นายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ ที่ปรึกษาประจำสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ในฐานะเลขานุการคณะอนุกรรมการด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัวของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ กล่าวว่า ทราบมาว่าขณะนี้ผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาได้เดินทางกลับมาแล้ว หากจะพิจารณาเรื่องการลงโทษเด็ก หรือแม้กระทั่งว่ากล่าวตักเตือนจะต้องระวังว่า ทำไปบนฐานคิดอะไร เพราะอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กที่ประเทศไทยเป็นภาคีตั้งแต่เดือนมีนาคม 2535 ได้ระบุว่า

ระบบการศึกษาต้องไม่ไปจำกัดสิทธิ เสรีภาพ แต่ต้องสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนาเด็กให้เติบโตเต็มตามศักยภาพ นอกจากนี้ เด็กมีสิทธิที่จะแสดงออกรวมถึงเสรีภาพที่จะแสวงหาหรือได้รับ หรือถ่ายทอดข้อมูล อีกทั้งต้องยอมรับสิทธิของเด็กที่มีเสรีภาพในการรวมตัว ชุมนุมอย่างสงบ

ดังนั้น โรงเรียนควรถือเป็นโอกาสอันดีที่จะสนับสนุนการเปิดพื้นที่ให้เด็กนักเรียนได้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นต่อเหตุการณ์บ้านเมืองกันอย่างกว้างขวาง ไม่ว่าจะสนับสนุนหรือคัดค้านท่าทีของฝ่ายต่างๆ โดยสันติวิธี เพราะเป็นการส่งเสริมการเมืองภาคประชาชนที่จะเป็นรากฐานอันเข้มแข็งของระบอบประชาธิปไตย ทั้งยังจะเป็นการกระตุ้นให้เด็กและเยาวชนได้สนใจปัญหาของบ้านเมือง เพื่อที่จะเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบต่อไปในสังคม

นอกจากนี้ หากครูอาจารย์ต้องการเฝ้าระวัง เพราะเป็นห่วงนักเรียนก็ควรเป็นการเฝ้าระวังเพื่อการคุ้มครองสวัสดิภาพของเด็กนักเรียนโดยไม่เลือกปฏิบัติ เพราะมีความคิดเห็นแตกต่างจากผู้ใหญ่หรือครูอาจารย์ จึงหวังว่า เด็กนักเรียนทั้ง 3 คนจะได้รับการปฏิบัติที่เป็นไปตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก เช่นเดียวกับลูกสาวของรักษาการนายกรัฐมนตรีที่จะต้องได้รับการคุ้มครองสวัสดิภาพจากสถาบันการศึกษาด้วยเช่นกัน

นายแพทย์ชูชัย กล่าวเพิ่มเติมว่า คณะอนุกรรมการด้านเด็ก เยาวชนและครอบครัว อาจไปเยี่ยมเยียนหรือเรียนเชิญผอ.โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาและครูอาจารย์ที่เกี่ยวข้องมาพบปะหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อไป