Skip to main content
sharethis

ขอให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรมและมารยาททางการเมือง ด้วยการลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี


      


สืบเนื่องจากปัญหาความไม่โปร่งใสในการบริหารประเทศ โดยรัฐบาลภายใต้การนำของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตลอดระยะเวลากว่า ๕ ปีที่ผ่านมา แม้ข้าพเจ้าทั้งหลายอันประกอบด้วยนักเรียน นักศึกษา นักวิชาการ และอาจารย์มหาวิทยาลัยจะกำลังศึกษาอยู่ในสหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี แต่ก็ยังห่วงใยบ้านเกิดเมืองนอน คอยติดตามข่าวสาร รวมทั้งนโยบายการบริหารประเทศไทยของรัฐบาลมาโดยตลอด ด้วยข้าพเจ้าทั้งหลายดังมีรายนามต่อท้ายจดหมาย ฉบับนี้พบว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร


      


๑) แม้จะเป็นนายกรัฐมนตรีที่เข้ามาตามวิถีทางแห่งประชาธิปไตย แต่กลับเหยียบย่ำแนวทางประชาธิปไตย เสียเอง ด้วยขาดความเข้าใจอย่างแท้จริงในตัวระบอบ ที่มุ่งให้ประชาชนทุกคนมีสิทธิเสรีภาพเท่าเทียมกัน แม้ให้ยึดหลักเสียงข้างมากแต่ก็ต้องไม่ละเลยเสียงข้างน้อย ที่ผ่านมา พ.ต.ท.ทักษิณ พยายามอ้างเสียงสนับสนุน ๑๙ ล้านเสียง โดยไม่ใส่ใจเสียงคัดค้านการบริหารประเทศของประชาชนที่เหลือ นอกจากไม่ทบทวนการทำงานของตนแล้วยังพูดจาถากถางเหยียดหยามประชาชนที่มีความเห็นต่าง ด้วยถ้อยคำหยาบคาย ไม่เหมาะสมกับฐานะผู้นำประเทศ เป็นแบบอย่างที่ไม่ดีต่อเด็กและเยาวชน สร้างกระแสให้เกิดการแบ่งพรรคแบ่งพวก จนอาจนำไปสู่การเผชิญหน้าที่รุนแรงได้ในอนาคต นอกจากนี้ยังบริหารบ้านเมืองแบบ "เลือกปฏิบัติ" โดยยึดฐานคะแนนเสียงของตัวเอง หลงลืมไปว่าเป็นผู้นำของคนไทยทั้งประเทศ ไม่ใช่ของคนไทยที่เลือกพรรคไทยรักไทยเท่านั้น อีกทั้งไม่สนับสนุนการมีส่วนร่วมทางการเมืองของประชาชน ปิดกั้นการแสดงความคิดเห็นที่ต่างกับตน กีดกันการใช้สิทธิชุมนุมเรียกร้องโดยสงบในที่สาธารณะอันเป็นสิทธิตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ ด้วยการห้ามปราม ขัดขวางไม่ให้มีการจัดชุมนุมอย่างต่อเนื่องบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้า อันเป็นสถานที่ที่แต่ไหนแต่ไรมาพี่น้องประชาชนสามารถใช้เพื่อแสดงพลังทางการเมืองได้


      


๒) เป็นนายกรัฐมนตรีที่มีปัญหาเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" อย่างชัดเจน บริหารประเทศโดยขาดจริยธรรมทางการเมือง คอยอาศัยช่องว่างทางกฎหมายแสวงหาอำนาจ และบิดเบือนการใช้อำนาจนั้นเพื่อก่อผลประโยชน์ทับซ้อนของธุรกิจส่วนตัวกับผลประโยชน์ของรัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กรณีการขายหุ้นชินคอร์ป อันเป็นธุรกิจที่อาศัยความเป็นคนไทยขอสัมปทานจากรัฐ แต่สุดท้ายกลับขายให้ต่างชาติโดยหวังผลกำไรส่วนตน หาประโยชน์จากช่องว่างของกฎหมายด้วยการหลีกเลี่ยงภาษี ซึ่งนอกจากขาดจิตสำนึกของผู้นำที่ดีที่ควรเห็นแก่ประโยชน์ของชาติเป็นหลักแล้ว ยังเป็นการสร้างบรรทัดฐานที่ไม่ถูกต้องให้แก่สังคมในอนาคต และนอกจากประโยชน์เฉพาะตนแล้ว พ.ต.ท.ทักษิณ ยังเพิกเฉยต่อปัญหาคอร์รัปชันปล่อยให้ ผู้ใกล้ชิด ญาติพี่น้อง หาผลประโยชน์จากนโยบายและโครงการต่างๆ ของรัฐ


      


๓) พยายามใช้อำนาจแทรกแซงกระบวนการสรรหาบุคคลเพื่อดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ที่ทำหน้าที่ตรวจสอบการใช้อำนาจรัฐตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ จนเป็นผลทำให้กลไกถ่วงดุลย์ตรวจสอบดังกล่าวไร้ประสิทธิภาพ ซึ่งขัดกับเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ และผลประโยชน์ของประชาชนทั้งประเทศ



๔) ดำเนินการทุกรูปแบบเพื่อปิดกั้นการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน เข้าแทรกแซงกระบวนการนำเสนอข่าวสารโดยเฉพาะอย่างยิ่งทางโทรทัศน์ และวิทยุ รวมทั้งลุกลามไปยังอินเทอร์เน็ต ทั้งที่เสรีภาพของสื่อสารมวลชนในอันที่จะนำเสนอข่าวสารที่แท้จริงโดยอิสระ และตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล เป็นสิ่งจำเป็นในวิถีประชาธิปไตย เพราะทำให้ประชาชนสามารถตัดสินใจต่อประเด็นทางการเมืองที่จะส่งผลต่อตนเองและประเทศชาติได้อย่างถูกต้อง


      


๕) พยายามใช้วิธีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ แปลงทรัพย์สินของชาติที่ใช้เพื่อประโยชน์ส่วนรวม ให้กลายเป็นของคนไทยเพียงบางกลุ่ม หรือของต่างชาติ ด้วยการเอื้อประโยชน์ให้ต่างชาติเข้ามามีบทบาทในการบริหารจัดการ ซึ่งอาจนำพาประเทศไทยเข้าสู่วิกฤตเช่นเดียวกับประเทศอาร์เจนตินา และฟิลิปปินส์ นอกจากนี้ยังดำเนินการเจรจาและเตรียมลงนามข้อตกลงเขตการค้าเสรี หรือ FTA อันจะยังผลให้ประเทศไทยมีข้อผูกพันทางการค้ากับประเทศใหญ่ในระยะยาว ด้วยการตัดสินใจเพียงลำพัง ซึ่งขัดกับกระบวนการที่กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ และปราศจากข้อมูลเพื่อพิสูจน์ข้อดี ข้อเสีย ตามหลักการที่เชื่อถือได้ ไม่ใส่ใจต่อเสียงคัดค้านของประชาชนผู้ต้องได้รับผลกระทบจากสัญญานั้นโดยตรง ทั้งที่มีการศึกษาวิจัยจากภาคเอกชนพบว่า ข้อตกลงดังกล่าว นอกจากไม่สอดคล้องกับสภาพเศรษฐกิจ ส่งผลเสียต่อภาคเกษตรกรรมของไทยแล้ว ยังก่อให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับสิทธิบัตรยาด้วย ทั้งนี้ยังไม่รวมถึงเจตนาแอบแฝงในการลงนามที่ส่อไปในทางเพื่อผลประโยชน์เฉพาะพวกพ้องของคนในรัฐบาลเอง


      


๖) นโยบายไม่สร้างสรรค์ เน้นการสร้างภาพ และความนิยมทางการเมืองเป็นหลัก ใช้จ่ายเงินงบประมาณอย่างสุรุ่ยสุร่าย หว่านเม็ดเงินให้ประชาชนโดยขาดการวางแผน และทำความเข้าใจในเรื่องที่มาของเงิน และการใช้จ่ายที่ถูกต้อง ทำให้เกิดการบริโภคนิยมในหมู่ประชาชนทั่วไป หนี้สินภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น ทั้งนี้ แนวนโยบายดังกล่าวยังขัดกับแนวทางเศรษฐกิจพอเพียงอย่างชัดเจน นอกจากนี้รัฐบาลยังไม่ใส่ใจต่อการแก้ไขปัญหาด้านสังคมและจริยธรรมด้วย


      


จากปัญหาต่างๆ ข้างต้น ข้าพเจ้าทั้งหลายเห็นร่วมกันว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ไร้ความชอบธรรมในการบริหารประเทศต่อไปแล้ว หากยังดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไปจะยิ่งเป็นการทำลายศรัทธา และความเชื่อมั่นต่อระบอบประชาธิปไตย และจะนำพาประเทศไปสู่ความตกต่ำในด้านต่างๆ ทั้งสังคม จริยธรรม การเมืองและเศรษฐกิจ ด้วยความห่วงใยผลประโยชน์ของชาติ และเพื่อแสดงจุดยืนทางการเมืองในฐานะพลเมืองไทย จึงขอเรียกร้องให้


      


ข้อแรก พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แสดงความรับผิดชอบทางจริยธรรม และทำตามมาตรฐานมารยาททางการเมือง ดำเนินการเพื่อให้ตนเองพ้นไปจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่ว่าจะด้วยการลาออก หรือด้วยการยุบสภา เพื่อเปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยเจ้าของประเทศได้ร่วมกันสรรหาผู้นำใหม่ตามหลักประชาธิปไตยโดยเร็ว


      


ข้อสอง เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาด้านโครงสร้างทางการเมือง และกลไกการตรวจสอบซ้ำรอยเดิมอีก ขอเรียกร้องและสนับสนุนให้ สถาบันการเมือง องค์กร และกลุ่มนักศึกษาประชาชน ร่วมกันผลักดันให้มีการปฏิรูปการเมืองเพื่อปรับปรุงกระบวนการใช้อำนาจและการตรวจสอบต่างๆ ด้วยการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายรัฐธรรมนูญเฉพาะในส่วนที่เกี่ยวข้อง และเป็นปัญหา รวมทั้งวางกฎเกณฑ์มาตรฐาน และจริยธรรมทางการเมืองใหม่


      


ขอแสดงความนับถือ


(16 กุมภาพันธ์ 2549)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net