8 มิ.ย. 49 สถานีโทรทัศน์ทางการอิรักรายงานการประกาศของ นายกรัฐมนตรี นูรี อัล-มาลิกิ แห่งอิรัก ว่า นาย
ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงของทางการจอร์แดน เปิดเผยว่า การสังหารนาย
โดยรายงานของเอบีซีนิวส์ ในกรุงวอชิงตันของสหรัฐ ให้รายละเอียดเพิ่มเติมว่า นายซาร์กาวี เสียชีวิตจากการที่สหรัฐปฏิบัติการโจมตีทางอากาศบ้านหลังหนึ่งในกรุงแบกแดดของอิรัก
นายซาร์กาวี เป็นหนึ่งในจำนวนบุคคลที่โลกกำลังต้องการตัวมากที่สุด ถูกหมายหัวในฐานะเป็นอุปสรรคสำคัญที่สุดต่อกระบวนการสันติภาพในอิรัก และสหรัฐตั้งค่าหัวไว้ถึง 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
นายซาร์กาวี มาจากครอบครัวยากจน เป็นบุตรชายของผู้นำเผ่าอาวุโสผู้หนึ่ง เติบโตมาในเมืองซอร์กอ เมืองอุตสาหกรรมอันเงียบเหงาในประเทศจอร์แดน ท่ามกลางผู้อพยพชาวปาเลสไตน์ที่ถูกขับไสจากดินแดนซึ่งอิสราเอลยึดครอง
เขาเคยเป็นที่รู้จักเพียงเพราะก่ออาชญากรรมฉกชิงวิ่งราว ทว่าด้วยอิทธิพลจากคำสอนของพวกนักการศาสนาในมัสยิดแนวทางรุนแรง ซาร์กาวีตัดสินใจมุ่งสู่อัฟกานิสถานตอนต้นปี 1989 ทำศึกต่อสู้กับ กองทัพสหภาพโซเวียต
ซาร์กาวี มีชื่อจริงว่า อาเหม็ด ฟัดฮิล อัล คอละย์เละห์ ถูกขังคุกในจอร์แดนเมื่อปี 1993 หลังกลับจากอัฟกานิสถาน และพ้นโทษในปี 1999 เมื่อกษัตริย์จอร์แดนทรงพระราชทานอภัยโทษแก่นักโทษทั่วประเทศ
อย่างไรก็ตาม เวลาต่อมา ทางการจอร์แดนกล่าวหาว่าเขาเป็นจอมบงการในคดีลอบสังหาร ลอเรนซ์ โฟลีย์ นักการทูตอเมริกันในกรุงอัมมานเมื่อปี 2002 ตลอดจนการโจมตีด้วยมือระเบิดพลีชีพต่อโรงแรม 3 แห่งที่เมืองหลวงจอร์แดนแห่งนั้นในเดือนพฤศจิกายนปีที่แล้ว จนมีผู้เสียชีวิตไป 60 คน
ก่อนที่สหรัฐฯและพันธมิตรเปิดฉากรุกรานยึดครองอิรักในปี 2003 ซาร์กาวีมีความเชื่อมโยงกับ อันซาร์ อัลอิสลาม กลุ่มนักรบที่ปฏิบัติการแถวๆ ชายแดนอิหร่าน ตรงบริเวณพื้นที่ห่างไกลทางตอนเหนือของอิรักซึ่งชาวเคิร์ดยึดครองอยู่
ฐานของกลุ่มนี้ถูกทำลายระหว่างกองทัพอเมริกันรุกเข้าไปแต่อีกไม่นานซาร์กาวีก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในฐานะผู้นำของกลุ่มนักรบที่เรียกตัวเองว่า ตอฮิด วัล ญิฮัด ซึ่งต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็นกลุ่มอัลกออิดะหในอิรัก
อุซามะห์ บิน ลาดิน เป้าหมายหมายเลขหนึ่งในสงครามต่อต้านการก่อการร้ายของสหรัฐ เคยประกาศให้ซาร์กาวี เป็นผู้ช่วยของเขาในอิรัก ภายหลังจากซาร์กาวีประกาศแสดงความจงรักภักดีต่อผู้นำสูงสุดของเครือข่ายอัลกออิดะห์ผู้นี้ในเดือนตุลาคม 2004 บินลาดินยังเคยเรียกขานเขาว่าเป็น เจ้าชายแห่งอัลกออิดะห์ในอิรัก
ซาร์กาวีกลายเป็นแรงบันดาลใจ และได้นักรบใหม่ไม่ขาดสายจากทั่วทั้งโลกอาหรับที่พร้อมระเบิดตัวเองในภารกิจพลีชีพซึ่งสังหารผู้คนในอิรักไปเป็นพันๆ คนแล้ว
ทั้งนี้ซาร์กาวีเคยปรากฏตัวโดยใบหน้าปราศจากสิ่งใดปกคลุมเลยเป็นครั้งแรกในเทปวิดีโอเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ โดยมีทั้งภาพที่เขานั่งอยู่ท่ามกลางกองกำลังแวดล้อม ตรวจดูแผนที่ และยิงปืนกลกลางทะเลทราย
การเสียชีวิตของอัล-ซาร์กาวี ก่อให้เกิดความเห็นหลากหลายจากนานาชาติ โดยสำนักข่าวเกียวโดรายงานคำกล่าวของ นายคัตซูโตชิ คาเนดะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงต่างประเทศญี่ปุ่นระดับอาวุโส ซึ่งกล่าวในงานแถลงข่าวว่า
"ผมหวังว่า การเสียชีวิตของนายซาการ์วีจะสามารถช่วยให้สถานการณ์ด้านการรักษาความมั่นคงในอิรักดีขึ้นได้ ซึ่ง นายอัล-ซาการ์วี เป็นเสมือนเครื่องหมายเชิงสัญลักษณ์ของกลุ่มก่อการร้ายชาวต่างชาติในอิรัก"
ทั้งนี้ นายอัล-ซากาวีนั้น เคยอ้างว่าเป็นผู้นำการก่อเหตุฆาตกรรมนาย
ส่วนสำนักนายกรัฐมนตรีอังกฤษออกแถลงการณ์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีโทนี แบลร์ แห่งอังกฤษ กล่าวต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรีว่า ข่าวนาย
เช่นเดียวกับสถานีโทรทัศน์ในตะวันออกกลางหลายประเทศร่วมกันเสนอรายงานข่าวการสังหารนาย
นาย
เว็บไซต์อิสลามที่กลุ่มติดอาวุธหัวรุนแรงนิยมโพสต์ข้อความตอบสนองต่อข่าวการสังหารนายซาร์กาวีอย่างรวดเร็วเช่นกัน โดยบางข้อความไม่เชื่อการแถลงของนายอัล-คาติบ ขณะที่บางส่วนยืนยันว่าหากนาย
ส่วนเครือข่ายก่อการร้ายอัลกออิดะห์ในอิรัก ออกแถลงการณ์ผ่านเว็บไซต์ยืนยันว่า จะยังคงต่อสู้เพื่อต่อต้านการครอบครองของสหรัฐฯ และรัฐบาลอิรักต่อไป แม้สูญเสียนาย
อย่างไรก็ตาม หลังการสิ้นชีพของ ซาร์กาวี โลกทุนนิยมตอบสนองข่าวนี้ด้วยราคาน้ำมันดิบสหรัฐที่ร่วงลงต่ำกว่า 70 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล นับเป็นครั้งแรกในรอบ 2 สัปดาห์ โดยราคาน้ำมันดิบสหรัฐตกลงถึง 85 เซนต์ มาอยู่ที่ 69.97 ดอลลาร์สหรัฐต่อบาร์เรล โดยตกลงถึง 35 เซนต์ หลังสถานีโทรทัศน์อิรักและเอบีซี นิวส์ ของสหรัฐ รายงานข่าวการเสียชีวิตของนายซาร์กาวี ส่วนราคาน้ำมันดิบเบรนท์ ตลาดลอนดอน ร่วงลง 70 เซนต์ มาอยู่ที่ 68.49 ดอลลาร์สหรัฐ