Skip to main content
sharethis

เรียบเรียงจาก บทบรรณาธิการเอฟทีเอวอทช์ (www.ftawatch.org)



ภายหลังจากที่คณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ได้กระทำรัฐประหารเมื่อคืนวันอังคารที่ 19 กันยายน ความรู้สึกของหลายคนก็อาจแตกต่างกันไป บางคนอาจจะดีใจสุดขีดที่กองทัพมาช่วยให้พ้นภาวะความอึดอัดทางการเมือง บ้างก็ดีใจที่ขับไล่ทักษิณและพวกออกไปได้ซะที เหนื่อยกับการตะโกน ท้ากกกกษิณ อออกกกก ไปปปปปป.... แล้ว

บ้างก็โล่งใจที่เรื่องราวไม่จบลงด้วยการนองเลือด บ้างก็รับสภาพกับรัฐประหารเพราะดูเหมือนว่าจะเป็นทางเลือกท้ายสุดที่จำต้องเลือก บ้างก็แค้นใจสุดขีดที่ประชาธิปไตยถูกฉีก บ้างก็ไม่พอใจที่สังคมตกเป็นเครื่องมือของกลุ่มอำนาจเก่าฟาดฟันกับกลุ่มทุนใหม่ บ้างก็ทำใจว่าเป็นชะตาฟ้ากำหนด และในบรรดาหลายความรู้สึกที่ยกมาก็ยังมีรายละเอียดปลีกย่อยแตกต่างกันไปอีกมากมาย

อย่างไรก็ตามเชื่อว่า หลายคนอยู่ในภาวะที่... อยากจะดีใจก็ดีใจไม่ลงจะเสียใจหรือก็ไม่ขนาดนั้น มันเป็นความรู้สึกที่ "อิหลักอิเหลื่อ" สิ้นดี ซึ่งหากเกิดภาวะเช่นนี้ทางออกที่พอทำได้เพื่อให้เกิดความรู้สึกที่ดีขึ้นก็ต้องจัดการ "ความจริง" อ้างความจำเป็นนานัปการ หรือจะยอมเสียดแทงความรู้สึกตัวเองต่อไปด้วยการยอมรับความจริงกันอย่างตรงไปตรงมา

ไม่แน่ใจตัวเองเหมือนกันว่า กำลังจัดการ "ความจริง" หรือยอมรับความจริง เพราะหลังจากคิดไปคิดมาหลายตลบก็บอกตัวเองว่า ยอมรับซะเถอะ ตั้งแต่ไหนแต่ไรมา สังคมไทยไม่เคยเป็นสังคมประชาธิปไตยที่แท้จริง ไม่ใช่ most advance democratic country ที่สุดในภูมิภาคตามที่เราเคยภาคภูมิใจ สังคมไทยไม่ได้มีวุฒิภาวะมากพอที่จะใช้การจัดการปัญหาแบบประชาธิปไตย สังคมไม่อดทนมากพอที่จะรอให้กลไกประชาธิปไตยได้จัดการกับปัญหา แต่เราชอบและมักเลือกทางลัดมาจัดการกับปัญหา และเราก็ชอบหวังพึ่งอะไรต่อมิอะไร หรือใครต่อใครมาช่วยแก้ปัญหา โดยที่ไม่เคยเชื่อมั่นว่าประชาชนมีพลังอำนาจในการแก้ปัญหาด้วยตัวเอง เพราะว่าวิธีการแบบนั้นมันนานเกินไป เกินขีดความอดทนของสังคมไทย

และก็เชื่อได้เลยว่า ไม่ว่าเราจะพยายามออกแบบกลไกประชาธิปไตยให้เลิศหรูขนาดไหน ในอนาคต หรือ อีกสัก 15 ปีข้างหน้า ก็จะมีเสียงเรียกหากลไก "สะดวกซื้อ" มาจัดการกับปัญหาต่างๆอีกเช่นเคย เพราะสังคมไทยชอบหา "คนทำแทน" แต่ไม่อยากลงมือทำเอง หรือว่า สังคมไทยต้องการเช่นนั้นจริงๆ เพราะเราเชื่ออย่างสุดจิตสุดใจว่า "กรุงศรีอยุธยาไม่สิ้นคนดี" จะต้องมีฮีโร่ขี่ม้าขาวมาช่วยเราทุกครั้งที่เราต้องการ ไม่ต้องสร้างระบบกลไกใดๆ ไม่ต้องพัฒนาคนในสังคมให้เท่าทัน ขอเพียงมีปัญหา Delivery Call 0000
ก็จะมาเสริฟในทันที

ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงก็ถือว่า น่าเศร้ามากๆ เพราะนั่นหมายความว่า การโค่น "ทักษิณและพวก" เป็นการโค่นแค่ "ทักษิณและพวก" จริงๆ แต่ปัญหานานัปประการที่เป็นรากฐานให้ "ทักษิณและพวก" และ "พวกอื่นๆ" ปีนป่ายเสวยสุขมาตลอดนั้น ยังจะคงอยู่...



การกำหนดนโยบายเพื่อชนชั้นนำของสังคมอย่างไร้ความโปร่งใส ขาดการมีส่วนร่วมของประชาชน ความไม่เท่าเทียมกันของสังคม การละเมิดสิทธิมนุษยชน สิทธิชุมชน การแย่งชิงทรัพยากร ระบบการศึกษาที่ย่ำแย่ กลไกระบบราชการที่มีไว้เพื่อเอื้อผู้มีอำนาจมากกว่าเพื่อทำประโยชน์ให้แก่ประชาชนอย่างแท้จริง ระบบกฎหมายที่ตอกย้ำความเหลื่อมล้ำ เทคโนแครตที่ปราศจากสำนึกรับผิดชอบต่อสังคมเพราะถูกระบบหล่อหลอมมาให้คิดเช่นนั้น ต่อให้อีก 108 (ร้อยแปด) 1009 (พันเก้า) ฮีโร่ก็ต้องตายตอนจบ ขณะที่วิกฤตสังคมยังคงอยู่

ดังนั้น ภารกิจข้างหน้าที่สังคมจะต้องร่วมกันทำต่อไป ไม่ใช่การชื่นชมคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเท่านั้น แต่ต้องมีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในการปฏิรูปสังคมและการเมืองอย่างถึงราก เพื่อขจัดปัญหาต่างๆ อย่างถึงแก่น ติดตาม ตรวจสอบ และมีข้อเสนอแนะอย่างจริงจัง

คำสรรเสริญเยินยอไม่มีค่าพอที่จะแก้ปัญหาสังคมได้ แต่การวิพากษ์วิจารณ์อย่างมีสติ และมีส่วนร่วมอย่างมุ่งมั่นต่างหากคือคำตอบ


หมดเวลาแล้ว สำหรับวิธี "สะดวกซื้อ" หรือ ไว้วานคนอื่นมาทำแทน ถึงเวลาประชาชนต้องลงมือทำด้วยตัวเอง…

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net