Skip to main content
sharethis

ประชาไท—16 ส.ค. 2549 แม้ว่าสถานการณ์ในประเทศเลบานอนจะเย็นลงหลังประเทศอิสราเอลกับกลุ่มเฮซโบลเลาะห์หยุดยิงกันไปแล้ว แต่สภาพสงครามเย็นยังคงอยู่ภายใต้คำพูดที่แสดงศักยภาพทางอาวุธของประเทศอิหร่าน ส่วนพื้นที่อื่นๆรอบโลกก็ยังดำเนินไปด้วยความขัดแย้งอย่างไม่ค่อยยอมลดราวาศอกให้กันและกัน


 


อิหร่านขู่อิสราเอลพร้อมตอบโต้หากถูกโจมตีแม้เพียงนิดเดียว


วันที่ 15 ส.ค. อาห์หมัด คาตามี ผู้นำศาสนาหัวรุนแรงของอิหร่าน ได้กล่าวเตือนทางการอิสราเอลว่า ควรพิจารณาให้ดีก่อนโจมตีอิหร่าน เนื่องจากอิหร่านมีขีปนาวุธที่มีพิสัยการยิงไกลถึงกรุงเทล อาวีฟ และจะทำการตอบโต้กลับทันทีหากถูกอิสราเอลโจมตีแม้เพียงเล็กน้อย


 


คาตามี กล่าวต่ออีกว่า ขีปนาวุธที่กลุ่มเฮซโบลเลาะห์ใช้มีประสิทธิภาพสูง ขนาดที่สามารถทำลายอิสราเอลได้ทั้งประเทศอย่างง่ายดาย ถ้อยแถลงของดังกล่าวมีขึ้นหนึ่งวันหลังจากที่มติหยุดยิงของสหประชาติมีผลบังคับใช้  ทำให้การโจมตีตอบโต้กันระหว่างกองทัพอิสราเอลกับกลุ่มเฮซโบลเลาะห์ในเลบานอน ที่ดำเนินมากว่า 1 เดือน ยุติลง


 


อิหร่าน เป็นประเทศทรงอิทธิพลประเทศหนึ่งในตะวันออกกลาง เนื่องจากมีโครงการนิวเคลียร์ที่ประชาคมโลกสงสัยว่าอาจมีการพัฒนาอาวุธซุกซ่อนอยู่และยังมีโครงการผลิตอาวุธสงครามที่พัฒนาไปอย่างต่อเนื่องในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา


 


อินเดียเรียกร้องปากีสถานร่วมมือต่อต้านการก่อการร้าย


มาห์น โมฮัน ซิงค์ นายกรัฐมนตรีของอินเดีย กล่าวระหว่างการแสดง สุนทรพจน์ ที่กรุงนิวเดลี เนื่องในโอกาส ครบรอบ59 ปีของการประกาศเอกราช โดยได้กล่าวเรียกร้องให้ปากีสถาน เร่งกำจัดกลุ่มก่อการร้ายในประเทศ ไม่ให้ข้ามมาก่อเหตุรุนแรงในอินเดีย เพราะถ้าหากปราศจากความร่วมมือของปากีสถาน จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างทั้ง 2 ประเทศ ที่ไม่ราบรื่นอยู่แล้วต้องย่ำแย่ลงไปอีก


 


การแสดงสุนทรพจน์ในครั้งนี้ นายกรัฐมนตรีของอินเดียพูดในห้องกระจกกันกระสุน ในขณะที่สถานที่ราชการ สถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ และโครงการนิวเคลียร์ ได้รับการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด เนื่องจากในเดือนกรกฎาคมอินเดียประสบกับเหตุระเบิดรถไฟ 7 ระลอกที่นครมุมไบ ศูนย์กลางทางการเงินและธุรกิจบันเทิง ทำให้มีผู้เสียชีวิตไป 180 ราย คาดว่า กลุ่มติดอาวุธมุสลิมหัวรุนแรง ลัชการ์-อี-ไตบา ในปากีสถาน จะอยู่เบื้องหลัง


 


อังกฤษยังเครียด ถกตรวจเข้มผู้โดยสารมุสลิม


ส่วนที่ประเทศอังกฤษเกิดการถกเถียงกันในประเด็นการมุ่งตรวจตรากลุ่มมุสลิมหนุ่มสาวแทนการใช้มาตรการเข้มงวดด้านความมั่นคงแบบครอบคลุมทั่วหน้าที่สร้างปัญหาให้แก่การเดินทางทางอากาศอย่างต่อเนื่องตั้งแต่มีการกวาดจับกลุ่มต้องสงสัยวางแผนก่อวินาศกรรมเครื่องบินพร้อมกันหลายลำเมื่อสัปดาห์ก่อน


 


ทั้งนี้ การที่มีเจ้าหน้าที่บางฝ่ายเสนอให้ "กลั่นกรองผู้โดยสาร" เสี่ยงต่อการสร้างความโกรธเกรี้ยวแก่ประชากรมุสลิมที่มีจำนวน 1.5 ล้านคนในอังกฤษ


 


"โคอิสุมิ"เดินทางไปศาลเจ้ายาซูคูนิ สะกิดแผลเก่าในใจจีน/เกาหลี


ส่วนสถานการณ์ในซีกโลกตะวันออกก็เป็นไปในทิศทางที่ย่ำแย่ลงเช่นกัน เมื่อ จุนอิชิโร โคอิซูมิ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นเดินทางไปเคารพสักการะศาลเจ้ายาซูคูนิ ซึ่งเป็นที่เก็บอัฐิของทหารและอาชญากรสงคราม ในช่วงเช้าวันที่15 ส.ค. ซึ่งตรงกับวันที่ญี่ปุ่นประกาศยอมแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2  ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่นไปเยือนในวันดังกล่าว หลังจากนายยาซูฮิโร นากาโซเน่ อดีตนายกรัฐมนตรีเคยเดินทางไปเมื่อปี 2528


 



โคอิซูมิ เคยให้คำมั่นระหว่างหาเสียงชิงตำแหน่งผู้นำพรรคเสรีประชาธิปไตย เมื่อปี 2544 ว่า จะเดินทางไปศาลเจ้ายาซูคูนิในวันที่ 15  ส.ค. อย่างไรก็ตามโคอิสุมิได้เดินทางไปศาลเจ้าดังกล่าวเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น เพียงแต่ไม่เคยเยือนตรงกับวันดังกล่าว


 



โคอิซูมิ ยืนยันว่า ไปศาลเจ้าเพื่อสวดวิงวอนให้เกิดสันติภาพ และเคารพดวงวิญญาณของผู้ที่สละชีวิตเพื่อประเทศชาติ  นอกจากนี้ยังได้กล่าวในพิธีอย่างเป็นทางการเนื่องในวาระครบรอบ 61 ปี ที่ญี่ปุ่นยอมแพ้ในสงครามโลกครั้งที่ 2 หลังการไปสักการะศาลเจ้าว่า ขออภัยอีกครั้งต่อความเสียหายใหญ่หลวงและความทุกข์ทรมานที่ญี่ปุ่นกระทำต่อประเทศเพื่อนบ้านในเอเชียสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 และขอแถลงในนามของประชาชนชาวญี่ปุ่นเพื่อแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งต่อผู้ที่ได้รับผลจากการกระทำในอดีตของญี่ปุ่น


 


การเดินทางไปสักการะศาลเจ้าดังกล่าวทำให้ หลี่ จ้าวซิง รัฐมนตรีต่างประเทศจีนเรียกทูตญี่ปุ่นประจำกรุงปักกิ่งเข้าพบ เพื่อแสดงความไม่พอใจพร้อมเตือนว่า การดำเนินการใดๆ ที่เกี่ยวกับสงครามโลกครั้งที่ 2 จะมีผลกระทบความสัมพันธ์ 2 ชาติ นอกจากนี้ได้มีผู้ประท้วงชาวจีนประมาณ 30 คนไปชุมนุมพร้อมชูป้ายประท้วงต่อต้านการเยือนศาลเจ้าของโคอิซูมิ บริเวณด้านหน้าสถานทูตญี่ปุ่นในกรุงปักกิ่งก่อนสลายตัวในอีก 20 นาทีต่อมาโดยไม่มีเหตุรุนแรงเช่นปีก่อน


 


ส่วนในฮ่องกง มีผู้ประท้วงราว 50 คน เดินขบวนไปยังสถานกงสุลญี่ปุ่น มีการเผาธงญี่ปุ่น พร้อมยื่นจดหมายขอให้ยุติการเยือนศาลเจ้า  ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศสิงคโปร์เตือนว่า การเยือนศาลเจ้าของโคอิซูมิ จะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ในเอเชียตะวันออก


 


นอกจากนี้ กระทรวงการต่างประเทศเกาหลีใต้ยังได้ออกแถลงการณ์หนึ่งฉบับแจ้งว่าได้เรียกตัวเอกอัครราชทูตญี่ปุ่นประจำกรุงโซลไปประท้วง โดยระบุว่า เกาหลีใต้ ผิดหวัง และไม่พอใจอย่างยิ่ง พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้นำญี่ปุ่นยุติการทำลายความสัมพันธ์ฉันมิตร ระหว่างเกาหลีใต้ กับญี่ปุ่น ด้วยการเดินทางไปเยือนศาลเจ้าอีก


 


ทั้งนี้ นายบัน คี-มุน รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ ได้แถลงแก่ผู้สื่อข่าว ที่กรุงแคนเบอร์ร่า ประเทศออสเตรเลียว่า การกระทำเช่นนี้เป็นการไม่เคารพต่อรัฐบาลและประชาชนของเกาหลีใต้ โดยเฉพาะในวันฉลองเอกราช และวันสิ้นสุดสงครามโลก ครั้งที่ 2

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net