พงษ์พันธุ์ ชุ่มใจ รายงาน |
นาย
แถลงถึงความสำเร็จของการเจรจาข้อตกลงสันติภาพกับกลุ่มกบฎลัทธิเหมา
ที่รัฐสภาในกรุงกาฏมาณฑุ ประเทศเนปาลเมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2549
(ที่มาของภาพ : AP Photo/Binod Joshi)
กาฏมาณฑุ - เนปาลเข้าสู่โฉมหน้าใหม่ หลังจากนาย
นายกรัฐมนตรีกล่าว "ชัยชนะของชาวเนปาลทุกคน"
"แม้สุขภาพของข้าพเจ้าจะไม่ค่อยอำนวยนัก แต่ข้าพเจ้าได้ลองเสี่ยงดวงด้วยการนำพาเหล่าพลพรรคลัทธิเหมาเข้าสู่การเมืองกระแสหลัก" นายกัวราลาวัย 85 ปีกล่าวเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 9 พ.ย. ผ่านมา
"ข้าพเจ้าประสบความสำเร็จด้วยข้อตกลงประวัติศาสตร์นี้" นายกัวราลากล่าว โดยตัวเขาต้องนั่งและแขม่วท้องเพื่อหายใจอยู่ตลอดเวลาและขณะที่เขากล่าวสุนทรพจน์เป็นเวลา 10 นาทีต่อรัฐสภา
นายกรัฐมนตรีผู้สูงวัยเรียกสนธิสัญญานี้ว่า "เป็นชัยชนะของชาวเนปาลทุกคน" และ "นี่คือหินถมทางก้อนแรกๆ สำหรับการปฏิวัติเนปาลยุคใหม่"
นายกัวราลาผู้นี้เป็นนับเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ทำให้เกิดการเจรจาสันติภาพและนำมาสู่การลงนามในสัญญาโดยเขากล่าวว่า "ข้าพเจ้าสนับสนุนให้ชาวพรรคลัทธิเหมาเคารพในถ้อยความและน้ำใจในข้อตกลงสันติภาพนี้ ขอให้ชาวพรรคลัทธิเหมาสร้างบรรยากาศที่ปราศจากความเกรงกลัวใดๆ"
คนขายหนังสือพิมพ์ชาวเนปาลชูหนังสือพิมพ์หิมาลายันซึ่งพาดหัวว่า "สันติภาพในที่สุด"
ทั้งนี้คาดว่ากระบวนการสันติภาพจะเกิดขึ้นหลังฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายลัทธิเหมา
บรรลุข้อตกลงร่วมกันเมื่อวันพุธที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมา
(ที่มาของภาพ : AFP/Devendra M Singh)
ตั้งสมัชชาเฉพาะกาลหลังข้อตกลงมีผลบังคับใช้
นาย
ในส่วนของโครงสร้างอำนาจรัฐของฝ่ายกบฏซึ่งกินพื้นที่ยึดครองเป็นบริเวณกว้างในเนปาลจะสลายตัวลง ภายหลังจากธรรมนูญชั่วคราวจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 26 พฤศจิกายน นายก
ภายใต้ข้อตกลงสันติภาพ พรรคคองเกรสเนปาล (the Nepali Congress party) พรรคการเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศจะได้รับ 75 ที่นั่งจาก 330 ที่นั่งในสมัชชาเฉพาะกาล ด้านพรรคคอมมิวนิสต์แห่งเนปาล (มาร์กซิสต์-เลนินนิสต์) พรรคการเมืองอันดับ 2 และกบฏลัทธิเหมาจะได้รับโควตาพรรคละ 73 ที่นั่ง
ส่วนที่นั่งในสมัชชาเฉพาะกาลที่เหลือ ได้รับการจัดสรรให้ 5 พรรคการเมืองต่างๆ ที่เป็นอดีตพรรครัฐบาลผสม
ปลดอาวุธทั้งสองฝ่ายให้ยูเอ็นควบคุม
นายสิตัวลา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยยังกล่าวอีกด้วยว่ากองทัพของฝ่ายกบฏลัทธิเหมา ซึ่งยึดครองพื้นที่ในชนบทจองเนปาล เห็นชอบที่จะให้คณะตรวจสอบของสหประชาชาติควบคุมภายในสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้
โดยการปลดอาวุธอยู่ในกระบวนการสันติภาพนี้ด้วย
"กำลังอาวุธของฝ่ายลัทธิเหมาและฝ่ายกองทัพเนปาลซึ่งมีปริมาณใกล้เคียงกันจะถูกควบคุมเช่นกัน" นายสิตัวลากล่าว
โดยฝ่ายกบฏเห็นชอบที่จะปลดอาวุธของพวกเขาให้อยู่ภายใต้คณะควบคุมของสหประชาชาติ รื้อถอนโครงสร้างการบริหารของฝ่ายกบฏที่เขาสร้างขึ้นในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏทั่วเนปาล และจะเข้าร่วมกับรัฐบาลผสมในวันที่ 1 ธันวาคม
โดยผู้แทนของเลขาธิการทั่วไปแห่งองค์การสหประชาชาติ จะเข้ามามีบทบาทในกระบวนการสันติภาพนี้
"เช้าวันพฤหัสบดีนี้ (9 พ.ย.) เราได้พบกับประธานประจันดา (Prachanda - ผู้นำกบฏลัทธิเหมา) และรองผู้บัญชาการกองทัพปลดแอกประชาชน (People"s Liberation Army - PLA) และเริ่มคุยกับพวกเขาถึงทิศทางต่อไปของที่ตั้งทางทหารและการเก็บรักษาอาวุธ" นายเอียน มาร์ติน (Ian Martin) ผู้แทนกระบวนการสันติภาพของนายโคฟี่ อันนันกล่าว
ภายใต้ข้อตกลงสันติภาพนี้, กองทัพเนปาลกว่า 90,000 นายจะจำกัดอยู่แต่ในที่ตั้ง และมอบอาวุธบางส่วนให้สหประชาชาติดูแล
องค์การสหประชาชาติได้รับเชิญจากทั้ง 2 ฝ่ายให้เข้ามาตรวจตราอาวุธยุทโธปกรณ์ของฝ่ายกบฏและรัฐบาล โดยทั้ง 2 ฝ่ายสมัครใจเองไม่ได้ถูกบังคับแต่อย่างใด นายมาร์ตินกล่าวแก่ผู้สื่อข่าว
"ซึ่งถ้ามีรายงานหรือข้อผิดปกติใดๆ ว่ากำลังอาวุธของพวกเขาหายไปอยู่ที่อื่น ก็เป็นความรับผิดชอบของสหประชาชาติที่จะสอบสวนทั้งรัฐบาลและฝ่ายกบฏ" นายมาร์ตินกล่าว
"ข้อพิจารณาของเราคือทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อกระบวนการสันติภาพนี้ ด้วยการทำให้แน่ใจว่านานาประเทศรับทราบข้อตกลงทั้งหลายนี้แล้ว"
ผลการเจรจาที่น่ายินดีนี้ ได้ยุติการกบฏนองเลือดซึ่งดำเนินมาเป็นเวลากว่า 10 ปี มีผู้เสียชีวิตที่ยืนยันได้กว่า 12,500 ราย และทำให้บรรยากาศในเนปาลผ่อนคลายลงไปในทางที่ดี
นาย
สหรัฐยังแทงกั๊กถอนชื่อกบฏเหมาออกจากบัญชี "ก่อการร้าย"
โฆษกกิจการระหว่างประเทศสหรัฐอเมริกา นาง
ทั้งนี้ ครั้งนี้เป็นความพยายามในครั้งที่สามแล้วที่ทั้ง 2 ฝ่ายที่จะสร้างข้อตกลงสันติภาพ โดยการเจรจาก่อนหน้านี้เกิดขึ้นในปี 2001 และ 2003 ซึ่งผลการเจรจาล้มเหลวและนำเนปาลล่วงเข้าสู่วิกฤตการณ์
อย่างไรก็ตามกระบวนการสันติภาพ ถูกหยิบยกขึ้นมาหารือทันทีเมื่อรัฐบาลผสมจากหลายพรรคการเมืองขึ้นสู่อำนาจหลังการชุมนุมเรียกร้องให้กษัตริย์คเยนทราสละอำนาจการปกครองโดยตรงในเดือนเมษายน และหลังจากการประกาศหยุดยิงจากทั้ง 2 ฝ่าย
ผู้นำกบฏลัทธิเหมาสหายประจันดา (ซ้าย) ซึ่งในช่วงปฏิวัติเขาอยู่ในฐานที่มั่นกลางป่าอย่างเงียบๆ
บัดนี้เข้าสู่การจับจ้องของ "สปอตไลท์" ในวงการเมืองเนปาล
(ที่มาของภาพ AFP/Devendra M. Sing)
กบฏเหมาเผยมี "วิสัยทัศน์ใหม่" สำหรับเนปาล
ด้านนายประจันดา ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) หรือ Communist Party of Nepal (Maoists) หรือที่รู้จักในนามกลุ่มกบฏลัทธิเหมาบอกแก่ผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธที่ผ่านมาว่าพวกเขามี "วิสัยทัศน์ใหม่" สำหรับเนปาล
"ประสบการณ์ของพวกเรา แสดงให้เห็นว่าพวกเราไม่สามารถบรรลุเป้าประสงค์ได้ด้วยเพียงวิถีการปฏิวัติด้วยอาวุธ, ดังนั้นพวกเราจึงเลือกวิถีการเจรจาและผูกพันธมิตรกับพรรคการเมือง" เขากล่าว
นายกรัฐมนตรีเนปาลยังกังวลขั้นตอนเจรจาสันติภาพ
และนายกรัฐมนตรีกัวราลายังเตือนว่า "ยังมีแรงปฏิกิริยาบางส่วนพยายามที่จะวางอุบายในการเจรจาสันติภาพ"
เขาไม่ได้ระบุว่าหมายถึงใคร แต่จากบริบทสื่อมวลชนทั้งในและนอกเนปาลคาดว่าน่าจะหมายถึงกษัตริย์คเยนทรา (King Gyanendra) ผู้ทรงถูกบีบให้สละพระราชอำนาจสมบูรณาญาสิทธิ์ หลังการประท้วงของมวลชนตามท้องถนนในเดือนเมษายน
อย่างไรก็ตาม ประจันดาดูจะไม่พอใจอย่างยิ่งหากจะมีความพยายามในการฟื้นฟูพระราชอำนาจของกษัตริย์ โดยเขากล่าวว่ากบฏลัทธิเหมา "จะเคารพมติของประชาชนแต่ไม่ยอมรับสถาบันกษัตริย์"
"ถ้ามีพระราชพิธีสำหรับสถาบันกษัตริย์เกิดขึ้น เราจะกลับหามวลชนของเราอีกครั้งและบอกพวกเขาว่าเราผิดพลาด สำหรับเนปาลแล้วไม่มีที่ทางสำหรับสถาบันกษัตริย์อีก" ประจันดา ผู้นำฝ่ายกบฏเตือน
สถานภาพของสถาบันกษัตริย์จะถูกตัดสินหลังมีสภาการร่างรัฐธรรมนูญ
ภายใต้สนธิข้อตกลงสันติภาพนี้ ชะตากรรมของระบอบกษัตริย์จะถูกตัดสินภายหลังจากที่มีการเลือกตั้งสภาพิเศษเพื่อร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่ฝ่ายลัทธิเหมาต้องการสร้างสาธารณรัฐ แต่มุมมองของอีกฝ่ายเห็นว่าสถาบันกษัตริย์สำคัญต่อประเทศเล็กๆ ที่ขนาบข้างด้วยมหาอำนาจอย่างจีนและอินเดีย
อย่างไรก็ตามแม้ว่ากษัตริย์คเยนทราจะคงเป็นกษัตริย์อยู่ แต่ปัจจุบันพระองค์ก็ถูกลดทอนพระราชอำนาจลงเป็นแต่เพียงสัญลักษณ์ และถูกถอดจากพระราชอำนาจทางการเมืองและการเป็นจอมทัพของกองทัพเนปาล
ผู้สนับสนุนและสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์เนปาล (เหมาอิสต์) หรือกบฏลัทธิเหมา
เดินขบวนฉลองชัยชนะกลางกรุงกาฏมาณฑุในวันนี้ (10 พ.ย.)
(ที่มาของภาพ : AP photo/Binod Joshi)
ล่าสุดในวันนี้ (10 พ.ย.) สมาชิกกลุ่มกบฏลัทธิเหมาและผู้สนับสนุนประมาณแปดหมื่นคนเดินขบวนฉลองผลการเจรจาสันติภาพกับรัฐบาล ที่กลางกรุงกาฏมาณฑุ นอกจากนี้ยังมีการเดินขบวนในเมืองลาลิทเปอร์ (Lalitpur) และบัคทาเปอร์ (Bhaktapur) ด้วย
ผู้ร่วมชุมนุมเดินทางด้วยรถยนต์และรถบรรทุกจากพื้นที่นอกเมืองหลวงพร้อมป้าย "ยินดีต้อนรับสู่สาธารณรัฐเนปาล" และ "สหายประจันดาจงเจริญ"
โดยผู้นำอาวุโสและกรมการเมืองของพรรคกล่าวว่า "บัดนี้ประเทศเนปาลก้าวเข้าสู่ยุคใหม่แล้ว"
เส้นทางสู่กระบวนการสันติภาพในเนปาล ที่มา AFP การชุมนุมของมวลชนเนปาลเมื่อเดือนเมษายน ค.ศ.2006 ที่ผ่านมา (ที่มาของภาพ: Getty Images) การเจรจาครั้งประวัติศาสตร์ระหว่างรัฐบาลเนปาลกับกบฏลัทธิเหมาประสบผลสำเร็จเมื่อวันพุธที่ 8 พ.ย. ที่ผ่านมาหลังจากเกิดสงครามกลางเมืองมายาวนานนับ 10 ปี ค.ศ. 1995 กบฏลัทธิเหมาจับอาวุธต่อสู้กับรัฐบาลเนปาล ค.ศ. 2002 พฤษภาคม - กษัตริย์คเยนทราล้มเลิกรัฐสภา และไล่นายกรัฐมนตรีออก ค.ศ. 2004 มิถุนายน - กษัตริย์คเยนทราฟื้นฟูระบบรัฐบาลผสม ค.ศ. 2005 กุมภาพันธ์ - กษัตริย์คเยนทราเข้ายึดอำนาจและครองพระราชสมบัติตามระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ พฤศจิกายน - บรรดาพรรคการเมืองและกบฏลัทธิเหมาร่วมกันเป็นพันธมิตรต่อต้านกษัตริย์คเยนทรา ค.ศ. 2006 เมษายน - เกิดการนัดหยุดงานทั่วประเทศโดยกบฏลัทธิเหมา, พรรคการเมืองฝ่ายค้าน ทำให้กษัตริย์คเยนทรา ยอมสละพระราชอำนาจให้ระบอบรัฐสภา พฤษภาคม - คณะรัฐมนตรีชุดใหม่เข้าทำงาน, มีการประกาศหยุดยิงระหว่างรัฐบาลและกบฏลัทธิเหมา 8 พฤศจิกายน ค.ศ.2006 ข้อตกลงสันติภาพ กบฏลัทธิเหมามีที่นั่งในรัฐบาลเฉพาะกาล และอาวุธจะอยู่ภายใต้การดูแลของสหประชาชาติ จำนวนผู้เสียชีวิต นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองปี 1996 มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 12,500 คน และมีประชาชนเสียชีวิตอย่างน้อย 19 คน ระหว่างการนัดหยุดงานทั่วประเทศ 19 วัน ในเดือนเมษายน |
ที่มาของข่าว
Nepal's PM calls on Maoist rebels to respect peace deal, by Sam Taylor, AFP, Thu Nov 9, 7:35 AM ET
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)