การพูดคุยกับแกนนำก่อความไม่สงบในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ตามที่ พล.อ.
เชื่อว่า การสานต่อดำเนินการได้ไม่ยากนัก ด้วยเหตุที่ฝ่ายรัฐได้สร้างต้นทุนจากการพูดคุยกับแกนนำในพื้นที่มาระยะหนึ่งแล้ว ซึ่งคงจำกันได้ว่า เมื่อวันที่ 16 กันยายน 2549 มีการจัดโครงการสันติ จังหวัดชายแดนภาคใต้ การชุมนุมของประชาชนผู้ต้องการเข้าร่วมแก้ไขปัญหาโดยสันติ ที่มัสยิดกลางจังหวัดยะลา ครั้งนั้นมีผู้เข้าร่วมกว่า 3,000 คน
ในจำนวนนี้มี 30 - 40 คน ที่พล.ท.
พล.ท.
"เรื่องการพูดคุยกับแกนนำ เป็นที่รับทราบของ พล.อ.สุรยุทธ์ มาตลอด เพราะเราได้นำเรียนท่านด้วย ตั้งแต่ท่านทำโครงการสานใจไทยสู่ใจใต้ ในฐานะเป็นผู้ใหญ่ที่ควรเคารพนับถือ ถ้าท่านมีคำแนะนำอะไรมาเราก็รับ
เพราะฉะนั้น ผมเชื่อว่า เชื่อว่ารัฐบาลใหม่ต้องดำเนินการต่อแน่นอน แต่ตอนนี้ต้องรอดูก่อนว่า รัฐบาลใหม่จะเดินต่อไปอย่างไร เพราะมีหลายคนที่เป็นรัฐมนตรีคนใหม่ ถูกตั้งเพื่อแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ไม่ว่า ท่านอารีย์ วงศ์อารยะ รัฐมนตรีมหาดไทย หรือแม้แต่ท่านบัญญัติ จันเสนะ รัฐมนตรีช่วยฯ ก็มีประสบการณ์ทางภาคใต้มาก"
พล.ท.สมหมายบอกด้วยว่า คาดว่ารัฐบาลใหม่จะมีการปรับโครงสร้างการบริหารและการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ใหม่ตามที่นายอารีย์กล่าวไว้ อาจจะคล้ายศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. เดิม หรือจะเป็นอะไรก็แล้วแต่
แต่ในส่วนของกองทัพเอง พล.อ.สนธิ ก็ยังเป็นประธานคณะกรรมการบริหารจัดการในพื้นที่ตามนโยบายและยุทธศาสตร์เสริมสร้างสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ กบชต. อยู่ ก็เชื่อว่าการทำงานจะมีความเป็นเอกภาพมากขึ้น
พล.สมหมาย บอกด้วยว่า หลังจากจัดโครงการสันติจังหวัดชายแดนภาคใต้ฯ ก็ยังไม่มีการต่อยอดอะไร เนื่องจากเกิดการปฏิรูปการเมืองขึ้นและขณะนี้กำลังรอนโยบายจากรัฐบาลใหม่ ตนจึงปรึกษากับแกนนำในพื้นที่ว่า อาจจะต้องไปอีกซักระยะ จนถึงเดือนพฤศจิกายนจึงจะดำเนินการต่อไปได้
"ช่วงนี้เราก็ทำได้เพียงรักษาความสัมพันธ์กับเขาเท่านั้น ที่ผ่านมา เราไม่ได้เจรจาเลย มีแต่เป็นการพูดคุยกันอย่างเปิดใจ ใครมีปัญหาอะไรก็บอกมา เราก็จะประสานงานให้มีการแก้ปัญหาให้"
ส่วนกรณีที่มีข้อเสนอที่ให้ใช้ 3 ขั้นตอนในการเจรจา คือ 1.เปิดโอกาสให้แกนนำก่อความไม่สงบได้มาพูดคุย 2.ควานหากลุ่มผู้ก่อความไม่สงบในพื้นที่ และ 3.พิสูจน์ทราบว่ากลุ่มก่อความไม่สงบที่มาพูดคุยกับตัวแทนฝ่ายรัฐนั้นเป็นตัวจริง และจะต้องรับข้อเสนอของฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐ ที่ให้ยุติความรุนแรงทุกรูปแบบเป็นเวลา 14 วัน นั้น พล.ท.สมหมายบอกว่า นั่นเป็นข้อเสนอของแม่ทัพภาคที่ 4 แต่ พล.ท.สมหมาย ก็ไม่ได้ยืนยันว่านั่นคือการเตรียมการเมื่อเข้าสู่ขั้นตอนการตั้งโต๊ะเจรจาจริงๆ
แต่หากถึงขั้นตั้งโต๊ะเจรจา ฝ่ายไทยก็คงไม่ต้องเหนื่อยในการหาคนกลาง ในเมื่อนายมหาธีร์เองก็ได้รับบทบาทนี้ไปก่อนหน้านี้แล้ว ในการพูดคุยกันที่เกาะลังกาวี ประเทศมาเลเซีย ขณะที่นายมหาธีร์ ก็ยืนยันว่า เต็มใจอย่างมากด้วยที่จะทำให้เกิดสันติสุขขึ้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้ของไทย
พร้อมกันนั้น เขายังได้เสนอด้วยว่า ควรตั้งหน่วยงานพิเศษขึ้นในพื้นที่ เพื่อเป็นสถานีร้องเรียนปัญหาของชาวมุสลิม ขณะเดียวกันชาวมุสลิมก็ต้องเคารพกฎหมายของรัฐบาลไทยด้วย
แล้วการเจรจาจะยุติความรุนแรงได้หรือไม่ ภายใต้รัฐบาลชุดปฏิวัติต้องติดตามอย่างกระชั้นชิด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)