Skip to main content
sharethis

สำนักพิมพ์ "ฟ้าเดียวกัน" ได้ฤกษ์วางแผงหนังสือเล่มใหม่ "รัฐประหาร 19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" ที่รวมบทความของนักวิชาการชื่อดัง และต่อจากนี้คือบทนำของหนังสือเล่มนี้ พร้อมกับเรื่องที่จะหาอ่านได้ในเล่ม

 

 

                                                   ปกหน้า      ปกหลัง

 

 

ไม่ต้องสงสัยเลยว่ารัฐประหารส่วนใหญ่ที่เกิดขึ้นทุกครั้งของเมืองไทยล้วนแล้วแต่เกี่ยวข้องกับการแย่งชิงอำนาจด้วยกันทั้งสิ้น ไม่อำนาจทางการเมือง ก็อำนาจทางเศรษฐกิจ  รัฐประหาร 19 กันยา ก็ไม่เป็นข้อยกเว้น ดังจะเห็นร่องรอยของความไม่พอใจในการจัดสรรอำนาจและผลประโยชน์ทั้งก่อนและหลังรัฐประหาร

 

แต่การที่จะบอกว่าลำพังเพียงความขัดแย้งทางอำนาจ (โดยเฉพาะการโยกย้ายทหาร) นั้นเป็นปัจจัยเดียวหรือปัจจัยหลักในการรัฐประหารครั้งนี้ก็ดูเหมือนจะไม่ตอบในหลายคำถาม เช่น

 

ทำไมสังคมการเมืองไทยจึงปล่อยให้รัฐธรรมนูญ ซึ่งถูกเรียกกันอย่างแพร่หลายว่า "รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน"  กลายเป็นเพียงเศษกระดาษที่ไร้ความหมาย เพียงแค่มีรถถังเคลื่อนออกมา ?

 

ทำไมผู้ที่อ้างตัวว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตย จึงสยบยอมต่ออำนาจ "ศักดินา-ขุนศึก"  ยอมแม้กระทั่งการขอ "นายกฯ พระราชทาน" หรือออกบัตรเชิญให้มารัฐประหาร ?

 

ทำไมปัญญาชนไทย ซึ่งควรจะเป็นแนวหน้าในการพิทักษ์เจตนารมณ์ประชาธิปไตย จึงกลายมาเป็นทนายแก้ต่างให้ อำนาจเผด็จการทหาร ?

 

ทำไมพลังอำมาตยาธิปไตยซึ่งดูเหมือนจะหมดพลังไปอย่างสิ้นเชิงหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 จึงกลับมาอีกครั้งในรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์   และพลังเหล่านี้ยังเป็นความหวังของสังคมในการฝ่าวิกฤต?

 

ทำไมเครื่องแบบทหารที่เคยเป็นเครื่องแบบต้องห้ามหลังเหตุการณ์พฤษภาคม 2535 กลายมาเป็นแฟชั่นยอดฮิต ?

 

ทำไมอาวุธสงครามซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความรุนแรงจึงกลายมาเป็นเครื่องมือเพื่อระงับความรุนแรง?

 

ทำไมสถาบันกษัตริย์ซึ่งต้องอยู่ "เหนือ" การเมือง จึงกลายมาเป็นเครื่องมือสำคัญของคณะรัฐประหาร?

 

0 0 0

 

ในความเห็นของเรา ผลสำเร็จของรัฐประหาร 19 กันยา  นั้นมีอุดมการณ์ทางการเมืองเป็นปัจจัยชี้นำอุดมการณ์ที่ว่านี้ได้ปรากฏอยู่ตั้งแต่วินาทีแรกของการรัฐประหาร นั่นคือสิ่งที่เรียกว่า  "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

 

ถึงแม้ระบอบที่ว่านี้เป็นเพียง "ประวัติศาสตร์ที่เพิ่งสร้าง" เพราะมันปรากฏครั้งแรกในธรรมนูญการปกครอง 2502  นี่เอง

 

แต่นั่นไม่สำคัญเท่ากับศัตรูของมัน คือสิ่งที่เรียกว่า "ระบอบทักษิณ"  ซึ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ และพรรคไทยรักไทย เป็นตัวแทน ระบอบที่ว่านี้เป็นที่รวมของความเลวร้ายทั้งมวล (หลายเรื่องก็เป็นเรื่องจริง หลายเรื่องก็เป็นเรื่องโกหกพกลม ขณะที่อีกหลายเรื่องก็มิใช่เป็นปัญหาอันเกิดจากรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คือปัญหาของรัฐไทย)

 

สำหรับผู้ที่ต้องการล้ม "ระบอบทักษิณ"   กลยุทธ์ง่าย ๆ แต่ทรงพลังคือการสร้างให้เป็นคู่ตรงข้ามกับ "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"  ซึ่งกระทำผ่านการโฆษณาชวนเชื่อที่นำโดยสนธิ ลิ้มทองกุล และสื่อในเครือผู้จัดการ จนดูประหนึ่งว่าถ้าหากปล่อยให้ทักษิณอยู่ต่อแม้แต่วินาทีเดียว  ประเทศชาติจะล่มจม  ศาสนาจะถูกทำลาย พระมหากษัตริย์ซึ่งเป็นสถาบันคู่บ้านคู่เมืองของไทยจะกลายเป็นเพียงสัญลักษณ์ และหมดความสำคัญในที่สุด

 

ชัยชนะของอุดมการณ์นี้ คือการที่สนธิ ลิ้มทองกุล ในฐานะ "ประกาศก" คนสำคัญ ทำให้แม้แต่ผู้คนที่ไม่เคยเห็นด้วยกับเขาและรัฐบาลทักษิณ ต้องเลือกข้าง  เราจึงได้เห็นหลายคนที่เคยแสดงความไม่เห็นด้วยกับแนวทางของสนธิ หรือเคยเป็นศัตรูเสียด้วยซ้ำ ไม่ว่าจะเป็นพิภพ ธงไชย  เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง  สุริยะใส กตะศิลา  ฯลฯ  กลับต้องสยบยอมกลายมาเป็น "หางเครื่อง" ให้กับสนธิ ด้วยข้อสรุปง่าย ๆ คือ "ระบอบทักษิณ"  เลวร้ายกว่า  

 

(ผลข้างเคียงของปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้ผู้ที่วิจารณ์แนวทางของสนธิ  ต้องกลายเป็นผู้รับใช้ "ระบอบทักษิณ"   ไปเสียทุกราย)

 

เมื่อ "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"  ได้ชัยชนะทางอุดมการณ์แล้ว เราจึงได้เห็นมันโลดแล่นอยู่ในฐานะเครื่องมือสำคัญในการกำจัด "ระบอบทักษิณ"  ดังนั้นจึงไม่แปลกที่จะมีการ "สนธิกำลัง" ระหว่าง ฝ่ายบุ๋นคือ  สนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้จุด "เทียนแห่งธรรม(ราชา)" กับ "ฝ่ายบู๊" คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ผบ.ทบ.  เมื่อต้นต้นปี 2549  นับแต่นั้นเป็นต้นมาเค้าลางของการรัฐประหารก็ก่อตัวขึ้น

 

ตลอดปี 2549 เราจึงได้เห็นการต่อสู้ทางการเมืองของฝ่ายพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แม้จะมีประเด็นแตกต่างหลากหลายเพียงใดแต่ก็รวมศูนย์ที่นำไปสู่การถวายพระราชอำนาจคืน โดยรูปธรรมที่ชัดเจนที่สุดคือการยินยอมพร้อมใจกันขอพระราชทานนายกรัฐมนตรี ตามมาตรา 7 ของรัฐธรรมนูญ 2540 ซึ่งปัจจุบันมีค่าเพียงเศษกระดาษที่รอชั่งกิโลขาย

 

จนในที่สุดเมื่อสถานการณ์สุกงอม รัฐประหาร 19 กันยาก็เกิดขึ้น โดยความยินยอมพร้อมใจของชนชั้นกลางส่วนใหญ่ในเมือง

 

แต่กระบวนการรัฐประหารยังไม่เสร็จสิ้น เพราะคณะรัฐประหารยังไม่ได้ออกแบบ สถาบันทางการเมืองเพื่อมารองรับ  "ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"   ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่ รัฐธรรมนูญ   2550 (ถ้ามี) ก็จะมีเพื่อการรองรับอุดมการณ์ทางการเมืองดังกล่าว

 

จากบทสรุปข้างต้น จึงเป็นที่มาของการหาคำตอบผ่านการจัดทำหนังสือเล่มนี้ รัฐประหาร19 กันยา รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข 

 

กล่าวโดยไม่ต้องอ้อมค้อม เราขอประกาศไว้เลยว่าข้อเขียนที่ปรากฏอยู่ในเล่มนี้ (ยกเว้นของธีรยุทธ บุญมีและบทสัมภาษณ์พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ )  เขียนขึ้นมาด้วยทัศนะของคนที่ไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหาร (แต่นั่นก็มิใช่ว่าข้อเขียนทั้งหมดจะเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ข้อเขียนหลายชิ้นที่ปรากฏในหนังสือเล่มนี้ก็เป็นวิวาทะกันเองด้วย)  

 

ถึงแม้จะตระหนักว่าวิธีคิดในการทำหนังสือเช่นนี้ย่อมหมิ่นเหม่ต่อการกระทำที่ผิด "หลักการ" ของสื่อมวลชนที่ดี  ซึ่งต้องรักษาความเป็นกลาง,  นำเสนอความเห็นของทั้ง 2 ฝ่าย หรือการที่ไม่ตัดสินอะไรด้วยอัตวิสัย

 

แต่ท่ามกลางสภาวการณ์ที่สื่อมวลชนส่วนใหญ่ ยอมรับเงื่อนไขของคณะรัฐประหารว่าจะมาเพียง "ชั่วคราว" และเข้ามาชำระล้างความเลวร้ายของ "ระบอบทักษิณ"  โดยไม่ตั้งคำถามกับวิธีการได้มาซึ่งอำนาจ  หรือสิทธิเสรีภาพที่สูญหายด้วยข้ออ้างแบบครอบจักรวาลว่าเพื่อสยบ "คลื่นใต้น้ำ"  แล้วทำให้เรายิ่งเห็นถึงความจำเป็นของการทำหนังสือที่ไม่เป็นกลาง นำเสนอด้านเดียว  รวมทั้งใช้อัตวิสัยของการไม่เห็นด้วยกับการรัฐประหารเป็นธงนำ

 

 

 

รัฐประหาร 19 กันยา
รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

 

 

ใ น เ ล่ ม... พ บ กั บ

 

"ผมไม่มีวันเห็นว่าการรัฐประหารใดๆ ชอบธรรมเป็นอันขาด"
นิธิ เอียวศรีวงศ์

สถาบันกษัตริย์กับรัฐธรรมนูญ
สุลักษณ์ ศิวรักษ์

ข้ามไม่พ้นประชาธิปไตยแบบหลัง 14 ตุลา:
ประชาธิปไตยแบบใสสะอาดของอภิชนกับการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549

ธงชัย วินิจจะกูล

"การรัฐประหาร 19 กันยายน 2549 คือการทำให้พลเมืองกลายเป็นไพร่"
พิชญ์ พงษ์สวัสดิ์

ภาคผนวก: ว่าด้วยการแทรกแซงการเมืองของ "ชายบนหลังม้า" S.E.Finer
เขียน รัฐประหาร : วาทกรรมปฏิปักษ์ประชาธิปไตยในภูมิความคิดของปัญญาชนไทย

ศิโรตม์ คล้ามไพบูลย์

ภาคผนวก: ข้อเสนอเรื่อง "โครงสร้างการเมืองแบบภูมิปัญญาไทย" ธีรยุทธ บุญมี
การเมืองน้ำเชี่ยว: รัฐประหาร
19 กันยายน 2549 กับปัญหาความชอบธรรมทางการเมือง
เกษม เพ็ญภินันท์

อริสโตเติลกับรัฐประหาร 19 กันยา
ชัยวัฒน์ สถาอานันท์

เฮ้ย... ผมว่าเรียกมันเลยว่า "คณะปฏิกูล"
ธเนศ วงศ์ยานนาวา

หลักนิติรัฐประหาร
สมชาย ปรีชาศิลปกุล

ฐานะทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหาร 19 กันยายน 2549
สุธาชัย ยิ้มประเสริฐ

ภาคผนวก: ความเป็นมาทางประวัติศาสตร์ของการรัฐประหารในประเทศไทย
รัฐประหารไทยในสายตาสื่อเทศ

ภัควดี วีระภาสพงษ์

ภาคผนวก: คุณมีรัฐธรรมของคุณ เรามีรัฐธรรมนูญของเรา สัมภาษณ์ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์
วิเคราะห์ระบอบสนธิ

สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี

แกะรอยพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย: ผู้ออกบัตรเชิญให้คณะรัฐประหาร
ธนาพล อิ๋วสกุล

ทำไมพวกเขาถึงไม่ต้านรัฐประหาร
ประวิตร โรจนพฤกษ์

จารึกไว้ในยุคสมัยแห่งการ "รัฐประหาร"
อุเชนทร์ เชียงเสน

ปัญญาชน 14 ตุลา พันธมิตรฯ และแอ๊กติวิสต์ "2 ไม่เอา"
สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล

จากรัฐประหาร 19 กันยา ถึงรัฐธรรมนูญ 49: แสงริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์
พัชรี อังกูรทัศนียรัตน์ (รายงาน)

 

 

 

 

 

กำหนดการ สัมมนาวิชาการเปิดตัวหนังสือ
"รัฐประหาร 19 กันยา:
รัฐประหารเพื่อระบอบประชาธิปไตยอันมี
พระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข"

 

08.30-09.00 น. ลงทะเบียน



09.00-09.30 น. ปาฐกถานำโดย อ.สุลักษณ์ ศิวรักษ์



09.30-12.30 น. เสวนา "สังคมการเมืองไทย 4 เดือนหลังรัฐประหาร
                       สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล คณะศิลปศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 
                       อุบลรัตน์ ศิริยุวศักดิ์ คณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
                       สมชาย ปรีชาศิลปกุล คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 
                       ไชยยันต์ ไชยพร คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 
                       ดำเนินรายการโดย 
                       พวงทอง รุ่งสวัสดิทรัพย์ ภวัครพันธุ์ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย



12.30-13.30 น. พักรับประทานอาหารเที่ยง



13.30-15.15 น. เสนอบทความ "วิเคราะห์ระบอบสนธิ
                       โดย สุภลักษณ์ กาญจนขุนดี 
                       วิจารณ์โดย อุกฤษฎ์ ปัทมานันท์



15.15-15.30 น. รับประทานอาหารว่าง



15.30-17.00 น. สนทนากับ รศ.ดร.ชัยวัฒน์ สถาอานันท์ คณะรัฐศาสตร์ มธ. ผ่านบทความ 
                       "อริสโตเติลกับรัฐประหาร 19กันยา
                       ดำเนินรายการช่วงบ่าย เกษม เพ็ญภินันท์

 

วันศุกร์ที่ 19 มกราคม 2550 ณ ห้องประชุมชั้น 5 คณะเศรษฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์

 

จัดโดย
สำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน
คณะทำงานสัมมนาและเผยแพร่ คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net