สถาบันข่าวอิศรา สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย
เหตุความไม่สงบที่เกิดขึ้นในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้และจังหวัดสงขลาบางส่วนของเดือนพฤศจิกายน ในห้วงวันที่ 1 - 15 พ.ย. ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่ พล.อ.
แต่สถานการณ์ที่เกิดขึ้น ในห้วง 15 วันของเดือนนี้ มีเหตุการณ์เกิดขึ้นไม่แตกต่างจากเดือนอื่นๆ ซ้ำยังรุนแรงขึ้น โดยเริ่มต้นเหตุการณ์แรกที่เกิดขึ้น ในวันที่ 5 พฤศจิกายน ได้มีชาวบ้านบาเจาะ ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา กว่า 300 คนส่วนใหญ่จะเป็นเด็กและสตรีมุสลิม รวมตัวกันปิดล้อมโรงเรียนบ้านบาเจาะ หมู่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ซึ่งเป็นฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนที่ 3202
เบื้องต้นผู้ชุมนุมเรียกร้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตระเวนชายแดนชุดดังกล่าวย้ายออกนอกพื้นที่ เนื่องจากก่อนหน้าที่เมื่อวันที่ 3 พ.ย. 49 ที่ผ่านมานาย
ต่อมา พ.อ.ชินวัตร แม้นศรี ซึ่งได้รับคำสั่งจากแม่ทัพภาคที่ 4 เป็นตัวแทนเจรจาแจ้งว่า ให้ชาวบ้านสลายการชุมนุมก่อน และทางเจ้าหน้าที่รับปากว่าจะถอนฐานปฏิบัติการ ตชด.กลับภายใน 2-3 วัน โดยให้เหตุผลว่า เนื่องจากมีสัมภาระมาก จะใช้เวลาถอนกำลังภายในวันเดียวไม่ได้ ซึ่งตัวแทนเจรจาได้เดินเข้าไปพูดคุยกับชาวบ้าน เมื่อได้ข้อสรุปว่าจะมีการถอนกำลัง ตชด.ในวันรุ่งขึ้นชาวบ้านจึงพอใจ และสลายการชุมนุม รวมใช้เวลาในการชุมนุมกว่า 6 ชั่วโมง
นอกจากนั้นเหตุการณ์ซุ่มโจมตีเจ้าหน้าที่ยังคงมีอย่างต่อเนื่อง โดยในวันที่ 8 ตุลาคม มีคนร้ายบุกเข้าไปโจมตีเจ้าหน้าที่ทหารพรานร้อยทพ.4301 ทำหน้าที่รักษาความปลอดภัยโรงเรียนธารทิพย์ บ้านบือซู ม.6 ต.บันนังสตา อ.บันนังสตา จ.ยะลา โดยการเข้าโจมตีครั้งนี้ ทำให้ทหารพรานเสียชีวิต 1 นาย คือ จ.ส.อ.อุทัย ไฝไทย หัวหน้าชุด สภาพถูกยิงเข้าที่ศีรษะ และบาดเจ็บ 1 นาย
ส่วนคนร้ายเสียชีวิต 2 ราย คือนายอับดุลรอเซ๊ะ อาลีมามะ อายุ 24 ปี ราษฎรหมู่ 2 ต.บาเจาะ อ.บันนังสตา จ.ยะลา ถูกยิงเข้าที่ศีรษะซึ่งมีหมายจับของ สภ.อ.บันนังสตา ในคดีความมั่นคงหลายคดี ส่วนอีกรายเป็นชายยังไม่ทราบชื่ออายุประมาณ 20-24 ปีสภาพถูกยิงเข้าที่ลำตัวนอกจากนั้นยังสามารถยึดอาวุธปืนขนาด เอ็ม 16 ของคนร้ายจำนวน 2 กระบอกหมายเลข 4929836 และ 9111893ไว้ได้
อีกเหตุการณ์ที่มีผลกระทบต่อความรู้สึกของประชาชนในพื้นที่รวมไปถึงผู้ที่รู้ข่าว เมื่อชาวไทยพุทธ ในพื้นที่บ้านสันติ 1 ต.เขื่อนบางลาง อ.บันนังสตา จ.ยะลาและ บ้านสันติ 2 ต.แม่หวาด อ.ธารโต จ.ยะลา นับร้อยคนอพยพ เข้ามาอาศัยอยู่ภายในวัด นิโรธสังฆาราม(วัดหัวควน)เขตเทศบาลนครยะลา เนื่องจากไม่กล้าอยู่ในพื้นที่ หลังจากเหตุคนร้ายลอบยิงนาย
โดยล่าสุดจำนวนราษฎรผู้อพยพที่มาอาศัยอยู่ที่วัดนิโรธสังฆาราม ต.สะเตง องเมืองจ.ยะลา มียอดล่าสุดจำนวน 206 คน จาก 55 ครอบครัว แบ่งเป็น จากพื้นที่ อ.บันนังสตา บ.สันติ จำนวน 21ครัวเรือน 62 คน บ้านกาโสด 1 ครัเรือน 1 คน บ้านกำปงบารู(บ้านใหม่) จำนวน 1 ครัวเรือน 5 คน บ้านบือซู จำนวน 10 ครัวเรือน 26 คน และจาก อ.ธารโต บ้านสันติ 2 จำนวน 21 ครัวเรือน 100 คน(แบ่งเป็นบ้านเย๊าะ 14 ครัวเรือน 58 คนและบ้านจุฬาภรณ์ 7 จำนวน 7 ครัวเรือน 42 คน) และบ้านจุฬาภรณ์ 9 จำนวน 1 ครอบครัว 12 คน ซึ่งหลายฝ่ายได้เข้ามาดูแล
และเหตุการณ์ก่อเหตุป่วนในวันเดียวกันหลายจุดของช่วงเดือนนี้ ได้เกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดยะลา ในช่วงเที่ยงของวันที่ 9 พฤศจิกายน คนร้ายได้ก่อเหตุป่วนวางระเบิด 8 จุดในเมืองยะลา โดยส่วนใหญ่จุดเกิดเหตุเป็นโชว์รูมรถ ในเขตพื้นที่เทศบาลนครยะลารวม8 แห่งประกอบด้วย โชว์รูม ฮอนด้า , อีซูซุ , นิสสันบนถนนสายเพชรเกษม , มาสด้า ถ.รวมมิตร, ฟอร์ด, เชฟโลเลต และ ร้านแสงเจริญนาปะดู่ ,ร้านหน่ำฮั้วจั่น ถ.สิโรรส ซึ่งจำหน่ายรถจักรยานยนต์
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลาใกล้เคียงกัน ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวน 13 ราย แต่ไม่มีผู้ใดเสียชีวิต และทำให้มีรถยนต์ได้รับความเสียหายหนักรวมทุกโชว์รูม 6 คันและเสียหายบางส่วน 6 คัน ส่วนโชว์รูมรถจักรยานยนต์มีรถเสียหายรวมกว่า 10 คัน
สำหรับเหตุการณ์ลอบวางระเบิดครั้งนี้น่าจะเป็นฝีมือของกลุ่มนายอิสมะแอ ปะจู พร้อมพวกซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยลอบวางระเบิด 22 ธนาคารในพื้นที่จ.ยะลา เมื่อต้นเดือนกันยายน 49 ที่ผ่านมา เนื่องจากพบความเคลื่อนไหวของนายอิสมะแอในพื้นที่ยะลาก่อนเกิดเหตุ โดยนายอิสมะแอ ปะจู เป็นคนสนิทของนายไฟศอล หะยีสะมะแอ ผู้ต้องหาลอบวางระเบิดสนามบินหาดใหญ่ ซึ่งนายอิสมะแอมีหน้าที่หาระเบิดมาแจกจ่ายให้กับแนวร่วมในพื้นที่เพื่อใช้ก่อเหตุ
สำหรับภาพรวมเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วง 1-15 พ.ย. มีทั้งหมด 49 เหตุการณ์ เกิดเหตุการณ์มากที่สุดที่จังหวัดยะลา จำนวน 29 เหตุการณ์ รองลงมาเป็นจังหวัดนราธิวาส จำนวน 17 เหตุการณ์ จังหวัดปัตตานี 9 ส่วนสงขลาไม่มีเหตุการณ์
ผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์มีทั้งหมด 23 ราย เป็น ประชาชนทั้ง 12 ราย เจ้าหน้าที่ของรัฐ 9 ราย คนร้าย 2 ราย ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ มีทั้งหมด 43 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ 11 ราย ประชาชน 32 ราย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)