Skip to main content
sharethis

โดย อิสระ ชูศรี


 



 


          บัดนั้น คชสารมนเตร็ยแสนกำสรด             โศกสลดเจิ๊ตใจเหมือนใครเฉือน


เมื่อมหาอำมาตย์มาแชเชือน                               เคยชิดต้องร้างเลื่อนเต็อวจากไกล


มาแถลงเว้นวรรคเหมือนผลักไส                          ยี้จะเนาว์กับใครละครานี้


คาราวานเนียะกรอทั่วธานี                                  น้ำตาท่วมธรณีวันพี่ลา


 


          สองไดเกี่ยวกระหวัดกอดสอดหน้าซบ         มือพี่ตบหลังปะโอนจนคลายเศร้า


วันพระใช่มีหนเดียวนะสองเรา                             พันธมิตรเลิกเห่าเรากลับมา


แค่เต้นโขนตบตาประชาสยาม                            ตอนพระรามเดินดงลงเก้าอี้


บีบน้ำตาโบกมือลาประชาชี                                แล้วจ้องส่งนอมีนีครองพารา


 


          น้องก็รู้คนไทยขี้สงสาร                           เราแสนพาลเขาตามจับเราร้องถอย


อ้างสมานฉันท์จนสีข้างฉีกเป็นรอย                       พอเรื่องซาเราค่อยตามเช็คบิล


ไล่ฟ้องร้องโจมจับพันธมิตร                                อย่าให้มันรวมกันติดอีกหนได้


ละเลงสีวาดมันเป็นพวกจัญไร                             เมืองวุ่นวายโยนไป... พวกมึงทำ


 


          เร็วมาชมโขนหลงโรงกลางทำเนียบ            ตัวประกอบล้วนเพียบทั้งซ้ายขวา


ตรงกลางนั้นมิใช่พระรามา                                  แต่เป็นยักษ์ปลอมตัวมาเพื่อลวงเรา


ว่าเว้นวรรคแต่กลับรอย่อหน้าใหม่                         อย่าเผลอใจหลงสงสารไอ้พรานชั่ว


ขืนระเริงหลงดีใจจนเมามัว                                  โดนฉีกกินทั้งตัวทั่วถึงตีน ฯ


 


ตามประสาคนปกติที่รู้สึกเครียดกับสถานการณ์คุมเชิงทางการเมืองที่ดูเหมือนจะระเบิดเป็นความรุนแรงได้ทุกขณะ ผมอดรู้สึกโล่งใจไม่ได้เมื่อคุณทักษิณแถลงข่าวทางโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจเมื่อเวลา 20.30 น. ของวันที่ 4 เมษาที่ผ่านมา


 


คงเป็นที่ทราวกันทั่วไปแล้วว่าคุณทักษิณได้ประกาศไม่รับตำแหน่งที่อาจจะได้รับในอนาคต หากสภาผู้เทนราษฎรเปิดได้และมีการเสนอชื่อคุณทักษิณเพื่อกราบทูลขอรับพระราชทานโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรี


 


ผมรีบโทรศัพท์ไปบอกผู้ใหญ่ที่เคารพท่านหนึ่งทึ่จังหวัดเพชรบุรี (แม่ผมเอง) ที่เพิ่งผ่านการลงคะแนนโนโหวตจนเป็นผลให้เขตเลือกตั้งที่หนึ่งของจังหวัดนั้นต้องจัดการเลือกตั้งใหม่ ผู้ใหญ่ท่านนั้นบอกว่ากำลังฟังคุณทักษิณอยู่เหมือนกัน ท่านบ่นๆ ว่าแหมทำไมพูดเอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นจัง ผมก็นึกในใจว่า คนอะไรช่างมองโลกในแง่ร้าย


 


ต่อมาอีกไม่กี่วันผมก็ไปได้ยินอะไรคล้ายๆ กันอย่างนี้มาอีก จากแถวร้านข้าวต้มข้างถนนย่านสะพานวันชาติ อาซิ้มเจ้าของร้านและพวกกำลังนั่งดูโทรทัศน์ช่องหนึ่งถ่ายทอดบันทึกการแถลงข่าวของคุณทักษิณที่ทำเนียบ ตามด้วยภาพการจับมือและสวมกอดอย่างต่อเนื่อง


 


อาซิ้มผมขาวกล่าวสวนเสียงพูดของคุณทักษิณด้วยถ้อยคำเจือโทสะว่า ฟังแล้วอยากจะอ้วก ลูกคู่ของอาซิ้มกล่าวเสริมต่ออีกว่า พูดพอดีๆ หน่อยไม่ได้หรืออย่างไร


 


เมื่อได้รับการกระตุ้นด้วยคำพูดแรงๆในสองวาระข้างต้น ผมก็นึกระแวงสันดานมองโลกในแง่ดีของตัวเองขึ้นมาว่า เอ... หรือมันจะเล่นเล่ห์กระเท่อะไรอีกหรือเปล่านี่


 


ผมถือโอกาสจากประสาทที่ตื่นตัวขึ้น พิจารณาภาพข่าวที่มีการนำมาฉายซ้ำแล้วซ้ำอีก ทั้งฉากสวมกอดร่ำลาที่ซาบซึ้ง ณ ทำเนียบ (ผมทึ่งกับภาพคุณเนวินที่ดูโศกเศร้าและโผเข้ากอดคุณทักษิณแนบแน่นกว่าลูกโอ๊คเสียอีก) ภาพการประชุมคณะรัฐมนตรีนัดสั่งลาของคุณทักษิณ และภาพขบวนประชาชนส่วนหนึ่งใน 16 ล้านเสียงที่เข้ามาแสดงความเสียอกเสียใจ ณ ที่ทำการพรรคไทยรักไทย


 


โฮ่... นี่มันพล็อตเรื่องคล้ายกับมหากาพย์รามายณะตอน 'พระรามเดินดง' เลยนา ตอนที่พระรามได้รับความอยุติธรรมจนต้อง 'เว้นวรรค' สละราชสมบัติให้น้องชายต่างมารดา แล้วออกเดินจาริกเป็นฤาษีชีไพรอยู่นานกว่าสิบปี มีเพียงพระลักษณ์และนางสีดาเท่านั้นที่มีโอกาสติดตามไป สำหรับเรื่องราวที่เกิดต่อไปหลังจากนั้นจนกระทั่งเกิดสงครามกรุงลงกา พวกเราคงคุ้นกันดีอยู่แล้ว


 


ตามท้องเรื่อง เมื่อพระรามออกเดินจากเมืองไปสูู่ป่า มีชาวเมืองผู้เศร้าโศกและคับแค้นออกเดินตามพระองค์ไปด้วยมากมาย เนื้อเรื่องของรามายณะตอนนี้สะท้อนถึงคุณธรรมของพระรามที่ยอมเว้นวรรคเพราะไม่อยากให้พระบิดาต้องเสียสัจวาจาที่ให้ไว้กับพระมารดาเลี้ยง และความเด็ดเดี่ยวอดทนของพระองค์ที่ยอมรับความอยุติธรรมโดยไม่ปริปากบ่น


 


อย่างไรก็ตาม นั่นคือโลกแห่งวรรณกรรม สำหรับโลกแห่งความจริงทางการเมือง หากเราจับได้ว่านักการเมืองมีพฤติกรรมอย่างละครแล้วละก็ มันอาจจะมีอะไรตุตุซ่อนอยู่ก็เป็นได้


 


อย่าหาว่าผมชอบมองผู้นำประเทศในแง่ร้ายหรือไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงนะครับ ผมคิดว่าเราคนไทยต้องรู้จักให้ความเคารพกับผู้นำทางการเมืองของเราด้วยการจับตามองท่านอย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้ท่านผิดพลาดไปทำเรื่องชั่วๆ จนเกิดความเสียหายทั้งต่อตัวท่านเองและประเทศชาติ


 


เรามองไล่เรียงกันดูซิว่าจะจับผิดโขนการเมืองฉากนี้กันอย่างไรดี...


 


ในคืนวันที่ 3 เมษายน 2549 ที่ผ่านมา ซึ่งผมเชื่อว่าคงมีหลายคนที่เฝ้ารอชมรายการ 'กรองสถานการณ์' ทางช่องสิบเอ็ดเหมือนกับผม เพื่อรอคอยมิสเตอร์ทักษ์มาแสดงทัศนะทางการเมืองอันเป็นผลสะท้อนของการเลือกตั้งแข่งขันกับ "พรรคโนโหวต"


 


คุณทักษิณเฝ้าแต่พูดซ้ำแล้วซ้ำอีก "ช่วยคิดให้ผมหน่อยว่าผมจะไปตอบคน 16 ล้านคนอย่างไร?" เฝ้าแต่ร้องขอให้ทุกคนในบ้านเมืองทิ้งเรื่อง 'ส่วนตัว' (ของท่าน?) แล้วมาร่วมสมานฉันท์กัน และเฝ้าแต่บอกผู้ชมรายการว่าที่ผ่านมานั้นมันไม่มีอะไรเลย


 


ผมสรุปให้ตัวเองฟังว่านี่หละ 'เดจาวู' ของจริง เพราะรักษาการณ์นายกฯท่านนี้แทบไม่ได้พูดอะไรผิดไปจากก่อนหน้าการยุบสภา หลังยุบสภา และระหว่างการรณรงค์เลือกตั้งเลย ท่านก็เพียงแต่เปลี่ยนตัวเลข 19 เป็น 16 เท่านั้นเอง แถมยังมีข้ออธิบายเพิ่มเติมให้สมาชิกพรรคโนโหวตหน้าม้านอีกว่าสัดส่วนคะแนนเสียงของไทยรักไทยไม่ได้ลดลงเลยหากดูยอดรวมผู้มาใช้สิทธิ์ทั่วประเทศ


 


น่าสนเท่ห์ใจว่าไม่มีสักเสี้ยวหนึ่งของความรู้สึกเลยหรือ ที่ท่านจะนึกสงสัยว่าทั้งหมดทั้งปวงที่คนในประเทศนี้เขาขัดแย้งกันจนป่นปี้นั้นมันเริ่มต้นขึ้นมาจากอะไร? ใช่ตัวท่านหรือเปล่า? สงสัยท่านจะไม่เคยฟังเพลงแร็พ 'Ai Square Face' ที่สรรเสริญวีรกรรมของท่านไว้อย่างละเอียด ถึงจะแลไม่สุภาพไปบ้างแต่ก็เป็นการสรุปจนครบได้ใจความ


 


ในเวลาต่อมาไม่นาน ถึงค่ำวันที่ 4 เมษายน เหตุการณ์กลับพลิกผันไปตรงกัน เมื่อคุณทักษิณแถลงการณ์ใหม่ว่าท่านจะไม่รับเก้าอี้นายกฯที่ท่านมีสิทธิ์ที่จะได้นั่ง 'ในอนาคต' ฟังเผินๆ แล้วเหมือนกับว่าท่านประกาศถอยหลังไปอีกก้าวอย่างคนรักสันติ


 


วูบหนึ่งในใจผมอดนึกเห็นใจและให้อภัย 'เล็กๆ' แก่คุณทักษิณไม่ได้ ซึ่งจะว่าไปท่านก็สมควรได้รับโอกาสนั้น แต่หากเราพิจารณากันดีๆ ก็จะพบว่าประเด็นอันเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง (ตัวคุณทักษิณ) ดูจะค่อยๆ เลือนหายไปจมอยู่ในแบ็คกราวด์ ขณะที่เจ้าแพะรับความผิดถูกเตะโด่งเป็นลูกบอลไปทางฝั่งพันธมิตรประชาชนเพื่อปชต. และสามพรรคฝ่ายค้านเดิม


 


ถึงวันนี้เรื่องโอละพ่อไปกลายเป็นว่า หากบ้านเมืองไม่กลับมาสงบสุขเหมือนเดิมละก็ จงรู้ไว้นะว่าใครเป็นผู้ร้าย เพราะตอนนี้พระรามออกเดินดงไปโลดแล้ว เหลือทิ้งไว้แต่บรรดานอมินีและคาราวานฯ ค่อยไล่ตามเช็คบิลฝ่ายต่างๆ ที่เคยราวีคุณทักษิณเอาไว้ ซึ่งประชาชนอย่างเราก็คงต้องคอยจับตาดูกันต่อไป โดยเฉพาะบทบาทของนอมินีของคุณทักษิณที่จะเข้ามาสืบทอดอำนาจปกครองประเทศต่อไป


 


ส่วนความขัดแย้งทางการเมืองที่ยังคงคุกรุ่นอยู่ขณะนี้ ผมก็สงสียอยู่เรื่อยว่าเราจะหาข้อยุติจากไหนดี... จากเสียงสวรรค์ของคนส่วนใหญ่ จากเสียงประท้วงดังๆ ของคนส่วนนิด จากเสียงแปร่งๆ ของคนส่วนน้อยเช่นแถบภาคใต้บวกประจวบฯ และเพชรบุรีมาจนถึง กทม. หรือจากกลุ่มชนชั้นนำทางการเมืองในกรุงเทพฯ ที่ตอนนี้แตกออกเป็นฝักฝ่ายอย่างชัดเจน


 


เพราะในการต่อสู้ทางการเมืองนั้นเขาไม่ได้นับที่ 'จำนวนโหวต' เท่านั้น (ความหมายเบื้องหลังจำนวนก็คือปริมาณของพลังสนับสนุนทางการเมือง พูดง่ายๆ กำลังใครมากกว่ากัน?) แต่มันต้องคิดถึง 'ไอเดีย' ทางการเมืองที่เอามาต่อสู้กันด้วย ลองคิดดูสิว่าเราจะเอามติของ 'เสียงส่วนใหญ่' ไปแก้ความขัดแย้งใน 3 จังหวัดชายแดนใต้ได้อย่างไร?


 


แน่หละ ใครได้เสียงมากก็ตั้งรัฐบาลหรือออกกฎหมายสำหรับปกครองประเทศได้ แต่เมื่อไรที่มีการละเมิดสิทธิของคนส่วนน้อยในสังคมก็จะมีการต่อต้านเสมอ ซึ่งทุกครั้งคนที่ออกมาแสดงตัวต่อต้านก็มักจะมีนิดเดียว โดยคนที่นำการประท้วงอาจมาจากชนชั้นนำซึ่งเป็นคนละฝ่ายกับกลุ่มที่ปกครองอยู่ หรือจากผู้นำกลุ่มมวลชนเอง แต่พอถึงปลายทางแล้วกลุ่มที่จะมาปกครองต่อไปหลังจากคลี่คลายความขัดแย้งได้แล้วก็มักจะมาจากชนชั้นนำในสังคมอยู่ดี


 


รัฐบาลที่ไม่มีฐานเสียงส่วนใหญ่สนับสนุนนั้นตั้งไม่ได้อยู่แล้ว ตั้งแล้วก็ล้ม แต่ถ้าเป็นรัฐบาลที่ไม่สนเสียงส่วนน้อยเลยก็ปกครองไม่ได้เหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อเสียงส่วนน้อยไม่อาจตรวจสอบรัฐบาลได้ ไม่ต้องกล่าวถึงกรณีที่สส.ที่มาตั้งรัฐบาลไม่ได้เป็นตัวแทนของคนทั้งประเทศ อันนั้นก็สุ่มเสี่ยงจะทำให้รัฐบาลไม่ใช่ของคนทั้ง 76 จังหวัด


 


ส่วนการประท้วงนั้นทุกรัฐบาลก็มี แต่ถ้าหากไม่มีการเชื่อมต่อกับเสียงส่วนน้อย (ที่ไม่น้อย) หรือกลุ่มชนชั้นนำที่มีอิทธิพลในสังคมก็ยากจะทำอะไรรัฐบาลได้ แต่ปัญหาก็คือทุกรัฐบาลก็มักจะโทษว่าการประท้วงทำให้ประเทศชาติเสียหายยุบยิบไปหมด ทั้งๆที่ปัญหาก็มาจากการที่มีคนไม่พอใจผลการดำเนินงานของรัฐบาลทั้งนั้น


 


ตอนนี้ผมเริ่มได้ยินเสียงบ่นกระหึ่มไปหมดแล้วว่าบ้านเมืองกำลังแย่เพราะมีคนประท้วง แต่ผมกลับว่าพวกเรากำลังแย่เพราะตาค้างกับโขน-ละครการเมืองเข้าอีกแล้ว บัดนี้...เชิด


ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net