ประชาไท—22 มิ.ย. 2549 นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวถึงความพร้อมในการจัดสมัชชาพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครั้งที่ 1 เรื่อง "หยุดระบอบทักษิณก่อน แล้วปฏิรูปการเมือง" ในวันเสาร์ที่ 24 มิ.ย.นี้ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต ว่าการเตรียมงานในด้านต่างๆ ถือว่ามีความพร้อมเต็มที่แล้ว โดยเฉพาะแกนนำจากทั้ง 76 จังหวัดตอบรับเข้าร่วมสมัชชาครั้งนี้อย่างกระตือรือร้น และคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมทั้งหมดประมาณ 1,500 คน

นายสุริยะใส กล่าวว่า แกนนำทั้ง 5 คนและคณะทำงานได้หารือกันเมื่อเช้าที่ผ่านมาได้สรุปประเด็นการสมัชชาหลักๆ คือการแสวงหามาตรการและความร่วมมือจากเครือข่ายพันธมิตรทั่วประเทศเพื่อหยุดระบอบทักษิณและเครือข่าย และจะมีการตีแผ่เปิดโปงเครือข่ายระบอบทักษิณ โดยเฉพาะการจัดตั้งขบวนการพิทักษ์ระบอบทักษิณ ซึ่งมีความพยายามจากคนในรัฐบาลใช้อำนาจรัฐและอำนาจเงินหลายวิถีทาง เพื่อจัดตั้งและเตรียมความพร้อมประชาชนจำนวนมากให้ออกมาเคลื่อนไหวปกป้องระบอบทักษิณและเรียกร้องอัญเชิญให้ พ.ต.ท.ทักษิณกลับมาเป็นนายกต่อ รวมทั้งขบวนการต่อต้านอำนาจศาลที่พยายามคลี่คลายวิกฤตการณ์การเมืองอยู่ในขณะนี้

นายสุริยะใส กล่าวว่า วันนี้คงต้องยอมรับความจริงว่าระบอบทักษิณยังอยู่และได้อาศัยสถานการณ์ที่การเมืองนิ่ง อันเนื่องจากเป็นช่วงการจัดงานครองราชย์ 60 ปี และกระแสฟุตบอลโลกขยายเครือข่ายในทางลับ เพื่อเตรียมรับมือกับการเคลื่อนไหวใหญ่ของพันธมิตร ฉะนั้นการสมัชชาครั้งนี้เราจำเป็นต้องชูธงหยุดระบอบทักษิณก่อนค่อยปฏิรูปการเมือง เพราะหากหยุดระบอบทักษิณไม่ได้การปฏิรูปการเมืองก็จะถูกชี้นำโดยระบอบทักษิณและเครือข่าย ทำให้การปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 เป็นเพียงภาพลวงตาไม่สามารถเยียวยาวิกฤตการณ์บ้านเมืองได้อย่างแท้จริง

ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนฯ ระบุว่า จะมีการกำหนดแนวทางในการทำงานร่วมกันของพันธมิตรทั้งส่วนกลางและต่างจังหวัดเพื่อปรับโครงสร้างการทำงานให้มีเอกภาพและมีพลังมากขึ้นและรองรับการมีส่วนร่วมของแนวร่วมพันธมิตรที่ขยายตัวเพิ่มมากขึ้นและทิศทางการปฏิรูปการเมืองครั้งที่ 2 ด้วย

กำหนดการสมัชชาฯ แบ่งออกเป็น 2 ช่วง ในช่วงเช้าแกนนำทั้ง 5 จะแลกเปลี่ยนพูดคุยกับที่ประชุมสมัชชาเพื่อกำหนดแนวทางการเคลื่อนไหวทั่วประเทศ และในช่วงบ่ายจะแบ่งกลุ่ม 6 กลุ่มตามจำนวนภาคเพื่อให้แกนนำแต่ละภาคหารือกันถึงแนวทางในการเคลื่อนไหวระดับภาคและการวางกิจกรรมในระยะยาวเพื่อเชื่อมโยงกับภาคอื่นๆ ทั้งประเทศด้วย

"การสมัชชาครั้งต้องนี้ต้องถือเป็นประวัติศาสตร์การเมืองไทยเพราะเป็นการรวมตัวของภาคประชาชนจากหลายเครือข่ายอย่างกว้างขวางและเป็นพลังอิสระไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง" นายสุริยะใส กล่าว

---------------------------------------------------