ทั้งนี้ ก่อนการเดินขบวน สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนนท.) ได้ประกาศจุดยืนเข้าร่วมกับเครือข่าย 19 กันยาฯเพื่อต้านรัฐประหารด้วย

นายศุภ โกลสะสุต สนนท.และนักศึกษาจากมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เป็นผู้อ่านแถลงการณ์ความว่า การรัฐประหารของ คปค.เป็นเพียงข้ออ้างในการชิงอำนาจการปกครองและเปลี่ยนผ่านอำนาจเผด็จการเท่านั้น คือจากเผด็จการณ์ในระบอบทุนนิยิมมาเป็นเผด็จการทหาร โดยอ้างความไม่สงบของประเทศมาเป็นเหตุผลในการยึดอำนาจเบ็ดเสร็จและสร้างวัฒนธรรมการเมืองใช้ความรุนแรง

ในแถลงการณ์ระบุอีกว่า สุดท้ายประชาชนจะไม่มีพลังในการต่อรองหรือสร้างความชอบธรรมใดๆบนแผ่นดินที่เรียกตัวเองว่าประชาธิปไตย แม้แต่สิทธิเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง การเลือกผู้นำ จำกัดสิทธิเสรีภาพ ทำลายองค์กรอิสระ และที่น่าเจ็บปวดและน่าเป็นห่วงที่สุดคือยกเลิกรัฐธรรมนูญที่ประชาชนมีส่วนร่วมร่างมากที่สุด นอกจากนี้ คปค.พยายามสืบทอดอำนาจอีกด้วย

สนนท.จึงมีมติและจุดยืนร่วมกันคือคัดค้านการกระทำทุกอย่างของรัฐบาลหุ่นที่เปรียบเสมือนร่างทรงของ คมช. สอง ให้คปค.และคมช. ยุติบทบาททางการเมืองโดยเร็วที่สุด และคืนประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชน องค์กรอิสระ และสื่อมวลชนโดยเร็วที่สุด สาม ให้ยกเลิกกฎอัยการศึกโดยทันที และให้มีการจัดการเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด โดยกลับไปใช้รัฐธรรมนูญปี 2540 ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการในการให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแก้รัฐธรรมนูญแลพปฏิรูปการเมืองใหม่

ข้อสุดท้าย ขอให้ประชาชน นิสิต นักศึกษาที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำของคปค.ร่วมกันแสดงพลังและอำนาจของประชาชนที่แท้จริง เพื่อเรียกร้องสิทธิเสรีภาพของประชาชนโดยแท้จริง

นายศุภ ยังกล่าวอีกว่า สนนท.ชุดปัจจุบันไม่เห็นด้วยกับ สนนท.ชุดก่อน คือชุดปัจจุบันไม่เอามาตรา 7 ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอา คปค. เพราะไม่ใช่วิถีประชาธิปไตย อีกทั้งต้องฟื้นฟูจิตสำนึกองค์กรประชาธิปไตยหลายองค์กรขึ้นมาใหม่

ในส่วนการเดินขบวนต้านรัฐประหารนั้นได้เริ่มตั้งขบวนเมื่อเวลาประมาณ 18.36 น. โดยส่วนมากใส่ชุดดำ และถือป้ายที่มีเนื้อความคัดค้าน คปค และเรียกร้องรัฐธรรมนูญ 2540 คืนมา จากนั้นตามมาด้วยรถเครื่องเสียงซึ่งมีความขัดข้องตั้งแต่ก่อนเคลื่อนขบวนเมื่อแก้ไขแล้วเสียงออกมาไม่ดังอย่างทั่วถึง หลังรถเครื่องเสียงเป็นขบวนผู้คัดค้านการรัฐประหาร รวมทั้งหมดแล้วประมาณ 100 คน

อย่างไรก็ตาม เมื่อเคลื่อนขบวนมาถึงบริเวณสนามหลวง กลุ่มผู้ชุมนุมคัดค้านการรัฐประหารอีกกลุ่มหนึ่งก็มาร่วมด้วยทำให้ขบวนขยายเป็นประมาณ 500 คน และมีความขลุกขลักวุ่นวายเล็กน้อยในช่วงรวมขบวนเนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่มีรถสัญจรไปมามาก อีกทั้งบางส่วนใช้วิธีการร่วมขบวนอยู่ห่างๆแต่ร่วมเดินไปด้วย ระหว่างเดินขบวนมีการตะโกน "คปค.ออกไป" ตลอดเส้นทางไปจนถึงหน้ากองทัพบก นอกจากนี้ช่วงที่ขบวนผ่านถนนราชดำเนินมีรถทหารผ่านมา 4 คัน ก็โดนโฮ่ด้วยเสียงอันดัง

ขบวนไปถึงหน้ากองทัพบกเวลาประมาณ 19.30น. ฝนห่าใหญ่ได้ตกลงมาพอดี ทำให้มีการชุมนุมโดยใช้เวลาไม่นานนัก มีการอ่านแถลงการณ์ของเครือข่าย 19 กันยาฯ แล้วจึงแยกย้ายกันไปโดยไม่เกิดเหตุรุนแรงใดๆ