ก้าวให้พ้น "ประชานิยม"

ประชาไททำหน้าที่เป็นเวที เนื้อหาและท่าที ความคิดเห็นของผู้เขียน อาจไม่จำเป็นต้องเหมือนกองบรรณาธิการ


 






มุมคิดจากนักเรียนน้อย เป็นผลงานภาคปฏิบัติในชั้นเรียนของนักเรียน นิสิต นักศึกษา ที่ส่งมาให้ประชาไทพิจารณานำเผยแพร่ เยาวชนที่สนใจสามารถส่งผลงานมาได้ที่ netcord@prachati.com

 

 

ภัทธิพงษ์ ศิริปัญญา

คณะวารสารศาสตร์และสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

มติของอดีต ครม. ทักษิณที่ให้นำหวย ๒ ตัว ๓ ตัว ขึ้นมาขายบนดินนั้น นอกจากจะขัดต่อ พ.ร.บ. สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล พ.ศ. ๒๕๑๗ ตามคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกาแล้ว ยังนับได้ว่าเป็นนโยบายประชานิยมที่ฉาบฉวย และไม่ได้คำนึงถึงความเสียหายที่จะเกิดขึ้นแก่สังคม

 

แม้ว่าการจำหน่ายหวยบนดินจะได้รับการตอบรับจากประชาชนค่อนข้างดี โดยยอดจำหน่ายหวยบนดินปี ๒๕๔๗ อยู่ที่ ๓๓,๑๖๘ ล้านบาท และเพิ่มขึ้นเป็น ๔๐,๔๖๙ ล้านบาท ในปี ๒๕๔๘ ในขณะที่ยอดขายหวยใต้ดินนั้นลดลงจากเดิมที่เคยขายได้ประมาณ ๕๔๒,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๔๔ เหลือประมาณ ๔๐๐,๐๐๐ ล้านบาท ในปี ๒๕๔๘

 

มีการโฆษณาว่า กำไรที่ได้จากการขายหวยบนดินนั้นนำไปจัดตั้งเป็นกองทุนเพื่อการศึกษาและนำไปช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส เป็นการสร้างคะแนนนิยมให้กับอดีตพรรครัฐบาลเป็นอย่างมาก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว กระทรวงการคลังไม่สามารถตรวจสอบเส้นทางการใช้เงินรายได้จากการจำหน่ายหวยบนดินของ ครม. และคณะกรรมการสำนักงานสลากฯ ได้เลย

 

แต่ภายหลังจากที่เริ่มมีการจำหน่ายหวยบนดินแล้ว ได้พบว่ามีเยาวชนประมาณ ๑.๕ ล้านคนทั่วประเทศมีพฤติกรรมเล่นหวยบนดิน จากเดิมที่เคยมีเยาวชนเล่นหวยใต้ดินประมาณ ๔ แสนคน

 

ในปัจจุบัน คนไทยร้อยละ ๓๓ หรือหนึ่งในสามมีพฤติกรรมการเล่นหวยทั้งบนดินและใต้ดิน โดยจ่ายเงินซื้อหวยบนดินเฉลี่ย ๕๐๓ บาทต่อคนต่อเดือน และซื้อหวยใต้ดินเฉลี่ย ๑,๓๗๕ บาทต่อคนต่อเดือน

 

การทำหวยบนดินให้เป็นเรื่องถูกกฎหมายนั้นเป็นสิ่งที่ควรกระทำแล้วหรือ?

 

หากจำหน่ายหวยบนดินต่อไปพร้อมทั้งมีมาตรการปราบปรามหวยใต้ดินอย่างจริงจัง แนวโน้มของการซื้อขายหวยใต้ดินก็น่าจะลดลงเรื่อยๆ เงินที่เคยอยู่นอกระบบก็จะไหลเข้ามาสู่ในระบบ กำไรจากการจำหน่ายหวยบนดินสามารถนำกลับไปสร้างประโยชน์คืนให้แก่สาธารณะได้

 

แต่ในขณะเดียวกันก็เป็นการมอมเมาประชาชนโดยเฉพาะเยาวชนให้เสพติดการพนันอย่างหน้ามืดตามัว ทั้งๆ ที่รู้ว่าโอกาสทางสถิติที่จะถูกรางวัลจากหวยนั้นมีน้อยมาก และเป็นการสร้างค่านิยมของสังคมโดยอ้อมที่ว่า เงินคือจุดมุ่งหมายสูงสุดของชีวิต มีเงินแล้วสามารถเนรมิตได้ทุกสิ่ง

 

ต่อไปคนในสังคมก็คงมองว่า หากทำอะไรสักอย่างเพื่อให้ได้มาซึ่งเงินนั้น จะใช้วิถีทางใดก็ได้ จะขายหุ้นกิจการสัมปทานดาวเทียม-โทรทัศน์-โทรศัพท์มือถือซึ่งเป็นสมบัติของคนทั้งชาติให้ต่างประเทศเข้ามาลงทุนหากำไร เพื่อแลกกับเงิน ๗๓,๐๐๐ ล้านโดยไม่ต้องเสียภาษีสักบาทเดียวก็น่าจะทำได้ ไม่มีปัญหาอะไร

 

ลองคิดดูให้ดีว่า หากรับรองการจำหน่ายหวยบนดินให้ถูกต้องตามกฎหมายแล้ว จะมีมาตรการใดที่สามารถป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นเหล่านี้ ?

 

ก่อนที่สังคมจะย่ำแย่ไปกว่าที่เป็นอยู่ รัฐบาลควรยกเลิกหวยบนดินเสีย และหาหนทางแก้ไขปัญหาหวยใต้ดินด้วยวิธีอื่น เช่น มีมาตรการที่ชัดเจนและจริงจังในการปราบปรามการซื้อขายหวยใต้ดินโดยอายัดทรัพย์เจ้ามือหวยและเอาผิดกับผู้ซื้อ มุ่งเก็บภาษีทรัพย์สินและมรดกจากคนรวยในอัตราก้าวหน้าเพื่อสร้างการกระจายรายได้ที่เป็นธรรมและลดความเหลื่อมล้ำของสังคม สนับสนุนการออมทรัพย์โดยเพิ่มอัตราดอกเบี้ยสำหรับเงินฝากประจำ เป็นต้น

 

การแก้ไขปัญหาหวยใต้ดินจะต้องดำเนินนโยบายอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไม่ให้ซ้ำรอยนโยบายแบบมักง่ายของรัฐบาลที่แล้ว ภารกิจที่ท้าทายรัฐบาลชุดนี้คือการหา "ความพอดี" ในการแก้ไขปัญหาให้เจอ

 

รัฐบาลที่ประกาศจุดยืนว่าจะยึดมั่นในคุณธรรมนำเศรษฐกิจพอเพียงจะนำพาประเทศชาติให้ก้าวพ้นจากเงามืดของประชานิยมแบบฉาบฉวยของรัฐบาลที่แล้วได้หรือไม่ ?

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไทอัพเดท ได้ที่:
Facebook : https://www.facebook.com/prachatai
Twitter : https://twitter.com/prachatai
YouTube : https://www.youtube.com/prachatai
Prachatai Store Shop : https://prachataistore.net
สนับสนุนประชาไท 1,000 บาท รับร่มตาใส + เสื้อโปโล

ประชาไท