ประธานาธิบดีเฉินสุ่ยเปียน

ประชาไท—3 มิ.ย. 2549 ประธานาธิบดีเฉินสุ่ยเปียนแห่งไต้หวัน ประกาศโอนอำนาจการปกครองประเทศส่วนใหญ่ให้นายกรัฐมนตรี ซูเจิ้งฉาง เมื่อวันที่ 2 มิถุนายน 2549 เพื่อแสดงความรับผิดชอบในกรณีที่คนในครอบครัวและคนสนิท รวมทั้งสิ้น 4 คน พัวพันกับคดีทุจริตระดับชาติ

ทั้งนี้ เจ้าเจี้ยนหมิง ซึ่งเป็นลูกเขยของเฉินสุ่ยเปี่ยน ถูกกล่าวหาว่าใช้ข้อมูลภายใน (Insider) ปั่นราคาหุ้นของบริษัทไต้หวันดิเวลอปเมนต์ และรับเงินเข้ากระเป๋าตัวเองราว 70,000,000 ดอลลาร์ไต้หวัน โดยมีคนสนิทซึ่งเคยทำงานเป็นผู้ช่วยเฉินสุ่ยเปียนพัวพันกับกรณีดังกล่าวด้วย
 
สำนักงานสอบสวนกลางไต้หวันเชื่อว่าเจ้าเจี้ยนหมิงเป็นผู้ต้องสงสัยว่ากระทำผิดในคดีปั่นหุ้นจริง จึงสั่งกักตัวและห้ามติดต่อกับบุคคลภายนอกน เพื่อป้องกันการซักซ้อมคำให้การและติดสินบนพยาน

การลงโทษฐานละเมิดกฎหมายว่าด้วยการซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งเจ้าเจียนเหวินตกเป็นผู้ต้องสงสัยมีโทษจำคุกสูงสุดถึง 7 ปี ครั้งนี้นับเป็นครั้งแรกในไต้หวันที่เครือญาติของผู้นำเกี่ยวข้องกับการกระทำความผิดและถูกควบคุมตัว

หนังสือพิมพ์ส่วนใหญ่ในไต้หวันกดดันให้ผู้นำเฉินสุ่ยเปียนลาออก เพื่อรับผิดชอบกรณีการทุจริตทั้งหมดที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่อย่าง "ยูไนเต็ดเดลี่นิวส์" ระบุว่าผู้นำไต้หวันต้องลาออกเพื่อเป็นการแสดงความรับผิดชอบต่อกรณีทุจริตของคนในครอบครัว

ด้านหนังสือพิมพ์ไชน่าโพสต์ รายงานว่า กรณีทุจริตของคนในครอบครัว ทำให้คะแนนความนิยมของผู้นำไต้หวัน ลดต่ำลงถึงร้อยละ 70 และประธานาธิบดีเฉินสุ่ยเปียนควรต้องรับผิดชอบด้วยการลาออกเท่านั้น

ขณะที่หนังสือพิมพ์ลิเบอร์ตี้ไทม์ รายงานว่าถึงแม้การถ่ายโอนอำนาจให้แก่นายกรัฐมนตรีจะเป็นการแสดงความรับผิดชอบอย่างหนึ่ง แต่ก็คงไม่สามารถลดกระแสต่อต้านจากประชาชนได้

ทางด้านหม่าหยงเจียว ผู้นำพรรคก๊กมินตั๋ง ซึ่งเป็นพรรคฝ่ายค้านยืนยันว่าผู้นำไต้หวันต้องลาออกเท่านั้น เพื่อรับผิดชอบต่อการเอื้อประโยชน์ให้มีการทุจริตเกิดขึ้น ขณะเดียวกันพรรคร่วมฝ่ายค้านไต้หวันอีกพรรค ก็เตรียมเดินขบวนประท้วงกดดันให้ผู้นำไต้หวันลาออกในวันที่ 3 มิถุนายนนี้ด้วย