ถอนฟ้องถ้วนหน้าเพื่อ "ความสมานฉันท์" 92 ผู้ต้องหาคดีตากใบ-สนธิ-คมชัดลึก-พันธมิตรฯ

4 พ.ย. 2549 เมื่อวันที่ 3 พ.ย. นายอรรพล ใหญ่สว่าง ผู้ตรวจราชการสำนักงานอัยการสูงสุด และโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด แถลงว่า อัยการสูงสุดมีคำสั่งให้อธิบดีอัยการเขต 9 ดำเนินการยื่นคำร้อง ขอถอนฟ้องจำเลย 58 คน ต่อศาลจังหวัดนราธิวาส และศาลจังหวัดปัตตานี ในคดีที่จำเลยซึ่งเป็นประชาชนจาก 2 จังหวัดและจังหวัดใกล้เคียง ร่วมกันชุมนุมประท้วง เรียกร้องต่อตำรวจสภ.อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ให้ปล่อยตัวผู้ต้องหา 6 คนที่ถูกจับกุม ในข้อหาแจ้งความเท็จ และยักยอก
 
แต่เหตุการณ์ประท้วงบานปลาย มีการใช้ความรุนแรง พล.ท.ไพศาล วัฒนวงศ์คีรี แม่ทัพภาคที่ 4 ในขณะนั้น จึงสลายการชุมนุม และควบคุมตัวผู้ชุมนุมไว้ได้ 1,200 คน จากนั้นนำไปควบคุมตัวไว้ที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร จ.ปัตตานี ต่อมามีการดำเนินคดี ผู้ชุมนุม เป็นผู้ต้องหาที่อัยการจังหวัดนราธิวาส และอัยการจังหวัดปัตตานี ยื่นฟ้องต่อศาลรวม 92 คน ฐานร่วมกันข่มขืนใจ เจ้าพนักงาน และร่วมกันต่อสู้ขัดขวางเจ้าพนักงาน โดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยมีอาวุธ
         
ก่อนหน้านี้ อัยการสูงสุด ได้ตั้งคณะทำงานศึกษาติดตามคดี จนมีมติว่า สมควรถอนฟ้อง คดีตากใบ เพราะพบว่า มีจำเลยบางคน ที่ศาลตัดสินลงโทษ และรอการลงโทษไว้ แต่ไม่ได้ทำให้สถานการณ์ความรุนแรงในพื้นที่ลดลง กลับเพิ่มความรุนแรงมากขึ้น อัยการสูงสุดเคยคิดว่า ไม่ควรดำเนินคดีต่อไป เพราะไม่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ และคดีมีพยานจำนวนมาก ใช้เวลาสืบพยานอีกนาน แต่ก็ยังไม่แน่ใจว่า การยุติคดีด้วยการถอนฟ้อง จะทำให้สถานการณ์ในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้นหรือไม่ เพราะขณะนั้นเกิดปัญหาการเมือง ประกอบกับยังไม่มีผู้ใดรับรองว่า วิธีดังกล่าว จะทำให้สถานการณ์ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ดีขึ้น จึงยังไม่มีคำสั่งถอนฟ้อง
         
ต่อมา รัฐบาลปัจจุบัน โดยพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ นายกรัฐมนตรี และฝ่ายทหารมีคำรับรอง และความเห็นว่า สมควรถอนฟ้อง อัยการสูงสุดจึงอาศัยอำนาจตามระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด และกฏหมายอาญา มีคำสั่ง ให้อธิบดีอัยการเขต 9 อัยการจังหวัดนราธิวาส และอัยการจังหวัดปัตตานีถอนฟ้องจำเลย 56 คน สั่งไม่ฟ้อง 26 คน ซึ่งมีผู้ต้องหาที่ยังจับกุมตัวไม่ได้รวมอยู่ด้วย รวมทั้ง งดดำเนินคดี 2 ราย แต่คำสั่งถอนฟ้องจะไม่มีผลต่อจำเลยที่รับสารภาพ เนื่องจากถูกศาลตัดสินรอการลงโทษไปแล้ว 8 คน
 
โดยอัยการจะยื่นคำร้องขอถอนฟ้องคดีดังกล่าวต่อศาลจังหวัดนราธิวาส และศาลจังหวัดปัตตานี ในวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.นี้
 
ถอนฟ้องสนธิ -บก.คมชัดลึก หมิ่นเบื้องสูง
นายอรรคพล ใหญ่สว่าง แถลงอีกว่า ตามที่อัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 8 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และนายเฉลียว คงตุก บรรณาธิการผู้พิมพ์ผู้โฆษณาหนังสือพิมพ์ คม ชัด ลึก เป็นจำเลยที่ 1-2 ในความผิดฐานร่วมกันดูหมิ่นพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112, ความผิดตาม พ.ร.บ.การพิมพ์ พ.ศ.2484 มาตรา 4 และ 48 และคำสั่งคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ฉบับที่ 41 ลงวันที่ 21 ต.ค.19 ข้อ 1 ต่อศาลอาญาไปเมื่อวันที่ 19 ต.ค.ที่ผ่านมา และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาล
 
โดยภายหลังคณะทำงานอัยการพิจารณาแล้ว มีความเห็นว่า การดำเนินคดีต่อไป อาจมีประชาชนบางฝ่ายเห็นด้วย และบางฝ่ายอาจไม่เห็นด้วย อาจก่อให้เกิดความแตกแยกในหมู่ประชาชน โดยทั่วไป ซึ่งอาจถึงขั้นรุนแรงได้ อาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อย และมีผลกระทบต่อความปลอดภัยต่อความมั่นคงของชาติได้ ประกอบกับสถานการณ์ และภาวะบ้านเมืองในขณะนี้ ต้องการให้ประชาชนทุกหมู่เหล่าสมานฉันท์ เพื่อให้เศรษฐกิจที่หยุดชะงักที่ผ่านมา ได้ขับเคลื่อนต่อไปได้โดยเร็ว และเพื่อให้สถานการณ์การเมืองที่ตึงเครียด คลี่คลายไปในทางที่ดี ซึ่งตรงกับเจตจำนงของรัฐบาล ที่ต้องการความสมานฉันท์ ปรองดอง ของประชาชน ทุกหมู่เหล่า จึงมีความเห็นว่า การดำเนินคดี กับ นายสนธิ และนายเฉลียว ในคดีดังกล่าว จะไม่เกิดประโยชน์ต่อสาธารณะ
         
ดังนั้น นายพชร ยุติธรรมดำรง อัยการสูงสุด พิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อประโยชน์ของสังคม และเพื่อให้สถานการณ์บ้านเมือง กลับเข้าสู่ภาวะปกติ จึงอาศัยอำนาจตาม พ.ร.บ.พนักงานอัยการ พ.ศ.2498 มาตรา 12 ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา ม.16 และระเบียบสำนักงานอัยการสูงสุด ว่าด้วยการดำเนินคดีอาญา ของพนักงานอัยการ พ.ศ 2457 ข้อ 78 และ 128 จึงมีคำสั่งให้ถอนฟ้อง นายสนธิ และนายเฉลียว ในคดีดังกล่าว โดยอัยการจะยื่นขออนุญาตต่อศาลอาญา เพื่อถอนฟ้องคดีในวันจันทร์ที่ 6 พ.ย.นี้
        
ถอนฟ้องสนธิ-แนวร่วมพันธมิตร คดีชุมนุมไล่ทักษิณ
นายอรรคพล กล่าวต่อไปว่า ในส่วนคดีที่ นายสนธิ และพวก ถูกดำเนินคดีกรณีชุมนุมขับไล่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของอัยการและยังไม่มีความเห็นสั่งคดีพนักงานอัยการก็จะดำเนินการไปในทิศทางเดียวกัน คือ สั่งไม่ฟ้องคดีต่อไป
         
สำหรับคดีที่พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ รอง ผบช.น.ในขณะนั้น อาสาเป็นผู้เสียหายแจ้งความดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย นายสนธิ ลิ้มทองกุล นายสมศักดิ์ โกศัยสุข พล.ต.จำลอง ศรีเมือง นายพิภพ ธงไชย และนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ 5 แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นผู้ต้องหาชุดแรก
         
ต่อมาได้มีความพยายามที่จะดำเนินคดีกับแนวรวมพันธมิตรฯต่ออีก ประกอบด้วย นายวุฒิพงษ์ เพรียบจริยวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการสถาบันสหสวรรษ นายสำราญ รอดเพชร โฆษกเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ซึ่งขณะนี้ เป็นดำรงตำแหน่งสภานิติบัญญัติแห่งชาติ นายเจิมศักดิ์ ปิ่นทอง อดีต ส.ว.กทม.เป็นผู้ต้องหาชุดที่ 2 และ 3
 
โดยพนักงานสอบสวนมีความเห็นสั่งฟ้อง รวม 5 ข้อหา ประกอบด้วย ร่วมกันกระทำให้ปรากฏแก่ประชาชนด้วยวาจา หรือติชมโดยสุจริตเพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐบาลโดยใช้กำลังข่มขืนใจ เพื่อทำให้เกิดความปั่นป่วน หรือกระด้างกระเดื่องในหมู่ประชาชนถึงขนาดที่จะก่อความไม่สงบในราชอาณาจักร หรือเพื่อให้ประชาชนล่วงละเมิดกฎหมายแผ่นดิน, มั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไปโดยกำลังประทุษร้าย หรือกระทำการอย่างหนึ่งอย่างใดให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกแล้วไม่เลิก โดยเป็นหัวหน้าสั่งการ, ร่วมกันเดินแถวเดินเป็นขบวนแห่ หรือเป็นขบวนใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจร โดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงานจราจร, ร่วมกันวาง ตั้ง ยื่น หรือแขวน สิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือกระทำโดยประการใดๆ ในลักษณะที่เป็นการกีดขวางการจราจรโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าหน้าที่จราจร และร่วมการตั้งวางสิ่งใดบนถนนหรือในที่สาธารณะโดยไม่ได้รับการอนุญาตจากเจ้าพนักงาน
 
ซึ่งสำนวนคดีทั้งหมด อัยการได้มีการรวมสำนวนเป็นคดีเดียวกัน และมีกำหนดนัดฟังคำสั่งคดีในวันที่ 14 พ.ย.นี้ เวลา 10.00 น.จนกระทั่งอัยการสูงสุด ได้มีความเห็นว่าสั่งไม่ฟ้องคดีดังกล่าว เช่นกัน
         
อย่างไรก็ตาม นอกจากนั้น พล.ต.ต.ชัชวาลย์ สุขสมจิตร์ ยังได้แจ้งความดำเนินคดีกับ แนวร่วมพันธมิตรฯ ซึ่งประกอบด้วย นายสุริยะใส กตะศิลา นายการุณ ใสงาม นางสาวรสนา โตสิตระกูล นายเพียร ยงหนู นายสุวิทย์ วัดหนู นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ นายอวยชัย วะทา และ นายศิริชัย ไม้งาม ในข้อหาเดียวกัน แต่ผู้ถูกกล่าวหาทั้งหมด ยึดอารยะขัดขืน ไม่ขอเข้ามอบตัว และขอปฏิเสธคดี โดยหลังจากพนักงานสอบสวน ยื่นขออนุมัติหมายจับจากศาล ศาลไม่อนุมัติ และขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวนของกองปราบปราม
 
...........
ที่มา: เว็บไซต์ผู้จัดการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
ข่าวรอบวัน
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท