ขอให้ พ.ต.ท.
สืบเนื่องจากปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารประเทศ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.
๑) แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้ามาตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย แต่กลับเหยียบย่ำแนวทางประชาธิปไตย เสียเอง ด้วยขาดความเข้าใจอย่างแท้จริงในตัวระบอบ ที่มุ่งให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน แม้ให้ยึดหลักเสียงข้างมากแต่ก็ต้องไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามอ้างเสียงสนับสนุน ๑๙ ล้านเสียง โดยไม่ใส่ใจเสียงคัดค้านการบริหารประเทศของประชาชนที่เหลือ นอกจากไม่ทบทวนการทำงานของตนแล้วยังพูดจาถากถางเหยียดหยามประชาชนที่มีความเห็นต่าง ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่เหมาะสมกับฐานะผู้นำประเทศ เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน สร้างกระแสให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก จนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังบริหารบ้านเมืองแบบ "เลือกปฏิบัติ" โดยยึดฐานคะแนนเสียงของตัวเอง หลงลืมไปว่าเป็นผู้นำของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนไทยที่เลือกพรรคไทยรักไทยเท่านั้น อีกทั้งไม่สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่ต่างกับตน กีดกันการใช้สิทธิชุมนุมเรียกร้องโดยสงบในที่สาธารณะอันเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ด้วยการห้ามปราม ขัดขวางไม่ให้มีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่องบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า อันเป็นสถานที่ที่แต่ไหนแต่ไรมาพี่น้องประชาชนสามารถใช้เพื่อแสดงพลังทางการเมืองได้
๒) เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" อย่างชัดเจน บริหารประเทศโดยขาดจริยธรรมทางการเมือง คอยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายแสวงหาอำนาจ และบิดเบือนการใช้อำนาจนั้นเพื่อก่อผลประโยชน์ทับซ้อนของธุรกิจส่วนตัวกับผลประโยชน์ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป อันเป็นธุรกิจที่อาศัยความเป็นคนไทยขอสัมปทานจากรัฐ แต่สุดท้ายกลับขายให้ต่างชาติโดยหวังผลกำไรส่วนตน หาประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมายด้วยการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งนอกจากขาดจิตสำนึกของผู้นำที่ดีที่ควรเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลักแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้แก่สังคมในอนาคต และนอกจากประโยชน์เฉพาะตนแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเพิกเฉยต่อปัญหาคอร์รัปชันปล่อยให้ ผู้ใกล้ชิด ญาติพี่น้อง หาผลประโยชน์จากนโยบายและโครงการต่างๆ ของรัฐ
๓) พยายามใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ จนเป็นผลทำให้กลไกถ่วงดุลย์ตรวจสอบดังกล่าวไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ
๔) ดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เข้าแทรกแซงกระบวนการนำเสนอข่าวสารโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโทรทัศน์ และวิทยุ รวมทั้งลุกลามไปยังอินเทอร์เน็ต ทั้งที่เสรีภาพของสื่อสารมวลชนในอันที่จะนำเสนอข่าวสารที่แท้จริงโดยอิสระ และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็นในวิถีประชาธิปไตย เพราะทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจต่อประเด็นทางการเมืองที่จะส่งผลต่อตนเองและประเทศชาติได้อย่างถูกต้อง
๕) พยายามใช้วิธีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แปลงทรัพย์สินของชาติที่ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ให้กลายเป็นของคนไทยเพียงบางกลุ่ม หรือของต่างชาติ ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการ ซึ่งอาจนำพาประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตเช่นเดียวกับประเทศอาร์เจนตินา และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังดำเนินการเจรจาและเตรียมลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ FTA อันจะยังผลให้ประเทศไทยมีข้อผูกพันทางการค้ากับประเทศใหญ่ในระยะยาว ด้วยการตัดสินใจเพียงลำพัง ซึ่งขัดกับกระบวนการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และปราศจากข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อดี ข้อเสีย ตามหลักการที่เชื่อถือได้ ไม่ใส่ใจต่อเสียงคัดค้านของประชาชนผู้ต้องได้รับผลกระทบจากสัญญานั้นโดยตรง ทั้งที่มีการศึกษาวิจัยจากภาคเอกชนพบว่า ข้อตกลงดังกล่าว นอกจากไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลเสียต่อภาคเกษตรกรรมของไทยแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสิทธิบัตรยาด้วย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเจตนาแอบแฝงในการลงนามที่ส่อไปในทางเพื่อผลประโยชน์เฉพาะพวกพ้องของคนในรัฐบาลเอง
๖) นโยบายไม่สร้างสรรค์ เน้นการสร้างภาพ และความนิยมทางการเมืองเป็นหลัก ใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่าย หว่านเม็ดเงินให้ประชาชนโดยขาดการวางแผน และทำความเข้าใจในเรื่องที่มาของเงิน และการใช้จ่ายที่ถูกต้อง ทำให้เกิดการบริโภคนิยมในหมู่ประชาชนทั่วไป หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ แนวนโยบายดังกล่าวยังขัดกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างชัดเจน นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหาด้านสังคมและจริยธรรมด้วย
จากปัญหาต่างๆ ข้างต้น ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นร่วมกันว่า พ.ต.ท.
ข้อแรก พ.ต.ท.
ข้อสอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านโครงสร้างทางการเมือง และกลไกการตรวจสอบซ้ำรอยเดิมอีก ขอเรียกร้องและสนับสนุนให้ สถาบันการเมือง องค์กร และกลุ่มนักศึกษาประชาชน ร่วมกันผลักดันให้มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อปรับปรุงกระบวนการใช้อำนาจและการตรวจสอบต่างๆ ด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเป็นปัญหา รวมทั้งวางกฎเกณฑ์มาตรฐาน และจริยธรรมทางการเมืองใหม่
ขอแสดงความนับถือ
(16 กุมภาพันธ์ 2549)
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)