ที่โรงแรมทวินทาวเวอร์ รองเมือง กลุ่มการะเกด 2549 จัดอารยะเสวนาเรื่อง "เตรียมความคิด เตรียมใจ สู่ยุคหลังระบอบทักษิณ" ซึ่งกลุ่มนี้เป็นการรวมตัวกันของทุกองค์กรที่ได้ออกมาร่วมเคลื่อนไหวเรียกร้องให้ พ.ต.ท.
ทั้งนี้มีตัวแทนเข้าร่วมประชุมกำหนดท่าทีเคลื่อนไหวกว่า 120 คน อาทิ นพ.
ภายหลังการประชุม นพ.
6.ชะลอการเสียภาษีทุกประเภท 7.เข้าร่วมรณรงค์ต่อต้านระบอบทักษิณอย่างสร้างสรรค์ 8.ข้าราชการทุกกระทรวง ทบวง กรม ร่วมกันแต่งชุดดำ หรือติดริบบิ้นสีดำที่แขนขวาในทุกวันอังคาร อันเป็นวันประชุม ครม. 9.ชวนกันคุยในครอบครัว หน่วยงาน องค์กร และในชุมชนในเรื่องคุณธรรม จริยธรรมกับอนาคตสังคมไทย 10.ส่งบทเพลง บทกวี หรือผลงานศิลปะที่แสดงถึงคุณธรรมและจริยธรรมไปที่กลุ่มการะเกด 2549 โทรศัพท์ 0-2222-4693 โทรสาร 0-2222-4694
ตัวแทนกลุ่มการะเกด 2549 กล่าวว่า การแข็งขืนแบบอารยะกระจายตัวอย่างรวดเร็วไม่ว่าผลการเลือกตั้งจะออกมาอย่างไรก็ตาม และในระยะยาวจะเกิดผลอย่างแน่นอน ในส่วนข้าราชการอาจต้องแต่งดำทั้งปีจนกว่านายกฯ ทักษิณจะลาออก หากข้าราชการกล้าหาญกันมาก รัฐบาลก็จะอยู่ในภาวะปกครองไม่ได้ สั่งอะไรกลไกราชการก็ไม่ปฏิบัติตาม และเมื่อไหร่ที่ทหารไม่เอาด้วย รัฐบาลก็จบ ขณะนี้การแข็งขืนแบบนี้มีแล้วในกลุ่มหมอ พยาบาล ด้วยสถานะที่ไม่สยบยอมตามลักษณะวิชาชีพอยู่แล้ว
"เราต้องพร้อมรับความเจ็บปวด การลงโทษทางวินัย ทางกฎหมาย บอกไม่ได้ว่านานขนาดไหนจึงจะสำเร็จ แต่เชื่อว่าเมื่อเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนถึงจุดที่ปัจจัยที่กระตุ้นแรงมากๆ เมื่อนั้นการแข็งขืนจะเห็นผลเร็วมาก เหมือนกรณีธงเขียวปฏิรูปการเมือง ที่กลุ่มการะเกดเป็นกลุ่มเริ่มต้น ซึ่งอารยะแข็งขืนนี้ไม่ทำให้เสียเลือดเนื้อ ไม่ต้องไปรวมตัวกันที่จุดเดียวก็ได้ แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านอย่างสันติ เป็นการเรียกร้องที่คู่ขนานไปกับการชุมนุมปกติที่จะมีต่อไป และประชาชนตามท้องถิ่นต่างๆ จะคิดรูปแบบการแข็งขืนได้มากขึ้นเรื่อยๆ"
นพ.พลเดชกล่าวว่า ที่ประชุมยังได้วิเคราะห์กันถึงสถานการณ์หลังการเลือกตั้งว่า จะมีปัจจัยที่ทำให้พลังประชาชนเข้มแข็งขึ้น และความชอบธรรมของรัฐบาลจะลดลง ได้แก่ 1.หากผลการเลือกตั้ง พรรคไทยรักไทยล้มเหลว พลังประชาชนจะมากขึ้น 2.หากจับการโกงการเลือกตั้งได้ รัฐบาลก็จะอ่อนกำลังลง 3.หากผลการเลือกตั้งก้ำกึ่ง แต่ดันทุรังเปิดสภาแม้ว่า ส.ส.จะไม่ครบ 500 คน ความชอบธรรมรัฐบาลก็จะลดลง
ทางกลุ่มการะเกดจึงเสนอว่า 1.ประชาชนต้องไปเลือกตั้งมากๆ 2.เข้าคูหากาไม่เลือกใคร ซึ่งคาดว่าจะมีคะแนนในช่องนี้มากเป็นประวัติการณ์ 3.ตั้งทีมทุกจังหวัด อย่างน้อย 1-2 ทีมเพื่อจับผิดการเลือกตั้ง โดยจะเชื่อมโยงกับเครือข่ายและส่วนที่เฝ้าระวังสื่อทั่วประเทศ
เลขาธิการสถาบันชุมชนท้องถิ่นพัฒนายังวิเคราะห์ว่า หากรัฐบาลได้คะแนนเสียงมากก็จะฮึกเหิม ซึ่งขณะนี้ก็ได้ส่งสัญญาณที่จะปราบปรามแล้ว ซึ่งส่วนนี้ภาคประชาชนระมัดระวังมาตลอด และหากผลการเลือกตั้งค้านความรู้สึกประชาชน กระแสจะตีกลับ แม้ว่ารัฐบาลจะมั่นใจว่าโกงอย่างแนบเนียนแล้วจึงปราบพวกที่ไม่เห็นด้วย หากเชื่อว่าปราบแล้วความวุ่นวายจะหยุด นั่นเท่ากับคิดผิด เพราะประชาชนไม่ยอมรับง่ายๆ
"ผมคิดว่าการเมืองที่ร้อนระอุจะไม่สงบโดยเร็ว จะคุกรุ่นไปตลอดเดือนเมษายน เลือกตั้งซ่อมครั้งแล้วครั้งเล่า และจะมีคนไปใช้สิทธิ์น้อยลงเรื่อยๆ ครบ 30 วันแล้วสภาก็จะยังไม่สมบูรณ์ ประชาชนจากภาคใต้อาจจะถึงภาวะไร้การควบคุม ทั้งนี้การมองสถานการณ์จะชัดเจนในหลังวันที่ 3 แต่ขอย้ำว่าความรุนแรงในประวัติศาสตร์ ทั้ง 14 ตุลา, 16 ตุลา และพฤษภาทมิฬ ไม่ได้เกิดจากประชาชน แต่เป็นฝ่ายรัฐ ครั้งนี้ก็เช่นกัน หากจะเกิดความรุนแรงก็จะเกิดจากฝ่ายรัฐมากกว่า และประชาชนจะไม่ยอมจำนนแน่นอน" นพ.พลเดชกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มการะเกดได้จัดทำ ทำเนียบองค์กร กลุ่ม คณะบุคคล ที่ออกมาเคลื่อนไหวไล่ พ.ต.ท.ทักษิณบางส่วนตั้งแต่วันที่ 3 ก.พ. ถึงวันที่ 21 มีนาคม ที่มีมากถึง 105 กลุ่ม พร้อมแถลงการณ์ของแต่ละกลุ่ม รวมทั้งสถานที่ติดต่อด้วย
..
ที่มา : หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ 2 เมษายน 2549