Skip to main content
sharethis



โดย อิสระ ชูศรี



 


เรื่องที่จะเอามาคุยกับเพื่อนผู้อ่านในอาทิตย์นี้ช่างเอ่ยยากเอ่ยเย็นเสียจริง เพราะตอนนี้ตัวคนเขียนเองก็เดือดร้อนใจไม่แพ้ประชาชนคนไทยท่านอื่นๆ ที่รับฟังข่าวสารและข้อคิดเห็นทางการเมืองที่ล้นทะลักอยู่ทั่วทั้งโอลด์- และนิวมีเดียในขณะนี้


 


ทุกวันนี้เวลาเจอเพื่อนฝูง หรือแม้แต่คนรู้จักธรรมดาๆ ก็เหมือนจะต้องคอยตอบคำถามทั้งที่ส่งผ่านมาทางวาจาและแววตาว่า ไล่หรือเชียร์ทักษิณ เอาหรือไม่เอาเรื่องนายกฯพระราชทาน จะไปเลือกตั้งหรือไม่ไปเลือกตั้ง จะไปชุมนุมที่สยามพารากอนหรือไม่ไป ฯลฯ


 


ผมว่าที่สุดแล้วทุกคนมีคำตอบอยู่ในใจทั้งนั้นแหละว่าตัวเองจะทำอย่างไร ที่เราวุ่นวายกันอยู่ทุกวันนี้ก็เพื่อจะ "เช็คคำตอบ" ของตัวเองว่าจะตรงกันกับของคนอื่นเขาหรือไม่เท่านั้นเอง


 


ถ้าผู้อ่านท่านไหนคิดว่าหากรู้ "คำตอบ" ส่วนตัวของผมแล้วว่าผมเอา-ไม่เอาอะไร มันจะช่วยให้ท่านตัดสินใจได้ง่ายขึ้นในการจะตัดสินใจเลิกอ่านหรืออ่านต่อ ผมบอกคำตอบของผมได้ทั้งนั้นแหละครับ กับคนที่ผมรู้จักสนิทสนมผมก็ไม่เคยปิดบังคำตอบเช่นกัน


 


ข้อหนึ่ง ก. เอา "ทักษิณ...ออกไป" หรือ ข. เอา "ทักษิณ...สู้ สู้"? (ตอบ ก.) ข้อสอง ก. รับได้หรือไม่กับการเรียกร้องของพันธมิตรฯและพรรคประชาธิปัตย์ให้ใช้มาตรา 7 เพื่อขอรัฐบาลพระราชทานชั่วคราว หรือ ข. รับไม่ได้? (ตอบ ก.) ข้อสาม ก. จะไปเลือกตั้ง หรือ ข. จะไม่ไปเลือกตั้ง? (ตอบ ก.) ข้อสี่ ก. จะไปชุมนุมที่สยามพารากอน หรือ ข. จะไม่ไป? (ตอบ ก.) ... จริงๆแล้วตอบคำถามข้อหนึ่งได้ชัดๆ แล้วข้ออื่นก็ตอบได้ง่ายขึ้นหน่อยหละครับ


 


ผมเชื่อว่าเราแต่ละคนมีสูตรคณิตศาสตร์การเมืองที่จะใช้ชั่งตวงวัดเหตุผลในการตัดสินใจทำ-ไม่ทำอะไรได้ด้วยตัวเอง โดยอิงอาศัยกับบรรทัดฐานของภูมิหลังและความเชื่อที่ต่างกัน


 


หลายคนอาจจะเคยได้รับบาดเจ็บทางกายหรือบาดเจ็บที่ใจจากกรณี 6 ตุลา '19 ซึ่งมีการแปรศรัทธาในสถาบันกษัตริย์ของประชาชนมาเป็นอาวุธทุบถองนักศึกษาประชาชนจนบาดเจ็บล้มตาย บางคนอาจรู้สึกว่าผู้นำมวลชนพาคนไปตายอย่างไม่จำเป็นในกรณีพฤษภา '35 จนเมื่อได้รัฐธรรมนูญที่ "ดี" มาแล้ว ก็ยังตามมาทำลายผลพวงของการต่อสู้นั้นเสียอีก


 


บางคนอาจจะรังเกียจเดียดฉันท์พรรคประชาธิปัตย์เพราะสัญชาตินักการเมืองอาชีพที่พลิกพลิ้วปลิ้นปล้อนได้อย่างคล่องแคล่ว เพื่อความรอดทางการเมืองได้เบียดบังดอกผลจากการต่อสู้ของประชาชนเดินถนน บางคนเกลียดสนธิเพราะชอบพูดหยาบคาย-เกินจริง บางคนระแวง พล.ต.จำลอง เพราะชอบขับเคลื่อนประชาชนไปทางโน้นทางนี้เหมือนเบี้ย บางคนไม่ชอบการประท้วงปิดถนนทุกรูปแบบเพราะห่วงการทำมาค้าขายจะตกต่ำลง... ก็สุดแท้แต่ครับ


 


ที่ออกตัวเสียยืดยาว อย่าหาว่าผมเพ้อเจ้อไร้สาระเลยนะครับ ผมว่ามันสำคัญในเวลาเช่นนี้ ที่เราจะรีบให้คำตอบโดยสรุปแก่กันอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะมีปฏิสัมพันธ์ใดๆ กันต่อไปแบบยืดยาว เพราะในยุคนี้ผมว่ามันป่วยการที่จะสื่อสารกันโดยวิธีหว่านล้อมชี้ชวนแบบเคลือบคลุม เพราะข้อมูลข่าวสารต่างๆ มันมีปริมาณมาก อันไหนเราคิดว่า "ไม่ใช่" เรื่องที่เราต้องการค้นหาก็ปล่อยผ่านไปเถอะครับ อย่าไปสนใจติดตามคัดง้างให้เสียเวลาเสียอารมณ์เปล่าๆ


 


เรามาว่ากันเรื่องการชุมนุมทางการเมืองขนาดใหญ่ครั้งแรกในประเทศไทยที่จะเกิดขึ้นในย่านการค้าหน้าห้างสยามพารากอนกันดีกว่า


 


โดยส่วนตัวแล้วผมเคยไปเดินในห้างสยามพารากอนมาเพียงครั้งเดียวเองครับ มีที่ติดใจที่สุดคือร้านหนังสือคิโนะคุนิยะเท่านั้นที่ใหญ่โตมากและมีหนังสือหลากหลาย ส่วนร้านค้าอื่นๆ นั้นมันล้ำหน้ารสนิยมของผมไปแล้ว แต่ผมก็ยังไปย่านสยามสแควร์บ่อยๆ เพื่อดูหนัง หรือนัดกับเพื่อน


 


นานมาแล้วผมเคยสงสัยว่า "ใจกลางเมือง" หรือที่ภาษาอังกฤษเขาเรียกว่าว่าย่าน "ดาวน์ทาวน์" ของกรุงเทพฯนั้นอยู่ที่ไหนกันแน่ ลองจินตนาการดูนะครับว่า ถ้ามีนักท่องเที่ยวคนหนึ่งเดินมาถามคุณว่า "แบงค็อก ดาวน์ทาวน์" หนะไปทางไหน? ช่วยบอกสายรถเมล์ให้หน่อย คุณจะบอกทางไปวัดพระแก้ว-สนามหลวง หรือสยามสแควร์-สุขุมวิท-สีลม


 


ผมคิดว่าปัญหาไม่ใช่เพราะว่ามีย่านไหนในสองย่านนี้ที่ไม่ใช่ใจกลางเมือง หรือทั้งสองย่านนี้มีความเป็นใจกลางเมืองเหมือนๆกัน หรือเท่าเทียมกันในทุกความหมาย


 


แต่เพราะความหมายและความสำคัญในฐานะใจกลางเมือง "เก่า" และ "ใหม่" ของกรุงเทพฯนั้นถูกแยกไปสิงสถิตย์ไว้คนละแห่งละที่ กล่าวคือ นัยยะทางการเมืองและประวัติศาสตร์สมัยราชวงศ์ของกรุงเทพฯ ถูกแฝงไว้ ณ บริเวณเกาะรัตนโกสินทร์ และส่วนราชการต่างๆ ที่อยู่รายรอบ บางแห่งเคยเป็นวังด้วยซ้ำ ขณะที่ย่านสยามสแควร์ต่อไปยังย่านสุขุมวิทและสีลมมีความหมายและความสำคัญในฐานะศูนย์กลางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมร่วมสมัย


 


คนที่คิดชื่อห้างสรรพสินค้า "สยาม - พารากอน" นั้นจะจงใจหรือไม่ก็ตาม แต่เขาได้นำเอาความเก่าและใหม่ของกรุงเทพฯมาเชื่อมต่อกันไว้ในที่เดียวกัน กล่าวคือ ชื่อดั้งเดิมที่แฝงความรุ่งเรืองในอดีตของประเทศนี้ และการใช้คำหรูๆ ในภาษาอังกฤษเพื่อสื่อความหมายอันเป็นค่านิยมของคนไทยผู้มีการศึกษาส่วนหนึ่ง โดยเฉพาะเวลาที่จะสื่อถึงสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่มีความพิเศษ มีคุณค่าสูง ทันสมัย มีประสิทธิภาพ และอะไรดีอื่นๆ ที่มาจากประเทศร่ำรวย


 


สยามคือความรุ่งเรืองในอดีตที่อยู่เบื้องหลังของเรา ถึงวันนี้เริ่มมีบางคนบอกว่า "สยาม" เคยมีอำนาจเหนือ "เทมาเสก" ซึ่งเป็นชื่อโบราณของบริเวณที่เป็นประเทศสิงคโปร์ปัจจุบัน (เป็นวิธีสะกดจิตตัวเองให้ลืมความอัปยศได้ดีวิธีหนึ่ง) ส่วน "พารากอน" นั้นแปลว่าอะไรหรือ?


 


"พารากอน" แปลว่าความเลิศหรูสมบูรณ์แบบไร้ที่ติ ประดุจเพชรเจียระไนยอย่างดีมีค่ามากกว่า 100 กะรัตขึ้นไป ในแง่นามธรรมมันสามารถสื่อถึงคุณค่าอันสมบูรณ์ของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความงดงามหรือคุณธรรมความดีก็ได้


 


ในทางธุรกิจ ห้างสยามพารากอนถูกจัดให้เป็นห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดและสมบูรณ์แบบที่สุดของประเทศไทย ในลักษณ์เดียวกันกับห้างเอมโพเรียม สยามพารากอนเป็นแหล่งรวมของสินค้าบริโภคชนิดดีที่สุดที่เงินจะซื้อได้


 


จะว่าไปแล้วมันก็คือความสัญลักษณ์ของความ "มั่งคั่ง" ทางเศรษฐกิจ ที่หลายคนไม่อยากให้หมองหรือพร่องลงไปเพราะความวุ่นวายทางการเมืองที่เกิดขึ้นอยู่ในขณะนี้


 


ผมไม่ทราบว่าการเลือกพื้นที่หน้าห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนเป็นจุดชุมนุมครั้งใหม่นี้อาศัยเหตุผลด้านยุทธวิธีเพียงอย่างเดียวหรือไม่ เพราะผู้นำการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯได้ให้เหตุผลว่า เพื่อคืนพื้นที่ถนนราชดำเนินนอกให้แก่คณะผู้จัดงานกาชาด และเพราะการชุมนุมหน้าสยามพารากอนจะมีความสะดวกสบาย และมีทางรถไฟฟ้าบังแดดให้อย่างดี


 


แต่สิ่งที่ผมคิดว่าน่าสนใจก็คือนัยยะสำคัญทางวัฒนธรรมการเมืองที่จะเกิดขึ้น จากการเชื่อมโยงความเกี่ยวข้องของประเด็นการเมืองและเศรษฐกิจเข้าด้วยกัน การทำให้ประจักษ์ชัดว่าการเมืองก็คือเศรษฐกิจ เศรษฐกิจก็คือการเมือง และสังคมไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน ฉะนั้นสิ่งที่กระทบต่อภาคส่วนหนึ่งย่อมกระทบต่อภาคส่วนอื่นๆ ด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้


 


ในความเห็นของผม สิ่งที่คุณทักษิณประสบความสำเร็จอย่างยิ่งประการหนึ่งในหลายปีที่ผ่านมาก็คือการฉีกแยกประเด็นต่างๆ ที่ควรจะเชื่อมโยงกันออกเป็นชิ้นเป็นส่วน...


 


คุณทักษิณบอกว่าเข้ามาทำเรื่องบ้านเมืองไม่ได้ทำการเมือง เรื่องกฎหมายเรื่องนิติบัญญัติเป็นเรื่องของสมาชิกสภาผู้แทนฯและวุฒิสภา เรื่องในโยบายในการบริหารงานของรัฐบาลเป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องผลประโยชน์ของชาติเป็นเรื่องหนึ่งและผลประโยชน์ทางธุรกิจของครอบครัวชินวัตรเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ไม่มีการทับซ้อนกัน ฯลฯ


 


ความอัปลักษณ์ที่เกิดขึ้น ณ ขณะนี้เป็นเพราะมีคนส่วนหนึ่งเลิกเชื่อภาพแยกส่วนที่คุณทักษิณวาดให้ดูที่ละภาพ แล้วพยายามต่อภาพนั้นให้เต็มด้วยตนเอง และภาพต่อเองเลอะๆ นั้นกำลังจะถูกนำไปจัดแสดงที่หน้าสยามพารากอน แม้คนแถวนั้นจะไม่เต็มใจดูสักแค่ไหน


 


ภาพความสำเร็จของการปราบยาบ้าด้วยการฆ่านอกกระบวนการยุติธรรมถูกต่อเติมให้เห็นด้านอัปลักษณ์ของความคับแค้นที่ญาติพี่น้องของผู้ตายได้รับ ภาพงดงามของกองทุนหมู่บ้านถูกต่อเติมให้เลอะเทอะด้วยปัญหาหนี้สินครัวเรือนที่พุ่งขึ้น ปัญหาคนหายและความรุนแรงที่รัฐกระทำต่อประชาชนในสามจังหวัดภาคใต้ เรื่อง FTA เรื่องขายหุ้นเลี่ยงภาษี เรื่องการแทรกแซงองค์กรตรวจสอบนักการเมืองตามรัฐธรรมนูญ ฯลฯ ทุกภาพสวยๆ ที่คุณทักษิณเคยวาดไว้ ณ วันนี้มีคนมือบอนเอาสีมาพ่นทับจนเลอะเทอะไว้แล้วทั้งสิ้น


 


จะช้าจะเร็ว หากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนี้ยังไม่ถูกคลี่คลาย และความรู้สึกหวาดระแวงต่อต้านที่ประชาชนกลุ่มใหญ่มีต่อความซื่อสัตย์ของผู้นำทางการเมืองยังคงคุกรุ่นอยู่ ประชาชนทั้งหมดของประเทศก็ต้องแบกรับความเสียหายร่วมกันอยู่ดี ผมว่าเรากำลังปลอบใจตัวเองไปเปล่าๆ ปลี้ๆ ที่เชื่อว่าการเลือกตั้งจะกดปัญหาพวกนี้ให้จมหายไปจากการรับรู้ของเราอีกครั้ง


 


อย่างไรก็ตาม ผมก็ยังไม่ใช่คนซาดิสม์ถึงขนาดจะสะใจบนความเดือดร้อนของคนที่ต้องใช้ชีวิตประจำวันตามปกติอยู่ย่านสยามสแควร์ แต่ผมคิดว่ายิ่งเราทำให้คนในประเทศนี้ตระหนักชัดถึงประเด็นและเหตุแห่งความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในขณะนี้เร็วขึ้นเท่าไหร่ สถานการณ์ก็น่าจะคลี่คลายเร็วขึ้นเท่านั้น


 


โดยส่วนตัวผมเห็นว่าอย่างน้อยการชุมนุมที่หน้าสยามพารากอนจะเปลี่ยนความหมายเชิงสัญลักษณ์ของพื้นที่จับจ่ายสินค้าและบันเทิงให้กลายเป็นพื้นที่ของการต่อสู้ทางการเมือง ทำให้คนกลุ่มหนึ่งของสังคมจำต้องรับรู้ความทุกข์ร้อนคับแค้นใจของคนอีกกลุ่มหนึ่ง


 


ในจินตนาการ ผมได้ยินเสียงก่นด่าของคนที่เดือดร้อนจากการประท้วง เช่น รถติด รำคาญใจ เบื่อความวุ่นวายไม่สงบ ฯลฯ ไม่นับคนที่อึดอัดกับการกระทำผิดกฎหมายอย่างจงใจ ถูกต้องแล้วครับ นี่คืิอ "การประท้วง" มันคือการนั่งในที่ห้ามนั่ง เดินในที่ห้ามเดิน พูดเรื่องที่ไม่ควรพูดหรือเรื่องที่หลายคนไม่อยากได้ยิน และการทำสิ่งที่ปกติแล้วพลเมืองดีไม่ควรทำ... คราวนี้มันคงจะทำให้ "เพชร" ของสยามต้องเปื้อนตมจนหมองลง แต่ถ้ามันทำให้บางคนตั้งคำถามและพยายามหาคำตอบว่าทั้งหมดมันเกิดขึ้นเพราะอะไรกันแน่ ผมว่าเท่านี้ก็คุ้มค่า

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net