20 ส.ค. มีการเสวนา "บทบาทผู้หญิงกับการเมืองภาคประชาชน" เนื่องในโอกาสครบ 30 ปี เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 นาง
"ความจริงแล้วองค์ประกอบของผู้หญิงและผู้ชายจะเป็นสิ่งที่ช่วยสร้างดุลยภาพ ไม่มีอะไรที่ดีเพียงอย่างเดียว เพราะฉะนั้นถ้าผู้หญิงตระหนักถึงความสำคัญในความแตกต่างจากผู้ชายโดยเฉพาะในเรื่องวิธีคิดทางการเมืองจะช่วยสร้างดุลยภาพให้กับการเมืองการปกครอง รวมไปถึงการพัฒนาสังคม"
นางรสนา กล่าวว่า ผู้หญิงมีความอดทนสูง การเป็นแม่ทำให้ผู้หญิงสนใจชีวิต ความเป็นอยู่และครอบครัว จะเห็นว่าแม่จะให้ความสำคัญกับลูกที่มีความผิดปกติมากกว่าลูกที่ปกติ คุณลักษณะที่สำคัญนี้จะช่วยให้ผู้หญิงเข้าใจการเมือง ซึ่งเป็นสิ่งที่เกี่ยวพันกับชีวิตความเป็นอยู่ของสังคม สังคมในวิธีคิดของผู้ชายคิดว่าความเท่าเทียมกันคือความเท่าเทียมกันทางกฏหมาย แต่หากมีความคิดของคนที่เป็นแม่จะคิดแตกต่างออกไป โดยจะให้ความสำคัญกับคนที่อ่อนด้อยและเสียเปรียบในสังคม จะไม่ไปเอาเปรียบกับคนที่ด้อยกว่า
"ในระบบสังคมปัจจุบันถูกสอนให้คนให้ความสำคัญกับการเอาเปรียบ ถ้าใครอ่อนด้อยกว่าจะถูกมองเป็นคนโง่ต้องเอาเปรียบสังคม แบบนี้จะไม่มีทางทำให้เกิดความสมานฉันท์ที่แท้จริง หากสังคมที่เป็นภาพใหญ่มีทัศนะของความเป็นแม่โดยสนับสนุนคนที่ด้อยกว่าจะช่วยสร้างสังคมที่สมดุลขึ้นมาได้"
นางรสนา กล่าวว่า สังคมเราเวลานี้นักปกครองคิดแต่จีดีพี เราต้องการให้จีดีพีสูงขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยไม่สนใจว่าตัวเลขนั้นทำให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนจริง ๆ แค่ไหน จีดีพีมีประโยชน์อะไร จีดีพีเป็นแค่ตัวเลขหลอก ๆ สะท้อนแต่การกินดีอยู่ดีในสังคม ไม่สะท้อนการดูแลช่วยเหลือคนที่มีน้อย หรือคนที่ด้อยกว่าในสังคม จะได้รับการดูแลอย่างไรจากผู้บริหาร การพัฒนาของเราเหมือนเด็กออทิสติกคือเด็กออทิสติกบางคนคิดเป็นแต่ตัวเลข แต่ไม่สามารถมีความคิดเชื่อมโยงกับเรื่องอื่น ๆได้
นางรสนา กล่าวว่า เวลานี้สังคมเราเป็นสังคมออทิสติกที่สนใจแต่จีดีพี ไม่เคยสนใจการเฉลี่ยโภคทรัพย์ในสังคม สิ่งที่ผู้หญิงมีเป็นสิ่งที่ขาดหายไปจากความคิดของผู้ชาย สังคมที่ถูกครอบงำด้วยความคิดของผู้ชายจึงทำลายดุลยภาพและทำให้สังคมป่วยไข้ ถ้าเราต้องการให้มีผู้หญิงเข้ามามีสัดส่วนทางการเมืองมากขึ้น ผู้หญิงเหล่านั้นต้องเข้าใจคุณลักษณะทางการเมืองของตัวเองที่แตกต่างกันกับผู้ชายมากน้อยแค่ไหน และจะช่วยทำให้สังคมเกิดดุลยภาพได้มากน้อยแค่ไหน บทบาทของผู้หญิงในทางการเมืองคือการช่วยสร้างดุลยภาพให้กับการเมืองและสังคม วิธีนี้จะทำให้ผู้หญิงมีบทบาททางการเมืองได้มากขึ้น การเมืองภาคประชาชนเป็นการเมืองที่จะช่วยสร้างดุลยภาพให้กับการเมืองและสังคม
"ผู้หญิงที่จะมีบทบาททางการเมืองมากขึ้น ต้องให้เข้าถึงคุณลักษณ์ที่แท้จริงของตัวเอง และมีทัศนคติแบบผู้หญิงไม่ใช่ทำอะไรที่ไร้สาระ สังคมจะพัฒนาได้คือต้องให้สมาชิกของสังคมแต่ละคนช่วยพัฒนาความรู้ความสามารถของตัวเองตามที่ตัวเองมีความถนัด การมีนโยบายด้านผู้หญิงจะต้องคิดถึงนโยบายที่ส่งเสริมความแตกต่างในสังคม เป็นนโยบายให้คนแต่ละฝ่ายพัฒนาศักยภาพของตัวเอง ซึ่งจะทำให้บทบาทของผู้หญิงทางการเมืองมีความแตกต่างจากการเมืองของผู้ชาย"
ด้าน น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฏิรูปสื่อ (คปส.) กล่าวว่า บทบาททางการเมืองของผู้หญิงในปัจจุบันถูกกนำไปใช้ในการเป็นไม้ประดับพรรคการเมือง ซึ่งส่วนนี้ตัวนักการเมืองหญิงเองต้องพยายามก้าวข้ามพ้นไปด้วยการแสดงบทบาทและจุดยืน ไม่คล้อยตามกระแสหรือความคิดของผู้มีอำนาจที่ครอบงำอยู่ ผู้หญิงกับการเมืองในหลายรูปแบบ ทั้งการเป็นผู้อยู่เบื้องหลังผู้นำประเทศและการต่อสู้เพื่อประโยชน์
"ผู้หญิงมีคุณสมบัติของความอดทน ผู้หญิงที่ดื้อที่จะต่อสู้เพื่อประโยชน์ของสังคมอย่างคุณรสนา ก็เป็นการดื้อบนฐานของประโยชน์สังคมเป็นตัวตั้ง ถ้าผู้หญิงที่ดื้อเพื่อดึงดันให้สามีเดินหน้าต่อไป ความดื้อนี้ก็จะทำให้การเมืองมีปัญหาได้เช่นกัน ดังนั้น ผู้หญิงจึงมีพลังอำนาจระดับหนึ่งและขึ้นอยู่กับการใช้ว่าจะใช้อย่างไร" น.ส.สุภิญญา กล่าว
เลขาธิการ คปส. กล่าวอีกว่า การเปิดพื้นที่ให้ผู้หญิงที่อยู่ชายขอบขาดข้อมูลและเครื่องมือทางการศึกษาให้มีโอกาสแสดงความคิดเห็นจะช่วยทำให้ผู้หญิงมีความเข้มแข็ง และมีโอกาสเข้ามามีส่วนร่วม ในฐานะคนชั้นกลางคนหนึ่งความท้าทายที่จะทำให้ผู้หญิงกล้าออกมาจากรอบของสังคมมาทำงานภาคประชาชนได้จะต้องมองให้ทะลุกรอบความคิดที่ตัวเราเองและครอบครัวสร้างขึ้น เพราะสุดท้ายกรอบของความเป็นเมียและแม่จะจำกัดกรอบที่ผู้หญิงจากออกมาทำงานภาคประชาชน หากคลี่คลายจุดนี้ได้จะทำให้ผู้หญิงก้าวออกมามีบทบาทการเมืองมากขึ้น
ผศ.
อดีตแกนนำนักศึกษา 6 ตุลา กล่าวว่า จุดอ่อนของการเคลื่อนไหวภาคประชาชนของผู้หญิงคือการขาดการติดตามการประมวลผลตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและพรรคการเมือง ที่ผ่านมาไม่เคยมีพรรคการเมืองใดที่กำหนดนโยบายเกี่ยวกับสตรีที่ชัดเจน มีเพียงพรรคการเมืองเดียวคือพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ไม่เคยมีพรรคการเมืองอื่นเลยที่กำหนดนโยบายด้านสตรี การเคลื่อนไหวของสตรีทางการเมืองเกิดขึ้นเฉพาะช่วงก่อนการเลือกตั้ง พอหลังการเลือกตั้งทุกอย่างก็กลับเป็นเช่นเดิม
ดั้งนั้น จะเป็นประโยชน์อย่างยิ่งหากเราติดตามตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลและพรรคการเมืองในการกำหนดประเด็นของสตรีที่จะสะท้อนให้เห็นว่าสตรีได้รับการแก้ไขปัญหาหรือไม่ ซึ่งการติดตามตรงนี้คงเป็นหน้าที่ของสังคมและสื่อมวลชนที่จะช่วยกันตรวจสอบ
ที่มา : ผู้จัดการรายวัน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)