โดย วิทยากร บุญเรือง
0 0 0
เกริ่นนำ
การกระทำและการเลือกเล็กๆ สามารถจะส่งผลสำคัญต่อการกำหนดสิ่งที่จะตามมาได้ แม้จะไม่อาจคาดการณ์ได้ล่วงหน้าว่าสิ่งนั้นคืออะไร ในท่ามกลางความเป็นไปได้เหล่านั้น การทดลองนับพันๆ ครั้งและการเลือกนับล้านๆ ครั้งที่จะอยู่อย่างมีจิตสำนึกมากขึ้น จะเชื่อมผนึกเข้าเป็นอารยธรรมใหม่ซึ่งจะหล่อเลี้ยงชุมชน สร้างความเป็นไปได้ต่างๆ สำหรับการให้ความหมายและทำให้ชีวิตยั่งยืนสำหรับโลก
Sarah van Gelder
คงจะไม่มีปัญหาไหนที่จะหนักหน่วงไปกว่าการพยายามผูกขาดระบบเศรษฐกิจแบบตลาดของชนชั้นบนของสังคมในปัจจุบัน ที่ส่งผลถึงสภาพแวดล้อมของโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
ความพยายามดูดทรัพยากรไปให้คนส่วนหนึ่งเสวยสุข แต่คนส่วนมากกลับเข้าถึงเพียง "เศษ" ของทรัพยากรที่ค่อยๆ ร่อยหรอลงไปทุกวัน คงแต่จะสร้างช่องว่างระหว่างมนุษย์ด้วยกันเองให้ "ห่าง" ออกไปทุกที
ทั้งๆ ที่คำว่า "เสรีภาพ" และ "ประชาธิปไตย" หรือคำสวยงามอันอื่นๆ ที่ถูกใช้บรรยายถึงสภาพสังคมการเมืองโลกนี้ ค่อยๆ เบียดบังคำเก่าแก่คร่ำครึในสายตานักเสรีนิยม นั่นก็คือคำว่า "ชนชั้น" แต่ในความเป็นจริงแล้ว "ชนชั้นที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงทรัพยากรของโลกอย่างเพียงพอ" กำลังเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกวัน
ความโลภ, ความเลวร้ายของมนุษย์, ระบบตลาด, กลไกตลาด, หรือแม้แต่ระบบทุนนิยมเอง ถูกกล่าวหาจากทั้งฝ่ายซ้ายและฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลุดขอบ ว่าเป็นตัวการที่ทำให้โลกในปัจจุบันมัน "บูดเบี้ยว" อย่างที่เป็นอยู่
การโค่นรัฐทุนนิยมโดยการสถาปนารัฐที่มีระบบเศรษฐกิจแบบวางแผน มีสภาผู้บริโภค หรือ การเชื่อฟัง "เทพเจ้าแห่งการปกครอง" พยายามใช้ชีวิตให้มีความสุขภายใต้กรอบจำอันกัดจำเขี่ย โดยไม่ไปแตะโครงสร้างดั้งเดิมที่ฝ่ายปกครองเก่าแสนดีได้สร้างไว้ - - - ทั้งสองวิธีนี้คือวิธีการในฝัน อันแรกเป็นสังคมในฝันของฝ่ายซ้าย และอันที่สองคือสังคมในอุดมคติศัตรูของฝ่ายซ้ายเอง นั่นคือ "ฝ่ายอนุรักษ์นิยมหลุดขอบ"
แน่หล่ะ! ว่า 2 วิธีนั้นคือ ทางสองแพร่งที่คนในสังคมจำเป็นต้องเลือก และมันเป็นเรื่องของ "อนาคต" ที่สักวันสังคมจะต้องก้าวไปถึงจุดนั้น
ในบทความชิ้นนี้ ผู้เขียนขอนำเสนอการพยายามต่อสู้ของคนกลุ่มเล็กๆ กลุ่มหนึ่ง อันเป็นการต่อสู้ที่จะนำไปสู่ ระบบเศรษฐกิจที่เป็นธรรมและเท่าเทียม ซึ่งคงต้องขอปฏิเสธหนทางที่ 2 แต่จะขอ "เลี้ยวซ้าย" ไปยังจุดหมายแรก
แต่คงมิอาจที่จะถึงจุดหมายที่ได้วางไว้นั้นได้อย่างรวดเร็วนัก
เพราะเรากำลังอยู่ในช่วง "ลองผิด-ลองถูก" พยายามทดลองว่าจะ "เดิน" หรือ "วิ่ง" ไปสู่จุดหมายนั้น
0 0 0
ที่ใจกลางระบบทุนนิยม กำลังมีการขัดขืนอยู่!
บรรยากาศการตกแต่งร้าน ที่มาของภาพ http://www.rocny.org/FoodForThoughtGala.htm
ในช่วงคิมหันต์ฤดู ปี ค.ศ. 2005 ภัตตาคาร "COLORS" ได้เปิดทำการ ณ ใจกลาง Greenwich Village ในมหานคร
ด้วยการตกแต่งในสไตล์ที่สวยงามแบบ Bauhaus และ Deco"s Art* พร้อมสรรพกับเมนูอาหารหลากหลายรสชาติ จากทีมงานกว่า 22 ประเทศ "COLORS" จึงเป็นภัตตาคารที่มี "รสนิยม" และ "คุณภาพทางรสชาติ" ดังเช่นภัตตาคารชั้นนำทั่วไป แต่ "COLORS" มีอะไรมากกว่านั้น
* ร้านได้รับการออกแบบโดย Jim Walrod และสถาปนิก Dine Murphy Wood ซึ่งทั้งคู่ได้รับแรงบันดาลใจจากการเคลื่อนไหวของกลุ่ม Art Deco เมื่อทศวรรษที่ 1930's
ผู้ใช้บริการอุ่นหนาฝาคั่ง ที่มาของภาพ http://www.rocny.org/FoodForThoughtGala.htm
ภัตตาคารชั้นนำในมหานคร
"COLORS" ก้าวหน้าไปกว่านั้น โดยการนำนโยบาย "สหกรณ์ประชาธิปไตยคนงาน" (a democratic worker cooperative) มาใช้ในการจัดการบริหารภัตตาคาร
บริกร-เจ้าของร้าน ทำงานอย่างขยันขันแข็ง http://www.rocny.org/FoodForThoughtGala.htm
ภัตตาคารในมหานคร New York ขึ้นชื่อในเรื่องของการ "กดขี่" แรงงานต่างชาติ (immigrant labor) มาทุกยุคทุกสมัย จากการสำรวจ-ทำการศึกษาของ ROC-NY พบว่า มีภัตตาคารใน New York เพียง 20% เท่านั้นที่จ่ายค่าแรง 13.47เหรียญต่อชั่วโมง(หรือมากกว่านั้น) กว่า 90% ไม่มีสวัสดิการทางด้านสุขภาพ แรงงานต่างชาติผิวสีมักจะรับค่าแรงถูกๆ ด้วยการล้างจานอยู่หลังร้าน , เตรียมวัตถุดิบทำอาหาร หรือ ช่วยทำครัว และ 30% ถูกกระทำการเหยียดผิวด้วยวิธีการต่างๆ นานา นอกจากนั้น แรงงานที่เข้าเมืองผิดกฎหมาย ยังต้องถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา และได้รับค่าตอบแทนอันน้อยนิดเท่านั้น
แต่ ภัตตาคาร "COLORS" มีนโยบายการปฎิบัติต่อแรงงานต่างจากภัตตาคารเหล่านั้น !
พนักงานหลังร้านของ "COLORS" ได้รับค่าแรง 13.47 เหรียญต่อชั่วโมงทุกคนโดยไม่มีการแบ่งแยก ส่วนพนักงานส่วนหน้าร้านได้รับค่าแรงขั้นต่ำตามที่กฎหมายระบุไว้ พร้อมด้วยเงินค่าทิปซึ่งนำมาแบ่งเฉลี่ยกัน ผลกำไรของร้านถูกนำมาใช้สำหรับสวัสดิการทางด้านสุขภาพของพนักงาน, งบพักร้อน, รวมถึงเบี้ยบำนาญของพนักงาน
พ่อครัว-เจ้าของร้าน ที่มา http://www.rocny.org/FoodForThoughtGala.htm
และที่สำคัญที่สุดสำหรับ "COLORS" คือ พนักงานทุกคนเป็นเจ้าของ "COLORS" เองด้วย (worker-owner)
พนักงาน-เจ้าของร้าน
สำหรับระบบการจัดการในร้าน ไม่ว่าคุณ
Rosario เชื่อมั่นว่า กำไรทุกเม็ดหน่วยที่ "COLORS" สามารถผลิตได้ จะไม่ใช่เป็นตัวแบบอย่างธุรกิจที่มีการแข่งขันสูง ให้หน่วยธุรกิจอื่นๆ ทำตาม เพื่อหวังกำรี้กำไรมหาศาล และ "COLORS" เองคงจะทำธุรกิจแบบนี้โดยสร้างตัวเองไม่ให้ค่อยมีค่าตามหลักการจัดการห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chian) มากนัก เพราะ "COLORS" ทำธุรกิจบนพื้นฐาน การค้าขายที่มีความยุติธรรม (Fair Trade) สังคม,ลูกค้า,พนักงาน จะต้องได้ประโยชน์เท่าเทียมกัน และร่วมกัน ซึ่งต่างจากการทำธุรกิจแบบบรรษัทใหญ่ๆ ในกระแสที่พยายาม ผลักภาระต้นทุนให้แก่สังคม , สร้างลูกค้าอย่างบ้าเลือด , กดขี่แรงงานเพื่อลดต้นทุนให้ต่ำสุด - - - สิ่งเหล่านี้ "COLORS" มองข้าม และกำลังสร้างแบบอย่างทางเลือกใหม่ๆ ให้เห็น นั่นคือการทำธุรกิจที่เป็นธรรมนั่นเอง!
ภัตตาคาร "COLORS" อาจกำลังจะเป็นก้าวแรกของการจัดองค์กรแบบใหม่ ทั้งการเคลื่อนไหวของแรงงาน และ รูปแบบใหม่ของการดำเนินธุรกิจแบบ "ยุติธรรมและสร้างสรรค์" ในศตวรรษที่ 21 ก็เป็นได้.
บรรยากาศที่ Happy ทั้งลูกค้าและพนักงาน-เจ้าของร้าน
ที่มา http://www.rocny.org/FoodForThoughtGala.htm
000
ประกอบการเขียน - แหล่งข้อมูลแนะนำ
David C. Korten "The Post-Corporate Word : Life After Capitalism" Berrett-Koehler Publisher
John Lawrence "COLORS RestaurantA new democratic worker-cooperative challenges the industry" ใน นิตยสาร Dollars & Sense ฉบับประจำเดือน กรกฎาคม - สิงหาคม ค.ศ.2006