ไซอิโตะ นักเทศน์นิกายเมทโธดิสต์ ผู้ก่อตั้งและดูแลศูนย์ฮอตไลท์การฆ่าตัวตาย ชื่อ โฟน ฟอร์ ไลฟ์ กล่าวในการให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวของรอยเตอร์ว่า "ความคิดที่ว่าตายด้วยกันนั้น จะอย่างไรก็เรียกได้ว่า ทำให้อุ่นใจขึ้น การตายเพียงลำพังนั้นเหงา และต้องใช้ความกล้าหาญมากกว่า วิธีการฆ่าตัวตายแบบนี้ก็ดูจะดึงดุดใจพวกสื่อได้ดี และเป็นการชี้นำคนที่กำลังคิดที่จะฆ่าตัวตายอยู่ด้วย"


 


เรื่องนี้ทำให้ย้อนนึกไปถึงเรื่องของ จิม โจนส์ บาทหลวง ผู้นำทางจิตวิญญาณที่ได้นำคนถึง 913 คนฆ่าตัวตามพร้อมกันในปี พ.ศ. 2521 ที่โจนสืทาวน์ กียานา แล้วลอกมานึกดูว่าหาก คุณพ่อโจนส์ มีเว็บไซด์ สมมติว่าชื่อ "แนวทางไปสู่ความตายอันงดงาม" แล้วล่อใจหญิงสาวโดยการบอกให้ทำตามไปทีละขั้น ละขั้น และบอกเวลาจากจุดนี้ไปจนเวลาต่อจากนั้น เข้าใจว่าคุณพ่อโจนส์คงจะดึงดูดคนได้นับล้านๆคนเข้ามาสู่การฆ่าตัวตายหมู่แบบที่ไม่มีใครเคยคาดคิดมาก่อน


 


ดังนั้นคุณอาจจะจินตนาการได้ว่า ผู้นำการจีฮัดที่มีสง่าราศีจะทำอะไรออนไลน์ได้บ้างเมื่อสรุปผลการระเบิดพลีชีพหมู่กับ


ศาสนิกผู้ทรงคุณธรรมได้ฟังกัน


 


นี่เองก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าประหลาดใจเลยที่กระทรวงยุติธรรมสหรัฐฯได้ขออำนาจไปยังศาลสูงเพื่อจะบังคับให้กูเกิ้ล ยอมให้รัฐบาลเข้าไปแอบดูการ Search ส่วนตัวของคนอเมริกันนับล้านๆ คนที่ได้เข้าไปใช้ search engine ของ google ซึ่งกูเกิ้ล ได้ปฎิเสธออกไป ทว่าเป็นที่น่าขันว่า กูเกิ้ลกลับยอมคุกเข่ายินยอมให้จีนในเรื่องนี้ ด้วยว่า ผลประโยชน์นั้นมาก่อนคุณธรรม และนี่ก็จะแสดงให้เห็นว่า กูเกิ้ลจะแข็งขืนกับรัฐบาลสหรัฐฯได้อีกนานเท่าไร หากบรรดายักษ์ใหญ่แห่งโลกไซเอร์ทั้งหลาย อย่าง MSM, Yahoo และ AOL มองไม่เห็นว่าจะเสียหายอะไรถ้าจะยอมอ่อนข้อให้รัฐบาล


 


คณะกรรมการความมั่งคงแห่งชาติออกมาบอกเหตุผลว่า เพื่อการปกป้องเด็กๆ จากสื่อลามก และให้ตายเถอะ มีเหตุผลอีกมากมายหลายประการที่รัฐบาลบอกออกมาถึงความต้องการจะรู้ว่า คนอเมริกันเข้าไปในเว็บไซด์ใดบ้างในโลกไซเบอร์นี้ แต่ก็มีความจริงอยู่ว่า ตาม พ.ร.บ.สิทธินั้นก็เขียนบอกไว้อย่างโจ่งแจ้งว่า "นี่มันไม่ใช่กงการอะไรของยู นะลุงแซม"


 


------------------------------------


เรียบเรียงจากบทความของ ND Batra, ศาสตราจารย์ด้านการสื่อสาร มหาวิทยาลัยนอริช


ที่มา: http://www.thestatesman.net/page.news.php?clid=4&theme=&usrsess=1&id=104035

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net